โรคคนติดซีรีส์ดูกันจนกินนอนไม่เป็นเวลา พาร่างกายเพลีย และอาจเสี่ยง 7 โรคนี้ด้วย
1. โรคต้อหินเฉียบพลัน
เคยมีเคสสาวจีนที่ดูซีรีส์มาราธอนนานถึง 18 ชั่วโมง แล้วเช้ามาเกิดอาการเจ็บตามาก พร้อมด้วยอาการคลื่นไส้ (อ่านข่าว : สาวหวิดตาบอด หลังดูซีรีส์เกาหลีมาราธอน 18 ชม. ผ่านแท็บเล็ต) จนเมื่อไปพบหมอก็ทำให้ทราบว่าเธอมีอาการของโรคต้อหินเฉียบพลัน หวิดตาบอดทั้งสองข้าง เนื่องจากความดันในลูกตาสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว แถมแพทย์ยังพบว่าดวงตาของเธอมีอาการล้าที่รุนแรงมากกว่าปกติจากการที่ใช้สายตาอย่างหนักอีกด้วย
ดังนั้นใครติดซีรีส์และชอบดูรวดเดียวยาว ๆ แบบนี้ต้องระวังโรคต้อหินเฉียบพลันให้ดีเลย
2. โรควุ้นในตาเสื่อม
อีกหนึ่งโรคสายตาที่เกิดได้ในคนอายุน้อย จากที่เคยเกิดในผู้สูงวัย ซึ่งสาเหตุหลักก็คือพฤติกรรมใช้สายตาเพ่งหน้าจอติดต่อกันเป็นเวลานาน ยิ่งซีรีส์ที่มีความยาวและความสนุกมากคงดูกันแทบไม่กะพริบตาแน่ ๆ แล้วพอเกิดอาการปวดตาขึ้นมาก็คิดว่าไม่น่าจะหนักหนาอะไร กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็มองเห็นหยากไย่ ตาข่าย หรือเส้นอะไรวนไปวนมาเหมือนยุงบิน แต่ปัดเท่าไรก็ไม่โดนสักที นี่แหละอาการบ่งชี้โรควุ้นในตาเสื่อม ดังนั้นทางลดความเสี่ยงที่ดีที่สุดคือการพักสายตาบ่อย ๆ และพยายามหลีกเลี่ยงการเพ่งมองอะไรต่อเนื่องนาน ๆ นะคะ
3. ออฟฟิศซินโดรม
อย่าชะล่าใจว่ายังไม่ถึงวัยทำงาน หรือไม่ได้เป็นมนุษย์ออฟฟิศ คงไม่เสี่ยงโรคออฟฟิศซินโดรมแน่ ๆ เพราะคนที่มีพฤติกรรมติดหน้าจอ ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์ และมักจะใช้เวลาในโลกออนไลน์นานเฉลี่ย 2-6 ชั่วโมงต่อวัน ก็มีโอกาสจะป่วยด้วยโรคนี้ค่อนข้างสูง เนื่องจากลักษณะท่านั่งจ้องหน้าจอ การเพ่งสายตาเป็นเวลานาน ๆ และนั่งในท่าเดิมเพื่อดูซีรีส์อย่างต่อเนื่อง ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดโรคออฟฟิศซินโดรมได้ ซึ่งหากตอนนี้ใครมีอาการปวดตึงที่คอ บ่า ไหล่ ร่วมกับอาการปวดสายตาและศีรษะ อย่างน้อยควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหรือพยายามห่างกันสักพักกับซีรีส์จะดีกว่า
4. นอนไม่พอ
