9 เหตุผลที่สาว ๆ ควรฝึกท่า Plank ทุกวัน เพื่อหุ่นสวยเป๊ะ สร้างเองได้

          Plank ท่าออกกำลังกายสุดฟิตที่สาว ๆ ไม่ควรพลาด เพราะประโยชน์จากการฝึกท่าแพลงก์นี้ดีจนทำให้คุณสาว ๆ ต้องหลงรัก

Plank

          ถ้าจะพูดถึงวิธีฟิตกล้ามเนื้อและเบิร์นไขมันส่วนเกินที่ได้ผลดีเยี่ยมแล้ว หนึ่งในนั้นก็คือ ท่าแพลงก์ (Plank) ซึ่งเป็นท่าที่ต้องใช้ความแข็งแรงของแขน การทรงตัว และการเกร็งตัว ไปพร้อม ๆ กัน แต่เคยสงสัยไหมว่านอกจากช่วยให้กล้ามเนื้อแข็งแรงแล้ว เจ้าท่าออกกำลังกายนี้ยังมีประโยชน์อะไรอีกบ้าง ถ้าอย่างนั้นเราไปดูข้อดีของการฝึกท่าแพลงก์กันเลยดีกว่าค่ะ

1. ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของร่างกาย

          ไม่ว่าจะเป็นกล้ามเนื้อหน้าท้องส่วนบน ส่วนล่าง รวมทั้งกล้ามเนื้อขา และก้น ก็ล้วนแต่จะฟิต แอนด์ เฟิร์มยิ่งขึ้นเมื่อออกกำลังกายด้วยท่าแพลงก์ ไม่เพียงเท่านั้นกล้ามเนื้อหน้าท้องด้านในก็ยังจะแข็งแรงขึ้นด้วย ไม่ต้องไปฝึกเวตเทรนนิ่งอย่างหนักหน่วงก็สามารถมีกล้ามเนื้อที่แข็งแรงได้
 
2. เป็นวิธีออกกำลังกายที่มีประสิทธิภาพสูง

          การออกกำลังกายด้วยท่าแพลงก์ ถือเป็นหนึ่งในการออกกำลังกายที่ได้ประสิทธิภาพมากวิธีหนึ่ง เพราะแค่ฝึกท่าแพลงก์เพียง 60 วินาที ก็เทียบเท่ากับการออกกำลังกายด้วยการซิทอัพ 1,000 ครั้งเลยทีเดียว แถมยังทำให้กล้ามเนื้อหลาย ๆ ส่วนได้ออกกำลังกายไปพร้อม ๆ กัน
 
3. ปรับปรุงบุคลิกภาพ

          สำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องบุคลิกภาพ การฝึกท่าแพลงก์สามารถช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ เพราะท่าแพลงก์เป็นท่าออกกำลังกายที่เสริมความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อหลังโดยเฉพาะในส่วนที่คอยรองรับกระดูกสันหลัง อีกทั้งยังเป็นการฝึกให้กระดูกสันหลังที่ผิดรูปค่อย ๆ กลับสู่ภาวะปกติได้ แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญด้วย เพราะบางรายที่มีความผิดปกติที่กระดูกสันหลังรุนแรง การฝึกท่านี้ก็อาจจะทำให้ยิ่งอาการทรุดลง

Plank
 
4. เพิ่มความยืดหยุ่นให้ร่างกาย

          กล้ามเนื้อที่ดีคือกล้ามเนื้อที่มีทั้งความแข็งแรงและความยืดหยุ่นที่เหมาะสม ซึ่งการฝึกท่าแพลงก์ไม่เพียงแค่เสริมความแข็งแรงเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กล้ามเนื้อด้วย แค่เพียงทำเป็นประจำทุกวันคุณจะสามารถยืดเหยียดร่างกายได้มากขึ้น แถมลดโอกาสกล้ามเนื้อบาดเจ็บลงได้

