หน่อไม้ฝรั่ง หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า Asparagus ผักกรุบกรอบชนิดนี้มีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายอย่าง ทั้งช่วยบรรเทาอาการไม่สบาย และช่วยบำรุงดูแลสุขภาพก็ได้ เจ๋งไม่เบาเลย
ผักที่มีความกรุบกรอบอย่างหน่อไม้ฝรั่งก็มีดีไม่แพ้ใคร และหากใครยังไม่มั่นใจว่าเรารู้จักสรรพคุณของหน่อไม้ฝรั่งครบหรือยัง กระปุกดอทคอมจะขออาสาทำหน้าที่นำเสนอประโยชน์ของหน่อไม้ฝรั่งให้ทุกคนได้รู้ซึ้งในวันนี้ แล้วจะรู้เลยว่า หน่อไม้ฝรั่งก็มีดีต่อสุขภาพของเราหลากหลายด้านเลยนะ แต่ก่อนจะไปว้าว ! กับสรรพคุณของหน่อไม้ฝรั่ง เรามาทำความรู้จักหน่อไม้ฝรั่งเพิ่มขึ้นอีกนิดกันดีกว่าค่ะ
หน่อไม้ฝรั่งกับความเป็นมา
ลำต้นใต้ดินจะเป็นระบบรากรวมหรือเหง้า มีลักษณะเป็นแท่งคล้ายดินสอ ซึ่งยอดอ่อนหรือหน่ออ่อนที่เรานำมารับประทานกันก็เป็นส่วนที่เจริญมาจากเหง้า และหากปล่อยให้หน่ออ่อนเจริญเติบโตไปจะกลายเป็นลำต้นเหนือดิน มีความสูงประมาณ 1.5-2 เมตร
ส่วนลำต้นเหนือดินจะมีใบเป็นเกล็ดบาง ๆ ติดอยู่ตามข้อ ส่วนที่เห็นเป็นลักษณะคล้ายเส้นขนจริง ๆ แล้วเป็นใบของหน่อไม้ฝรั่งเองค่ะ และหน่อไม้ฝรั่งก็มีดอกนะคะ เป็นขนาดเล็ก ๆ ติดอยู่ตามกิ่งก้านเป็นจำนวนมาก ส่วนผลก็มีด้วยเช่นกัน โดยผลจะมีลักษณะกลม ขนาดเล็ก มีสีเขียวเมื่ออ่อน และมีสีแดงส้มเมื่อสุก และในผลก็มีเมล็ดอยู่ 2-3 เม็ดด้วย
ทั้งนี้หน่อไม้ฝรั่งที่เรานำมาบริโภคกันก็มีอยู่ด้วยกัน 2 ชนิดคือ หน่อไม้ฝรั่งสีขาว ซึ่งเป็นชนิดที่จะเก็บเมื่อหน่อโผล่พ้นดินมาประมาณ 1 เซนติเมตร นิยมนำไปทำหน่อไม้ฝรั่งกระป๋องหรือครีมซุป และหน่อไม้ฝรั่งสีเขียว ซึ่งจะเก็บเกี่ยวก็ต่อเมื่อหน่ออ่อนแทงพ้นดินมาประมาณ 15-22 เซนติเมตร เป็นหน่อไม้ฝรั่งชนิดที่บ้านเรานิยมนำมาผัด มาทอด หรือปรุงเป็นอาหารกันนั่นเอง
และแม้หน่อไม้ฝรั่งจะเป็นพืชพื้นเมืองทางฝั่งยุโรปและแอฟริกา ทว่าในบ้านเราก็หากินไม่ยากนะคะ เพราะมีแหล่งปลูกหน่อไม้ฝรั่งอยู่แถวประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี ราชบุรี ชลบุรี และนนทบุรีค่ะ
- พลังงาน 20 กิโลแคลอรี
- คาร์โบไฮเดรต 3.38 กรัม
- โปรตีน 2.20 กรัม
- ไขมันทั้งหมด 0.12 กรัม
- คอเลสเตอรอล 0 มิลลิกรัม
- ไฟเบอร์ 2.1 กรัม
- โฟเลต 52 ไมโครกรัม
