เมื่อคนเราอายุมากขึ้น สุขภาพร่างกายที่เคยฟิต ก็ค่อย ๆ ร่วงโรยลงตามวัย ปัญหาสุขภาพต่าง ๆ ก็เริ่มเข้ามา อาทิ กลุ่มอาการที่เกิดจากความเสื่อมสภาพของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นสมองเสื่อม สายตาฝ้าฟาง หรือกระดูกและข้อเสื่อม ไปจนถึงโรคต่าง ๆ เช่น ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง น้ำตาลในเลือดสูง เป็นต้น ยังไม่รวมอาการอ่อนเพลีย ที่เกิดขึ้นง่ายในผู้สูงอายุอีกด้วย ซึ่งอาการเหล่านี้แม้ว่าจะใช้ยาแพทย์แผนปัจจุบันในการรักษาได้ แต่การรับประทานยามาก ๆ ก็ดูจะไม่ดีต่อสุขภาพของผู้สูงอายุสักเท่าไร
อีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจจึงกลายเป็นสมุนไพร โดยเฉพาะสมุนไพรไทยที่มากด้วยสรรพคุณต่อสุขภาพ อย่างที่นิตยสารชีวจิตคัดสรรมาแล้วว่าเป็นสมุนไพรไทยใกล้ตัว ที่เหมาะกับผู้สูงอายุ อีกทั้งยังมีสรรพคุณดี ๆ ที่นอกจากจะช่วยรักษาโรคในผู้สูงอายุแล้ว ยังใช้บำรุงร่างกายก็ได้เหมือนกัน แถมด้วยวิธีใช้แบบง่าย ๆ ให้ได้ลองไปทำตามกันค่ะ
ลดความดันโลหิตสูง
บัวบก
ใช้ต้นบัวบกสด มีสรรพคุณช่วยลดความดันโลหิตได้ นอกจากนี้ยังใช้บำรุงกำลัง บำรุงหัวใจ แก้อ่อนเพลีย เมื่อยล้าได้ดี ใช้ต้นสด 30-40 กรัม ผสมกับน้ำ 1 แก้ว (ประมาณ 250 ซี.ซี.) คั้นและกรองเอาแต่น้ำดื่มติดต่อกัน 5-7 วัน
กระเทียม
นำกระเทียมสดขนาดกลาง 1-2 กลีบ (5 กรัม) มาสับหรือบด และตวงให้ได้ราว 1 ช้อนชา กินพร้อมอาหารวันละ 3 เวลา มีข้อควรระวังคือ ไม่ควรกินตอนท้องว่าง เพราะจะระคายเคืองกระเพาะได้
ลดระดับน้ำตาลในเลือด
มะระขี้นก
ใช้ผลสด 8-10 ผล ผ่าและเอาเมล็ดออก สับละเอียดแล้วเติมน้ำลงไปเล็กน้อย กรองน้ำมาดื่ม กินทุกวันแบ่งกินวันละ 3 เวลาหลังอาหาร ติดต่อกันอย่างน้อย 1 เดือนจนกว่าระดับน้ำตาลในเลือดจะลดลง หากพบว่าน้ำคั้นมีรสขมเกินไป ให้นำมาลวกน้ำร้อนและกินกับน้ำพริกแทน
ตำลึง
นำยอดตำลึงสดประมาณ 1 กำมือ ลวกพอสุก ใช้เป็นผักจิ้มน้ำพริกหรือนำไปปรุงอาหารอื่น ๆ กินติดต่อกันเป็นเวลา 1-3 เดือน หรือจนกว่าระดับน้ำตาลในเลือดจะลดลง
ลดไขมันในเส้นเลือด
กระเจี๊ยบแดง
นำกลีบรองดอกสีม่วงไปตากแห้งและบดเป็นผง ใช้ครั้งละ 1 ช้อนชา ชงกับน้ำเดือด 1 แก้ว (ราว 250 ซี.ซี.) ดื่มวันละ 3 ครั้ง ติดต่อกันทุกวันจนกว่าอาการจะดีขึ้น นอกจากนี้ยังมีสรรพคุณแก้อ่อนเพลีย บำรุงกำลัง บำรุงธาตุบำรุงโลหิต ลดอุณหภูมิในร่างกายได้
เสาวรส