5. ลดหน้าท้อง

          หน้าท้องที่เต็มไปด้วยไขมันจะหมดไปถ้าหากฝึกท่าแพลงก์เป็นประจำทุกวัน ทั้งนี้ก็เพราะว่าท่าแพลงก์เป็นท่าออกกำลังกายที่เน้นการฝึกกล้ามเนื้อที่บริเวณหน้าท้องทั้งด้านในและด้านนอก จึงทำให้ไขมันที่เคยย้วยตามหน้าท้องค่อย ๆ ลดลง แต่ทั้งนี้ก็ต้องควบคุมอาหารไปพร้อม ๆ กันด้วย ไม่อย่างนั้นพุงไม่ยุบ หน้าท้องไม่เฟิร์มแน่นอนค่ะ
 
6. ลดอาการปวดหลัง

          อาการปวดหลังส่วนล่างนั้นส่วนใหญ่มักมีปัญหามาจากกล้ามเนื้อหลังที่คอยรองรับกระดูกสันหลังไม่แข็งแรง จึงไม่สามารถพยุงกระดูกสันหลังให้อยู่ในลักษณะที่เป็นปกติ ส่งผลให้เกิดแรงกดที่กระดูกสันหลังมากขึ้นจนก่อให้เกิดอาการปวด แต่การฝึกท่าแพลงก์นี้จะช่วยเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อที่รองรับกระดูกสันหลังให้สามารถทำงานได้ดีขึ้น อีกทั้งยังช่วยคลายแรงที่กดทับอยู่บนกระดูกสันหลัง ทำให้อาการปวดหลังลดลงนั่นเอง

7. เสริมสมดุลให้ร่างกาย

          หากคุณเคยลองยืนด้วยขาข้างเดียวแล้วพบว่าไม่สามารถทรงตัวได้ นั่นอาจเป็นสัญญาณว่าร่างกายของคุณกำลังสูญเสียสมดุล ดังนั้นขอให้มาฝึกท่าแพลงก์เลยค่ะ เพราะการฝึกท่านี้ถือเป็นการฝึกสมดุลให้แก่ร่างกายวิธีหนึ่ง หากทำเป็นประจำทุกวัน คุณก็จะสังเกตได้เลยว่าการทรงตัวของคุณดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

Plank
 
8. คลายความเครียด

          การฝึกท่าแพลงก์ไม่ได้แค่เพียงเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับร่างกายเท่านั้น แต่ยังช่วยคลายกล้ามเนื้อและระบบประสาทที่ตึงเครียดได้อีกด้วย ซึ่งจะส่งผลให้เรารู้สึกผ่อนคลาย และความเครียดลดลง แถมยังสามารถลดความวิตกกังวลและอาการของโรคซึมเศร้าได้หากทำเป็นประจำทุกวัน

9. เพิ่มการเผาผลาญ

          สำหรับคนที่อยากลดน้ำหนัก ไม่ควรพลาดท่าแพลงก์เป็นอย่างยิ่ง เพราะท่าแพลงก์เป็นท่าออกกำลังกล้ามเนื้อท้องที่จะต้องใช้พลังงานอย่างมากในการทรงตัว อีกทั้งยังกระตุ้นการเผาผลาญของร่างกายให้ทำงานดียิ่งขึ้น ทำให้แม้ว่าจะออกกำลังกายเสร็จแล้ว ร่างกายก็ยังจะเผาผลาญพลังงานเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปตลอดทั้งวัน

Plank
 
วิธีการฝึกท่าแพลงก์ชนิดต่าง ๆ

          การฝึกท่าแพลงก์ที่ดีควรใช้เวลาในการฝึกอย่างน้อยท่าละ 30-60 วินาที ในแต่ละครั้ง ซึ่งถ้าหากฝึกไประยะหนึ่งแล้วก็สามารถเพิ่มเวลาขึ้นไปได้เรื่อย ๆ ตามต้องการ หรือเท่าที่ร่างกายจะสามารถทำได้ค่ะ โดยท่าแพลงก์แบบพื้นฐานนั้นมีวิธีฝึก ดังนี้

1. ท่าแพลงก์ปกติ (Basic Plank)


 
          วิธีฝึก

          1. เริ่มต้นด้วยท่านอนคว่ำ เหยียดตัวตรง เกร็งคอ และศีรษะลอยจากพื้น 
          2. ตั้งศอกทั้ง 2 ข้างกับพื้น ค่อย ๆ ยันตัวขึ้น โดยให้ศอกทั้ง 2 ข้างห่างกันประมาณ 1 ช่วงไหล่
          3. ยกสะโพกขึ้น เกร็งลำตัวและคอให้อยู่ในระนาบเดียวกัน ค้างท่าไว้ 30-60 วินาที

 
2. ท่าแพลงก์ด้านข้าง (Side Plank)



          วิธีฝึก

          1. เริ่มต้นด้วยท่านอนตะแคงขวา ใช้แขนและข้อศอกยันตัวขึ้นโดยให้สะโพกยังวางอยู่กับพื้น
          2. ค่อย ๆ ยกสะโพกขึ้น ตามด้วยเหยียดแขนข้างขวาตรงขึ้นไปข้างบน
          3. เกร็งคอ ลำตัว และสะโพก ให้อยู่ในระนาบเดียวกัน ค้างท่าไว้ 30-60 วินาที คลายท่า แล้วสลับข้าง

3. ท่าแพลงก์ยกขา (Leg Raise Plank)


 
          วิธีฝึก

          1. เริ่มต้นท่าคุกเข่าก้มหน้า ตั้งศอก วางปลายเท้ากับพื้น
          2. ยกเข่าขึ้น เกร็งลำตัวและคอให้อยู่ในระนาบเดียวกัน
          3. ยกขาข้างหนึ่งขึ้น ค้างท่าไว้ 30-60 วินาที แล้วคลายท่า

4. ท่าแพลงก์ยกแขน (One Arm Plank)


 
          วิธีฝึก

          1. เริ่มต้นท่าคุกเข่าก้มหน้า ตั้งศอก วางปลายเท้ากับพื้น
          2. ยกเข่าขึ้น เกร็งลำตัวและคอให้อยู่ในระนาบเดียวกัน
          3. ยกแขนข้างหนึ่งขึ้นเหยียดตรงไปข้างหน้า ค้างท่าไว้ 30-60 วินาที แล้วคลายท่า

5. ท่าแพลงก์ยกแขนและขา (One arm-One leg Plank)




          วิธีฝึก

          1. เริ่มต้นท่าคุกเข่าก้มหน้า ตั้งศอก วางปลายเท้ากับพื้น
          2. ยกเข่าขึ้น เกร็งลำตัวและคอให้อยู่ในระนาบเดียวกัน
          3. ยกขาซ้ายเหยียดตรงไปข้างหลัง ยกแขนขวาเหยียดตรงไปข้างหน้า ค้างท่าไว้ 30-60 วินาที แล้วคลายท่า

          ใครที่กำลังคิดว่าท่าแพลงก์เป็นท่าที่โหด ได้เห็นประโยชน์ดี ๆ เหล่านี้แล้วก็คงพอจะทำให้เปลี่ยนความคิดเรื่องท่าแพลงก์กันไปได้เยอะ ถ้าอยากมีสุขภาพที่ดีละก็ นอกจากการออกกำลังกายแบบอื่น ๆ แล้ว ลองบวกการฝึกท่าแพลงก์เข้าไปด้วยก็น่าจะดีไม่น้อยเลยเชียวล่ะ
 

ขอบคุณข้อมูลจาก
lifehack.org
livestrong.com 
mercola.com 
health.com 
fitlife.tv

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
9 เหตุผลที่สาว ๆ ควรฝึกท่า Plank ทุกวัน เพื่อหุ่นสวยเป๊ะ สร้างเองได้ อัปเดตล่าสุด 4 มีนาคม 2564 เวลา 10:10:11 256,600 อ่าน
TOP
x close