- ไนอะซิน 0.978 มิลลิกรัม
- ไรโบฟลาวิน 0.141 มิลลิกรัม
- ไทอะมิน 0.143 มิลลิกรัม
- วิตามินซี 5.6 มิลลิกรัม
- วิตามินเอ 756 IU
- วิตามินอี 1.13 มิลลิกรัม
- วิตามินเค 41.6 ไมโครกรัม
- โซเดียม 2 มิลลิกรัม
- โพแทสเซียม 202 มิลลิกรัม
- แคลเซียม 24 มิลลิกรัม
- ทองแดง 0.189 มิลลิกรัม
- เหล็ก 1.14 มิลลิกรัม
- แมกนีเซียม 14 มิลลิกรัม
- แมงกานีส 0.158 มิลลิกรัม
- ฟอสฟอรัส 52 มิลลิกรัม
- เซเลเนียม 2.3 ไมโครกรัม
- สังกะสี 0.54 มิลลิกรัม
ประโยชน์ของหน่อไม้ฝรั่ง
1. ช่วยลดน้ำหนัก
หน่อไม้ฝรั่ง หรือแอสพารากัส มีไฟเบอร์สูงมาก กินเข้าไปแล้วจึงรู้สึกอิ่มอยู่ท้องได้ค่อนข้างนาน อีกทั้งยังเป็นผักที่ให้พลังงานค่อนข้างต่ำ โดยหน่อไม้ฝรั่ง 100 กรัม ให้พลังงานเพียง 20 กิโลแคลอรีเท่านั้นเองค่ะ
อ้อ ! ที่สำคัญไฟเบอร์ในหน่อไม้ฝรั่งยังเป็นไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำได้ จึงสามารถช่วยละลายไขมันชนิดเลวในร่างกาย และคงระดับไขมันชนิดดีหรือ HDL ในร่างกายไปด้วยในตัว ทว่าก่อนจะรับประทานหน่อไม้ฝรั่ง แนะนำให้ลวก นึ่ง หรือปรุงให้สุกก่อนทุกครั้งนะคะ เพราะหน่อไม้ฝรั่งเป็นผักชนิดเปลือกและเนื้อแข็ง การปรุงให้สุกก็เพื่อช่วยให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารจากหน่อไม้ฝรั่งได้ง่ายขึ้นนั่นเอง
2. ปรับสมดุลลำไส้
หน่อไม้ฝรั่งเป็นผักที่มีคาร์โบไฮเดรตชนิดอินนูลิน เป็นหนึ่งในสารประเภทฟรุกโตสโตโอลิโกแซคคาไรด์ ให้รสหวานคล้ายน้ำตาล แต่จะไม่ถูกย่อยในระบบทางเดินอาหารจึงไม่เพิ่มระดับน้ำตาลอินนูลิน ด้วยเหตุนี้หน่อไม้ฝรั่งจึงมีส่วนช่วยเพิ่มแบคทีเรียชนิดดีในลำไส้ พร้อมกันนั้นก็ช่วยยับยั้งการเพิ่มจำนวนของแบคทีเรียชนิดไม่ดีในลำไส้ ส่งผลให้ความเสี่ยงอาการท้องร่วง หรืออาการลำไส้แปรปรวนลดลง
3. ลดอาการท้องอืด
ไฟเบอร์ในหน่อไม้ฝรั่งมีส่วนช่วยส่งเสริมการทำงานของระบบย่อยอาหาร อีกทั้งคาร์โบไฮเดรตชนิดฟรุกโตสโตโอลิโกแซคคาไรด์ยังให้โพรไบโอติกกับลำไส้ ปรับสมดุลแบคทีเรียในลำไส้ จึงช่วยลดกรดและแก๊สในกระเพาะอาหาร แก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อได้สบาย ๆ
4. ช่วยบำรุงสุขภาพทางเดินปัสสาวะ
หน่อไม้ฝรั่งมีกรดอะมิโนชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า แอสพาราจีน มีฤทธิ์เป็นยาขับปัสสาวะจากธรรมชาติ จึงช่วยร่างกายขับน้ำส่วนเกินและโซเดียมออกไปพร้อมกับปัสสาวะได้ โดยเฉพาะสาว ๆ ที่ปัสสาวะยาก หรือชอบกลั้นปัสสาวะจนเสี่ยงโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ กินหน่อไม้ฝรั่งเข้าไปก็จะเข้าห้องน้ำง่ายขึ้นค่ะ
5. แก้เมาค้าง
กรดอะมิโนและแร่ธาตุที่มีอยู่ในหน่อไม้ฝรั่งมีสรรพคุณช่วยยับยั้งอนุมูลอิสระ และกระตุ้นเอนไซม์ที่ทำหน้าที่ย่อยแอลกอฮอล์ในร่างกายให้ทำงานเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า อีกทั้งหน่อไม้ฝรั่งยังมีสรรพคุณช่วยขับปัสสาวะในระดับหนึ่ง จึงช่วยระบายแอลกอฮอล์ที่ค้างอยู่ในร่างกายได้อีกทาง แก้อาการเมาค้างได้ง่าย ๆ
6. บำรุงผิวพรรณ
เห็นหน่อไม้ฝรั่งเงียบ ๆ แต่วิตามินอีเพียบนะจ๊ะ และวิตามินอีเหล่านี้ก็จัดเป็นสารต้านอนุมูลอิสระชนิดหนึ่ง ซึ่งนอกจากจะช่วยบำรุงดูแลผิวพรรณ กำจัดสารอนุมูลอิสระแล้ว ยังมีสรรพคุณช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายเราด้วยนะ อ้อ ! และเพื่อการดูดซึมวิตามินซีจากหน่อไม้ฝรั่งให้เต็มที่มากที่สุด นักโภชนาการก็แนะนำให้กินหน่อไม้ฝรั่งคู่กับน้ำมันมะกอกด้วยนะคะ
7. บำรุงครรภ์
หน่อไม้ฝรั่งจัดเป็นอาหารบำรุงครรภ์ที่ดีชนิดหนึ่ง เพราะหน่อไม้ฝรั่ง (ทำให้สุก) 1 ทัพพี ให้โฟเลตสูงถึง 60.8 ไมโครกรัมเชียวนะคะ ซึ่งเจ้าโฟเลตนี้ก็มีประโยชน์ในด้านช่วยป้องกันความพิการของทารกในครรภ์ อีกทั้งยังช่วยบำรุงเลือด บำรุงสมอง และเป็นสารสำคัญต่อการสร้างและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกายด้วยนะ นั่นแปลว่าต่อให้ไม่ใช่หญิงตั้งครรภ์ การรับประทานโฟเลตก็สำคัญกับร่างกายไม่น้อยเลยทีเดียวล่ะ
8. บำรุงสมอง
อย่างที่บอกค่ะว่าโฟเลตมีสรรพคุณช่วยบำรุงสมองและระบบประสาท ซึ่งในหน่อไม้ฝรั่งก็มีโฟเลตอยู่สูงเช่นกัน ดังนั้นอยากสมองใสปิ๊ง ไม่เสี่ยงต่อโรคสมองเสื่อม ก็รับประทานหน่อไม้ฝรั่งกันเถอะ
9. ช่วยดูดซึมแคลเซียม
ในหน่อไม้ฝรั่งมีวิตามินเค ที่เป็นสารช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมจากอาหารและเครื่องดื่มได้ดีขึ้น อีกทั้งวิตามินเคยังดีต่อระบบไหลเวียนเลือดในร่างกาย มีส่วนช่วยให้เลือดมีความแข็งตัว คนที่เลือดไหลไม่หยุด หรือไหลแล้วหยุดยาก กรณีนี้วิตามินเคในหน่อไม้ฝรั่งก็จะช่วยให้เลือดแข็งตัวและหยุดไหลได้ดีขึ้น
10. ช่วยให้อารมณ์ดี
โฟเลตในหน่อไม้ฝรั่งก็มีส่วนช่วยปรับสมดุลอารมณ์ของเราเช่นกัน โดยมีการศึกษาพบว่า ผู้ป่วยโรคซึมเศร้าที่ได้รับโฟเลตในจำนวนที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย จะมีความสุขมากกว่าผู้ป่วยที่ไม่ได้รับโฟเลตเลย นอกจากนี้นักโภชนาการยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ในหน่อไม้ฝรั่งไม่ได้มีเพียงโฟเลตและวิตามินบีที่ดีต่อสารเคมีในสมองเท่านั้น แต่ยังพกทริปโตเฟน กรดอะมิโนที่ช่วยเพิ่มความสุขให้ร่างกายมาด้วย
11. ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ
ด้วยความที่หน่อไม้ฝรั่งมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง และยังมีกลูต้าไธโอน ซึ่งถูกขนานนามว่าเป็นเจ้าแห่งสารต้านอนุมูลอิสระทั้งปวง เหตุผลนี้จึงทำให้หน่อไม้ฝรั่งมีสรรพคุณช่วยป้องกันโรคหัวใจไปด้วยในตัว
12. ช่วยปลุกอารมณ์ทางเพศ
คู่รักคู่ไหนที่เรื่องบนเตียงมีอาการแผ่ว ๆ ไม่ค่อยหวือหวาจนความสุขที่อยู่ด้วยกันเริ่มลดลง ลองปรุงเมนูหน่อไม้ฝรั่งกินสักหน่อยดีไหมคะ เพราะหน่อไม้ฝรั่งเป็นยาโด๊ปจากธรรมชาติ ที่มีโฟเลตและวิตามินบี 6 เป็นตัวเสริมให้อารมณ์รักติดไฟได้ง่ายขึ้นไปอีก นอกจากนี้วิตามินอีในหน่อไม้ฝรั่งยังมีส่วนช่วยกระตุ้นฮอร์โมนเพศ ทั้งเอสโตรเจนในเพศหญิงและเทสโทสเตอโรนในเพศชายเลยล่ะ !
วิธีเลือกซื้อหน่อไม้ฝรั่ง
แนะนำให้เลือกซื้อหน่อไม้ฝรั่งที่ยังอ่อน ลำต้นแน่นตรง หน่อต้องสด กรอบ ปลายแห้งและไม่บานออก โดยวิธีสังเกตง่าย ๆ คือ หากส่วนโคนของต้นมีเสี้ยน ๆ ยาวเกิน 15% ของความยาวทั้งหมด แสดงว่าเป็นหน่อที่แก่เกินไป แต่ถ้ามีเสียงดังเอี๊ยดเวลาบีบทั้งกำแบบเบา ๆ แปลว่าหน่อยังสดอยู่ นอกจากนี้หน่อไม้ฝรั่งที่เลือกควรต้องไม่มีโรคและแมลง รอยช้ำ หรือแตกหักด้วยนะคะ
อ้อ ! และหากซื้อหน่อไม้ฝรั่งมาแล้วควรรีบนำไปปรุงอาหารโดยทันทีจะดีที่สุด เพราะหากเก็บไว้นาน หน่อจะช้ำและแห้งได้ง่าย ไม่น่ารับประทานค่ะ
เมนูหน่อไม้ฝรั่ง
หน่อไม้ฝรั่งมีประโยชน์เหลือล้ำขนาดนี้จะปล่อยผ่านไปง่าย ๆ ได้ยังไง ลองมาทำเมนูหน่อไม้ฝรั่งกินกันดีกว่า
- 10 เมนูหน่อไม้ฝรั่ง คุณค่าเต็มคำกินอร่อยจากเมนูผักกรอบ ๆ
- 16 สูตรทำผักย่าง แคลอรีต่ำได้สุขภาพไม่กล้าเขี่ยทิ้ง
โทษของหน่อไม้ฝรั่ง
เหรียญยังมีสองด้าน หน่อไม้ฝรั่งก็มีทั้งคุณและโทษเช่นเดียวกันค่ะ โดยโทษของหน่อไม้ฝรั่งก็มีดังนี้
- ปัสสาวะมีกลิ่นเหม็นรุนแรง
ในระหว่างกระบวนการย่อยหน่อไม้ฝรั่งจะเกิดแก๊สซัลเฟอร์ออกมา ส่งผลให้ปัสสาวะมีกลิ่นเหม็นเขียวอย่างรุนแรง และแม้จะกดชักโครกเรียบร้อยแล้วกลิ่นเหม็นเขียวก็อาจจะตามมาหลอกหลอนได้อีกสักพัก ฉะนั้นหากกินหน่อไม้ฝรั่งเข้าไปก็พยายามหาห้องน้ำที่เงียบสงบไม่ค่อยมีคนเข้าดีกว่า กลิ่นเหม็นเขียวในปัสสาวะจะได้ไม่เป็นภาระใครเนอะ
- ไม่ดีต่อสุขภาพผู้ป่วยไทรอยด์
ผู้ที่มีไทรอยด์ผิดปกติไม่ว่าจะกรณีใด ๆ ควรอยู่ห่างจากหน่อไม้ฝรั่งไว้ดีกว่าค่ะ เพราะสารอาหารบางอย่างในหน่อไม้ฝรั่งอาจไปกระตุ้นการทำงานของระบบเผาผลาญ ทำให้ยิ่งผอมลง และเหนื่อยง่ายกว่าเดิม
- กระตุ้นความรุนแรงของโรคเกาต์
ในส่วนของผู้ป่วยโรคเกาต์เราไม่ถึงกับห้ามกินหน่อไม้ฝรั่งค่ะ แต่พยายามลดปริมาณการกินให้น้อยลงจะดีกว่า โดยรับประทานได้ครั้งละ 1 ถ้วยตวงต่อวัน ความถี่ก็ประมาณ 4 ครั้งต่อสัปดาห์หรือน้อยกว่านั้น เนื่องจากหน่อไม้ฝรั่งมีพิวรีนค่อนข้างสูง ซึ่งอาจไปกระตุ้นอาการปวดข้อในผู้ป่วยโรคเกาต์ได้
ถ้าจะกินหน่อไม้ฝรั่งดิบ ๆ คงไม่ค่อยจะเวิร์กเท่าไรนะคะ เพราะหน่อไม้ฝรั่งสดจะมีกลิ่นเขียวหน่อย ๆ ไม่น่าอร่อยเท่าไร แถมยังอาจมีรสขมเฝื่อน ๆ อีกด้วย นอกจากนี้ขอย้ำอีกทีว่าหน่อไม้ฝรั่งเป็นผักที่มีเปลือกผิวแข็งทั้งเปลือกและเนื้อใน ดังนั้นควรปรุงให้สุกในระดับพอดีก่อนรับประทาน เพื่อให้ร่างกายเราดูดซึมสารอาหารจากหน่อไม้ฝรั่งได้อย่างเต็มที่ ย้ำอีกครั้งว่าหน่อไม้ฝรั่งกินดิบ ๆ ไม่แนะนำ กินแบบปรุงสุกดีกว่าจ้า
ประโยชน์ของหน่อไม้ฝรั่งมีเยอะ แต่ก็ไม่ใช่ว่าเราควรจะกินแต่หน่อไม้ฝรั่งนะคะ เพราะอะไรที่มากไปก็ไม่ดีแน่ ๆ ดังนั้นหากไม่ค่อยจะกินเลย ก็อยากให้เพิ่มเมนูหน่อไม้ฝรั่งเข้าไปในชีวิตประจำวันบ้าง ร่วมกับรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และที่สำคัญควรเลือกกินอาหารที่หลากหลาย เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วนด้วย
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
สำนักโภชนาการ กรมอนามัย
สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง
nutrition-and-you
health
eatingwell
medicalnewstoday
healthmeup