ไม่ใช่แค่ความสนุกของซีรีส์เท่านั้นหรอกนะคะ ที่ทำให้เราอยากดูซีรีส์ยาว ๆ ไป ไม่รู้สึกง่วงนอนสักที แต่สำหรับคนที่ติดดูซีรีส์ในตอนกลางคืน ทราบไหมว่าแสงสีฟ้าในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ก็เป็นตัวการป่วนฮอร์โมนเมลาโทนิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนสำคัญของนาฬิกาชีวิตของเรา ทำให้เมื่อถึงเวลานอนก็ไม่ค่อยอยากจะนอน เวลาตื่นก็ไม่อยากตื่น ทำเอาเวลาชีวิตรวนเรไปหมด คราวนี้เมื่อสมองพักผ่อนไม่เพียงพอ ก็จะมีอาการขี้หลงขี้ลืม เกิดอาการเบลอ ๆ ขึ้นได้
5. นอนไม่หลับ
อัปเลเวลขึ้นมาจากอาการนอนไม่พอเป็นอาการนอนไม่หลับ เพราะหากยังคงติดซีรีส์และปล่อยให้ตัวเองนอนไม่พอบ่อยครั้งเข้า ก็เหมือนฝึกให้ร่างกายสะสมสารพิษต่อระบบประสาท (Neurotoxin) ทำให้กลายเป็นคนนอนหลับยากขึ้นทุกที จนกระทั่งเป็นโรคนอนไม่หลับ และยังเพิ่มความเสี่ยงโรคเรื้อรังอื่น ๆ ให้มีโอกาสเกิดขึ้นได้ง่าย
6. อ้วน
สืบเนื่องจากการนอนดึก ซึ่งต้องบอกว่ายิ่งนอนดึกยิ่งอ้วนได้ง่าย โดยเฉพาะคนที่ดูซีรีส์จนไม่ยอมหลับยอมนอน เฉลี่ยแล้วพบว่านอนน้อยกว่า 5 ชั่วโมงต่อวัน เพราะการนอนหลับไม่เพียงพอจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดผิดปกติและเข้าไปทำให้ฮอร์โมนเกรลิน (Ghrelin) หรือฮอร์โมนความหิวเพิ่มสูงขึ้น อีกทั้งยังทำให้ฮอร์โมนเลปติน (Leptin) ซึ่งเป็นฮอร์โมนความอิ่มลดลง จึงเป็นสาเหตุทำให้เราหิวบ่อยขึ้นนั่นเอง
ที่สำคัญหากใครชอบดูซีรีส์ไป กินขนมจุบจิบไป เคสนี้ความอ้วนยิ่งเข้าใกล้หนักมากเลยล่ะ
7. โรคกระเพาะอาหาร
ยอมรับมาเถอะค่ะว่าติดดูซีรีส์จนลืมกินข้าวกินปลาบ่อย ๆ ยิ่งวันหยุดนี่กว่ามื้อแรกจะตกถึงท้องก็เกือบเย็นไปแล้วก็มี โดยเฉพาะคนที่ปกติก็กินข้าวไม่ค่อยตรงเวลาอยู่แล้ว ขอเตือนผ่านตรงนี้เลยว่าระวังโรคกระเพาะจะถามหาเอานะ
แม้ซีรีส์จะสนุกและน่าติดตามแค่ไหน แต่เราก็ควรมีลิมิตในการดูอย่างเหมาะสม แบ่งเวลาให้ชีวิตลงตัว และไม่กระทบกับสุขภาพร่างกายของเราไม่ว่าจะทางใดก็ตาม ซึ่งหากยังไม่รู้วิธีห้ามใจตัวเองไม่ให้ติดซีรีส์ ลองมาดูวิธีเบื้องต้นตามนี้ก่อน
1. กำหนดเวลาดูซีรีส์อย่างจริงจัง อาจตั้งนาฬิกาปลุกเอาไว้ นาฬิกาดังเมื่อไรคือปิดทุกสิ่งอย่างทันที และพยายามทำตามให้ได้ทุกวัน
2. หากจะหยุดดูซีรีส์ ควรหยุดในช่วงกลาง ๆ ของตอน เพราะในช่วงท้ายตอนมักจะทิ้งปมค้างไว้ให้เราอยากดูต่อ
3. ใช้เวลากับคนรอบข้างให้มากขึ้น เช่น ชวนกันทำกิจกรรมอื่น ๆ อย่างชวนกันเล่มเกม ชวนกันเตรียมอาหารเช้า ชวนกันทำข้าวกล่องไปทำงาน เป็นต้น
4. ท่องไว้ว่าซีรีส์ไม่หนีไปไหน หยุดไว้ก่อนแล้วค่อยมาเริ่มดูใหม่ในวันต่อไปก็ได้
5. พยายามคิดถึงผลกระทบต่อสุขภาพ ถ้านอนดึก หน้าจะเหี่ยวเร็ว แล้วจะอ้วนขึ้นด้วยนะ หรือถ้าดูซีรีส์หนักเกินไป สายตาคงเพลียมากจนอาจเป็นโรคก็ได้
6. ถ้าเป็นคนที่ติดซีรีส์ไม่บ่อย อาจทยอยดูเรื่องที่ติดให้จบ แล้วพยายามอย่าดูเรื่องอื่นต่ออีก
เข้าใจค่ะว่าการติดดูซีรีส์สักเรื่องก็ติดกันงอมแงมจริง ๆ ให้เลิกเลยคงทำใจลำบากเนอะ แต่อย่างน้อยก็ขอให้แบ่งเวลา จัดตารางชีวิตให้ถูก อย่าปล่อยให้ซีรีส์ครอบงำจนเราเสียการเสียงาน เสียการเรียน หรือเสียสุขภาพเลยดีกว่า
ขอบคุณข้อมูลจาก
Harvard Health Publications
Tech Insider
อะไรที่มากเกินไปก็ไม่ดี
โดยเฉพาะกับการติดซีรีส์ไม่ว่าจะเป็นซีรีส์จากสัญชาติไหนก็ตาม
ที่ดึงดูดให้เราอยากดูซีรีส์ตลอดทั้งวัน จนบางครั้งก็ลืมกินข้าวบ้าง
ลืมง่วงนอนบ้างก็มี อย่างนี้ร่างกายคงอ่อนเพลียแทบแย่
และรู้ไหมว่าไม่ใช่แค่อาการเพลียร่างเท่านั้นหรอกนะที่จะเกิดขึ้น
แต่หากยังคงความติดซีรีส์ต่อไปอีกเรื่อย ๆ 7 โรคนี้อาจมาทักทายให้ต้องหนักใจกันบ้าง
1. โรคต้อหินเฉียบพลัน
เคยมีเคสสาวจีนที่ดูซีรีส์มาราธอนนานถึง 18 ชั่วโมง แล้วเช้ามาเกิดอาการเจ็บตามาก พร้อมด้วยอาการคลื่นไส้ (อ่านข่าว : สาวหวิดตาบอด หลังดูซีรีส์เกาหลีมาราธอน 18 ชม. ผ่านแท็บเล็ต) จนเมื่อไปพบหมอก็ทำให้ทราบว่าเธอมีอาการของโรคต้อหินเฉียบพลัน หวิดตาบอดทั้งสองข้าง เนื่องจากความดันในลูกตาสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว แถมแพทย์ยังพบว่าดวงตาของเธอมีอาการล้าที่รุนแรงมากกว่าปกติจากการที่ใช้สายตาอย่างหนักอีกด้วย
ดังนั้นใครติดซีรีส์และชอบดูรวดเดียวยาว ๆ แบบนี้ต้องระวังโรคต้อหินเฉียบพลันให้ดีเลย
2. โรควุ้นในตาเสื่อม
อีกหนึ่งโรคสายตาที่เกิดได้ในคนอายุน้อย จากที่เคยเกิดในผู้สูงวัย ซึ่งสาเหตุหลักก็คือพฤติกรรมใช้สายตาเพ่งหน้าจอติดต่อกันเป็นเวลานาน ยิ่งซีรีส์ที่มีความยาวและความสนุกมากคงดูกันแทบไม่กะพริบตาแน่ ๆ แล้วพอเกิดอาการปวดตาขึ้นมาก็คิดว่าไม่น่าจะหนักหนาอะไร กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็มองเห็นหยากไย่ ตาข่าย หรือเส้นอะไรวนไปวนมาเหมือนยุงบิน แต่ปัดเท่าไรก็ไม่โดนสักที นี่แหละอาการบ่งชี้โรควุ้นในตาเสื่อม ดังนั้นทางลดความเสี่ยงที่ดีที่สุดคือการพักสายตาบ่อย ๆ และพยายามหลีกเลี่ยงการเพ่งมองอะไรต่อเนื่องนาน ๆ นะคะ
อย่าชะล่าใจว่ายังไม่ถึงวัยทำงาน หรือไม่ได้เป็นมนุษย์ออฟฟิศ คงไม่เสี่ยงโรคออฟฟิศซินโดรมแน่ ๆ เพราะคนที่มีพฤติกรรมติดหน้าจอ ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์ และมักจะใช้เวลาในโลกออนไลน์นานเฉลี่ย 2-6 ชั่วโมงต่อวัน ก็มีโอกาสจะป่วยด้วยโรคนี้ค่อนข้างสูง เนื่องจากลักษณะท่านั่งจ้องหน้าจอ การเพ่งสายตาเป็นเวลานาน ๆ และนั่งในท่าเดิมเพื่อดูซีรีส์อย่างต่อเนื่อง ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดโรคออฟฟิศซินโดรมได้ ซึ่งหากตอนนี้ใครมีอาการปวดตึงที่คอ บ่า ไหล่ ร่วมกับอาการปวดสายตาและศีรษะ อย่างน้อยควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหรือพยายามห่างกันสักพักกับซีรีส์จะดีกว่า
4. นอนไม่พอ
ไม่ใช่แค่ความสนุกของซีรีส์เท่านั้นหรอกนะคะ ที่ทำให้เราอยากดูซีรีส์ยาว ๆ ไป ไม่รู้สึกง่วงนอนสักที แต่สำหรับคนที่ติดดูซีรีส์ในตอนกลางคืน ทราบไหมว่าแสงสีฟ้าในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ก็เป็นตัวการป่วนฮอร์โมนเมลาโทนิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนสำคัญของนาฬิกาชีวิตของเรา ทำให้เมื่อถึงเวลานอนก็ไม่ค่อยอยากจะนอน เวลาตื่นก็ไม่อยากตื่น ทำเอาเวลาชีวิตรวนเรไปหมด คราวนี้เมื่อสมองพักผ่อนไม่เพียงพอ ก็จะมีอาการขี้หลงขี้ลืม เกิดอาการเบลอ ๆ ขึ้นได้
5. นอนไม่หลับ
อัปเลเวลขึ้นมาจากอาการนอนไม่พอเป็นอาการนอนไม่หลับ เพราะหากยังคงติดซีรีส์และปล่อยให้ตัวเองนอนไม่พอบ่อยครั้งเข้า ก็เหมือนฝึกให้ร่างกายสะสมสารพิษต่อระบบประสาท (Neurotoxin) ทำให้กลายเป็นคนนอนหลับยากขึ้นทุกที จนกระทั่งเป็นโรคนอนไม่หลับ และยังเพิ่มความเสี่ยงโรคเรื้อรังอื่น ๆ ให้มีโอกาสเกิดขึ้นได้ง่าย
6. อ้วน
สืบเนื่องจากการนอนดึก ซึ่งต้องบอกว่ายิ่งนอนดึกยิ่งอ้วนได้ง่าย โดยเฉพาะคนที่ดูซีรีส์จนไม่ยอมหลับยอมนอน เฉลี่ยแล้วพบว่านอนน้อยกว่า 5 ชั่วโมงต่อวัน เพราะการนอนหลับไม่เพียงพอจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดผิดปกติและเข้าไปทำให้ฮอร์โมนเกรลิน (Ghrelin) หรือฮอร์โมนความหิวเพิ่มสูงขึ้น อีกทั้งยังทำให้ฮอร์โมนเลปติน (Leptin) ซึ่งเป็นฮอร์โมนความอิ่มลดลง จึงเป็นสาเหตุทำให้เราหิวบ่อยขึ้นนั่นเอง
ที่สำคัญหากใครชอบดูซีรีส์ไป กินขนมจุบจิบไป เคสนี้ความอ้วนยิ่งเข้าใกล้หนักมากเลยล่ะ
7. โรคกระเพาะอาหาร
ยอมรับมาเถอะค่ะว่าติดดูซีรีส์จนลืมกินข้าวกินปลาบ่อย ๆ ยิ่งวันหยุดนี่กว่ามื้อแรกจะตกถึงท้องก็เกือบเย็นไปแล้วก็มี โดยเฉพาะคนที่ปกติก็กินข้าวไม่ค่อยตรงเวลาอยู่แล้ว ขอเตือนผ่านตรงนี้เลยว่าระวังโรคกระเพาะจะถามหาเอานะ
แม้ซีรีส์จะสนุกและน่าติดตามแค่ไหน แต่เราก็ควรมีลิมิตในการดูอย่างเหมาะสม แบ่งเวลาให้ชีวิตลงตัว และไม่กระทบกับสุขภาพร่างกายของเราไม่ว่าจะทางใดก็ตาม ซึ่งหากยังไม่รู้วิธีห้ามใจตัวเองไม่ให้ติดซีรีส์ ลองมาดูวิธีเบื้องต้นตามนี้ก่อน
1. กำหนดเวลาดูซีรีส์อย่างจริงจัง อาจตั้งนาฬิกาปลุกเอาไว้ นาฬิกาดังเมื่อไรคือปิดทุกสิ่งอย่างทันที และพยายามทำตามให้ได้ทุกวัน
2. หากจะหยุดดูซีรีส์ ควรหยุดในช่วงกลาง ๆ ของตอน เพราะในช่วงท้ายตอนมักจะทิ้งปมค้างไว้ให้เราอยากดูต่อ
3. ใช้เวลากับคนรอบข้างให้มากขึ้น เช่น ชวนกันทำกิจกรรมอื่น ๆ อย่างชวนกันเล่มเกม ชวนกันเตรียมอาหารเช้า ชวนกันทำข้าวกล่องไปทำงาน เป็นต้น
4. ท่องไว้ว่าซีรีส์ไม่หนีไปไหน หยุดไว้ก่อนแล้วค่อยมาเริ่มดูใหม่ในวันต่อไปก็ได้
5. พยายามคิดถึงผลกระทบต่อสุขภาพ ถ้านอนดึก หน้าจะเหี่ยวเร็ว แล้วจะอ้วนขึ้นด้วยนะ หรือถ้าดูซีรีส์หนักเกินไป สายตาคงเพลียมากจนอาจเป็นโรคก็ได้
6. ถ้าเป็นคนที่ติดซีรีส์ไม่บ่อย อาจทยอยดูเรื่องที่ติดให้จบ แล้วพยายามอย่าดูเรื่องอื่นต่ออีก
เข้าใจค่ะว่าการติดดูซีรีส์สักเรื่องก็ติดกันงอมแงมจริง ๆ ให้เลิกเลยคงทำใจลำบากเนอะ แต่อย่างน้อยก็ขอให้แบ่งเวลา จัดตารางชีวิตให้ถูก อย่าปล่อยให้ซีรีส์ครอบงำจนเราเสียการเสียงาน เสียการเรียน หรือเสียสุขภาพเลยดีกว่า
ขอบคุณข้อมูลจาก
Harvard Health Publications
Tech Insider