ผักที่จะช่วยลดความเสี่ยงโรคมะเร็งมีอะไรที่เราควรกินบ้าง ใครไม่อยากป่วยต้องเช็กเลยว่าผักป้องกันโรคมะเร็งมีอยู่กี่ชนิดด้วยกัน
โรคมะเร็งเกิดขึ้นกับใครก็ได้ และเหมือนสมัยนี้โรคร้ายนี้จะคุกคามชีวิตเราได้ง่ายขึ้น เร็วขึ้น จากพฤติกรรมการบริโภคและไลฟ์สไตล์โดยรวมของเรา ๆ เอง ดังนั้นถ้ามีอะไรที่จะช่วยลดความเสี่ยงโรคมะเร็งได้ มีเท่าไรเราก็ควรทุ่มหน้าตักนะคะ และในวันนี้ กระปุกดอทคอมเองก็มีผักต้านมะเร็ง 12 ชนิด ที่สามารถหากินได้ง่าย ๆ มาแนะนำให้ทุกคนรู้ว่า ตัวเราเองสามารถป้องกันมะเร็งได้ไม่ยาก แค่เพียงกินผักตามนี้
คะน้าเป็นผักที่มีวิตามินเอสูงมาก ซึ่งวิตามินเอที่เราได้จากคะน้ามีคุณสมบัติเป็นสารต้านการเกิดเซลล์มะเร็ง และยังช่วยส่งเสริมภูมิคุ้มกันในร่างกาย ลดโอกาสเกิดการอักเสบของเนื้อเยื่อ และลดความเสี่ยงอาการเจ็บป่วยโดยรวมได้
2. ตำลึง
ตำลึงเป็นผักใบเขียวที่มีวิตามินเอสูงเช่นกัน ทั้งยังเปี่ยมไปด้วยแคลเซียม วิตามินซี ฟอสฟอรัส ที่มีคุณสมบัติแก้อาการแพ้ แก้อักเสบ ช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง และช่วยป้องกันโรคหัวใจขาดเลือด รวมทั้งต้านมะเร็งได้ด้วย
3. กะหล่ำปลี
ข้อมูลจากสภากาชาดไทย ระบุว่า กะหล่ำปลีสายพันธุ์ที่ปลูกในไทยสามารถยับยั้งหรือป้องกันการเกิดมะเร็งเต้านมได้ เนื่องจากในผักประเภทหัวชนิดนี้มีซิลิเนียมค่อนข้างสูง ซึ่งซิลิเนียมก็มีคุณสมบัติในการช่วยกำจัดอนุมูอิสระ นอกจากนี้ยังพบว่าสารอาหารในกะหล่ำปลีมีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นเอนไซม์ที่มีหน้าที่กำจัดสารพิษออกจากร่างกาย ช่วยลดโอกาสที่เซลล์จะเปลี่ยนเป็นเซลล์มะเร็งได้
พืชผักสีม่วงมีสารแอนโทไซยานิน ซึ่งมีคุณสมบัติต้านการเกิดเซลล์มะเร็งในร่างกายได้ นอกจากนี้ในกะหล่ำสีม่วงยังมีฟลาโวนอยด์ สารต้านอนุมูลอิสระอีกชนิดหนึ่ง และมีสารซัลเฟอร์ที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ใหญ่ ทั้งยังช่วยต้านสารก่อมะเร็งเข้าสู่ร่างกายอีกด้วย
5. ผักกาดขาว
สารสีขาวจากผักอย่างผักกาดขาวมีเบต้าแคโรทีนสูง ซึ่งตับสามารถเปลี่ยนสารนี้ให้เป็นวิตามินเอ ช่วยต้านการเกิดเซลล์มะเร็งในร่างกายได้ นอกจากนี้เส้นใยของผักกาดขาวยังช่วยกระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้ ช่วยในการย่อยอาหาร ป้องกันอุจจาระแข็ง จึงทำให้การขับถ่ายเป็นไปอย่างไหลลื่นมากขึ้น
6. ถั่วงอก
ผักราคาถูกและปลูกง่ายมาก ๆ อย่างถั่วงอกมีสารต้านมะเร็งที่เรียกว่า ซัลโฟราเฟน โดยในถั่วงอกจะมีสารต้านมะเร็งชนิดนี้สูงกว่าถั่วปกติถึง 50 เท่าเลยทีเดียวค่ะ นอกจากนี้ถั่วงอกยังเป็นผักที่มีวิตามินซีสูง จึงมีคุณสมบัติช่วยสมานแผล ช่วยในการดูดซึมธาตุเหล็ก ทำให้ร่างกายมีภูมิต้านทานสูงขึ้นด้วย
7. ใบกะเพรา
ในใบกะเพราก็มีวิตามินเอสูงมาก จึงมีคุณสมบัติต่อต้านการเกิดมะเร็ง และช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรง นอกจากนี้ใบกะเพรายังถูกใช้ในการรักษาโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร ทางเดินหายใจ หัวใจ และผิวหนังมาตั้งแต่สมัยโบราณกาลเลยด้วย
8. แครอต
แครอตไม่เพียงแต่มีเบต้าแคโรทีนที่จะเปลี่ยนเป็นวิตามินเอในตับเท่านั้น แต่ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระอย่างแคโรทีนอยด์ รวมไปทั้งไบโอฟลาโวนอยด์ที่มีคุณสมบัติช่วยต้านเซลล์มะเร็งในร่างกาย โดยเฉพาะความเสี่ยงโรคมะเร็งปอดและมะเร็งมดลูก
9. บรอกโคลี
บรอกโคลีอุดมไปด้วยวิตามินซี และยังมีวิตามินเอ วิตามินบี และพิกเมนต์คลอโรฟิลล์ รวมทั้งอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระอย่างฟลาโวนอยด์ด้วย จึงจัดเป็นผักต้านมะเร็งชนิดหนึ่งที่กินง่าย
10. บัวบก
ใบบัวบกและต้นสดมีวิตามินและแคลเซียมสูงมาก นอกจากนี้ในบัวบกยังมีวิตามินบี 1 และเป็นพืชที่ประกอบไปด้วยไกลโคไซด์ซึ่งมีคุณสมบัติทำให้เนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่ผิวหนังแข็งแรงขึ้น ส่งผลให้ผิวหนังเรียบตึง แน่น และยังช่วยบรรเทาอาการเส้นเลือดขอด ผิวด่างดำ และช่วยให้แผลเป็นจางหาย
ทั้งนี้ยังพบว่า สารสกัดจากใบบัวบกมีสรรพคุณทำให้แผลหายเร็ว เร่งการสร้างเนื้อเยื่อและเยื่อบุเซลล์ใหม่ ช่วยระงับการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดหนองและการอักเสบ ทั้งยังมีคุณสมบัติทำให้หลอดเลือดขยายตัว กระตุ้นการไหลเวียนโลหิตให้ดีขึ้น และยังช่วยกระตุ้นเม็ดเลือดขาวให้ทำลายแบคทีเรียได้เต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ด้วยเหตุนี้บัวบกจึงช่วยต้านมะเร็งและทำลายเซลล์มะเร็งได้นั่นเอง
11. มะระขี้นก
ผักที่พ่วงตำแหน่งสมุนไพรอย่างมะระขี้นกก็ช่วยต้านมะเร็งได้เป็นอย่างดีค่ะ เพราะใต้ความขมของมะระขี้นกนั้นเปี่ยมไปด้วยวิตามินเอ นอกจากนี้ยังพบว่าในมะระขี้นกมีสารสำคัญที่ออกฤทธิ์ต้านไวรัสและฆ่าเซลล์มะเร็งเต้านม รวมทั้งเซลล์มะเร็งสมองได้ผลดี สรรพคุณสุดยอดจริง ๆ
ลูกยอเป็นผักที่มีวิตามินซีสูง คนไทยใช้เป็นยาอายุวัฒนะมาตั้งแต่โบราณ ช่วยบำรุงธาตุ และจากการศึกษาในสัตว์ทดลองก็พบว่า ยอมีสารยับยั้งการเจริญเติบโตของมะเร็งขั้นต้น โดยเป็นสารที่ช่วยสร้างความแข็งแรงให้ระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย ต้านมะเร็งได้ แต่ทั้งนี้ยอก็เป็นผักที่มีโพแทสเซียมค่อนข้างสูง อาจเสี่ยงต่อผู้ป่วยโรคไตและโรคหัวใจนะคะ ฉะนั้นผู้ป่วย 2 โรคนี้อาจต้องเลือกกินผักต้านมะเร็งชนิดอื่นแทน
ทั้งนี้ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข แนะนำว่า วัยผู้ใหญ่ควรรับประทานผักวันละ 18 ช้อน หรือประมาณ 6 ทัพพี โดยควรเลือกกินให้หลากหลายทั้งชนิดและสีของผัก เพื่อให้ร่างกายได้รับคุณค่าทางโภชนาการอย่างเพียงพอและครบถ้วน อีกทั้งการกินผักหลายหลายชนิดยังช่วยลดการสะสมของสารเคมีชนิดใดชนิดหนึ่งไม่ให้มากเกินไปในร่างกายด้วยนะคะ อ้อ ! แล้วก็อย่าลืมล้างผักให้สะอาดก่อนกินกันด้วยล่ะ
- 5 วิธีล้างผักลดสารพิษตกค้าง ทานได้ปลอดภัย หายห่วง
ขอบคุณข้อมูลจาก
สภากาชาดไทย
กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข
คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
สถาบันมะเร็งแห่งชาติ
Reader’s digest