เลือกผลที่แก่จัด ล้างสะอาด และผ่าครึ่ง ตักเนื้อมาคั้นเอาแต่น้ำ ดื่มสด ๆ หรือปรุงรสโดยเติมเกลือ และน้ำตาลเล็กน้อย ดื่มเป็นน้ำผลไม้ และมีสรรพคุณอื่น ๆ เช่น บำรุงผิวพรรณได้เปล่งปลั่งสดใส มีสารต้านอนุมูลอิสระ และช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย
สยบเบาหวาน
เตยหอม
นำใบแก่จัดสัก 10 ใบ มาหั่นตากแดดแล้วชงดื่มแบบชาหรือใส่หม้อดินต้ม ดื่มต่างน้ำทุกวัน ควรดื่มอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 1 เดือนขึ้นไปจึงจะเห็นผล นอกจากช่วยบรรเทาโรคเบาหวานแล้ว ยังเป็นยาบำรุงหัวใจ ขับปัสสาวะ และแก้กระษัยได้อีกด้วย
กะเพรา
นำใบสดสัก ½ กำมือ หรือแบบตากแห้งมาบดเป็นผงราว 1 ช้อนชา ต่อน้ำ 1 แก้ว (ราว 250 ซีซี) ชงเป็นชาดื่มหลังมื้ออาหาร ผลวิจัยพบว่าใบกะเพราทำให้เซลล์ตับอ่อนผลิตอินซูลินได้ดีขึ้นเหมาะกับผู้ที่เป็นเบาหวานชั้นต้น
ต้านสมองเสื่อม
ขมิ้นชัน
นำเหง้าแก่สดยาวประมาณ 2 นิ้วมาขูดเปลือก ล้างน้ำให้สะอาด ตำให้ละเอียด เติมน้ำ คั้นเอาแต่น้ำ กินครั้งละ 2 ช้อนโต๊ะ วันละ 3-4 ครั้ง หรือกินแบบแคปซูล วันละ 1,000 มิลลิกรัม มีการศึกษาพบว่า ในกลุ่มคนเอเชียที่กินขมิ้นชันเป็นประจำทุกวัน จะมีอัตราการเป็นอัลไซเมอร์น้อยกว่าคนในแถบยุโรปที่ไม่ได้กินขมิ้นชันเกือบ 5 เท่า นอกจากนี้ยังมีสรรพคุณต้านมะเร็ง ป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด
พริกไทย
ใช้ผงป่นมาปรุงอาหารที่กินเป็นประจำ หรือกินเป็นแคปซูลวันละ 1,000 มิลลิกรัม พร้อมกับอาหารทุกมื้อ ไม่ควรกินขณะท้องว่าง เพราะอาจเกิดการระคายเคืองกระเพาะอาหาร นักวิจัยพบว่า สารพิเพอรีนในพริกไทยมีสรรพคุณต้านสมองเสื่อม ต้านอนุมูลอิสระ ลดการอักเสบ และต้านมะเร็งได้บำรุงธาตุ
มะพร้าว
ดื่มน้ำจากผลอ่อนวันละ 1 ผล ผ่าแล้วควรดื่มทันทีไม่ต้องเติมน้ำตาล นอกจากช่วยบำรุงธาตุแล้ว ยังแก้กระหาย แก้พิษ อาเจียนเป็นเลือด ท้องเสีย บวมน้ำ ขับปัสสาวะ และขับนิ่วก้อนเล็ก ๆ ได้อีกด้วย ที่สำคัญ ใช้ดื่มเพื่อบรรเทาอาการท้องเสียในกรณีที่ขาดแคลนน้ำเกลือแร่ได้เลย
มะตูม
นำผลโตเต็มที่มาฝานเป็นแว่น ๆ แล้วตากแห้ง คั่วให้เหลืองหอม นำไปชงน้ำดื่ม โดยใช้มะตูม 2-3 ชิ้น ต่อน้ำ 1 กา ชงในน้ำเดือด จิบตลอดวัน นอกจากมีสรรพคุณช่วยบำรุงธาตุแล้ว ยังช่วยขับลม แก้ท้องเดินหรือท้องเสียได้อีกด้วย
ผู้สูงอายุเป็นวัยที่ต้องได้รับการดูแลและใส่ใจสุขภาพมากกว่าช่วงวัยอื่น ๆ ไม่ว่าทั้งทางด้านสุขภาพและทางอารมณ์ ดังนั้นบรรดาลูกหลานหรือคนใกล้ชิดไม่ควรละเลยหรือเบื่อหน่ายที่ต้องดูแลผู้สูงอายุ เพื่อที่ท่านจะได้มีความสุขและมีสุขภาพที่ดี อายุยืนยาวค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก