ใน 5 เดือน
โดย คุณสมาชิกหมายเลข 5562699 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
คิดอยู่นานว่าจะมาตั้งกระทู้ดีไหม เพราะตอนนี้ก็ไม่ใช่คนที่ผอมสวยหุ่นดีเพอร์เฟกต์อะไรมากมาย แต่ตัดสินใจอยากแชร์ประสบการณ์ เพราะอยากส่งต่อกำลังใจให้เพื่อน ๆ ที่อ้วนมาก ๆ หุ่นยักษ์ อย่ากลัวที่จะเริ่มต้น และคิดว่าตัวเองทำไม่ได้ ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ ถ้าเราพยายามและตั้งใจทำเพื่อตัวเองค่ะ เค้าสู้และผ่านช่วงเวลาเหล่านั้นมาแล้ว
** วิธีการลดน้ำหนักเป็นวิธีที่เหมาะสมของแต่ละบุคคลนะคะ เค้าลองผิดลองถูกมาเรื่อย ๆ อาจผิดพลาดแต่ได้เริ่มทำเพื่อตัวเองก็ดีใจแล้วค่ะ หุ่นอาจไม่ดี ไม่เฟิร์มเท่าใคร...แต่สุขภาพดีกว่าเดิมสำคัญที่สุดค่ะ **
น้ำหนักตัวก่อนลด 102 กิโลกรัม
เป็นรูปพลีชีพตัวเองมาก ๆ สังเกตจากรูปคือพุงยื่นสุดอะ แถมไขมันเกาะแน่นปีกเป็นชั้น ๆ สมแล้วที่หนักเป็นร้อยโล 555+ ขอปิดหน้าไว้ลุ้นนะ
มาเริ่มกันเลย เค้าเริ่มตัดสินใจลดน้ำหนักเพราะสุขภาพที่ย่ำแย่ลง ดังนี้
• ประจำเดือนมาไม่ปกติ มาน้อยมาก ๆ หรือบางทีไม่มาเลย
• มีอาการขาชาเวลาเดิน ปวดขาหนัก ลุกยาก
• หายใจไม่ทัน ลุกขึ้นมาสำลักน้ำลายตัวเองตอนดึกทุกคืนเพราะนอนกรนหนัก
** สุดท้ายสำคัญมาก ๆ คือเค้าป่วยโรคทางเดินอาหาร กระเพาะอาหารรั่วเป็นแผล และลำไส้อักเสบ ต้องมีการผ่าตัด ผลมันมาจากการกินน้ำอัดลมวันละเป็นลิตร ๆ แทนน้ำเปล่าเลยก็ว่าได้ **
หลักการลดน้ำหนัก !!
ยาวหน่อยนะคะ ลงรายละเอียดตั้งแต่เริ่มต้นวันแรก คือปรับเปลี่ยนทัศนคติการลดน้ำหนัก เรื่องการกิน และเรื่องการออกกำลังกาย
>>> เริ่มต้นปรับเปลี่ยนทัศนคติและวิธีการลดน้ำหนัก...ต้องเป็นการลดน้ำหนักครั้งสุดท้ายในชีวิต
ก่อนหน้านี้สมัยเรียนมหา'ลัย ตอนนั้นก็ไม่อ้วนมากมายขนาดนี้ แต่ตอนนั้นคิดว่าตัวเองอ้วนแล้วใส่ชุดนักศึกษาไม่สวย เลยไปเริ่มกินยาลดความอ้วน แรกก็ลงมาดีเลย สุดท้ายก็โยโย่มาก ๆ พอมานั่งคิดทบทวนกับตัวเองก็คิดได้ว่าตอนนี้อายุก็เข้าเลข 3 แล้วนะ จะมากินยาลด ใช้วิธีลัดแบบตอนนั้นคงสุขภาพแย่ โทรม ไม่ดีแน่ ครั้งนี้ล่ะฉันจะผอม ! ! และต้องถูกวิธีให้ได้
1. จากที่เมื่อก่อนแค่จะลุกเดินก็ขี้เกียจ สิบก้าวก็หอบแล้วจ้าาา เปลี่ยนเลย เลิกใช้ลิฟต์ เลิกใช้บันไดเลื่อน เดินขึ้นลงบันได จากเคยขับรถไปตลาดก็เปลี่ยนมาเป็นการเดิน ท่องไว้แค่ขยับเท่ากับออกกำลังกาย
2. เกลียดผัก เลือกกินมาก อะไรที่ขม ๆ เช่น คะน้า คือไม่คิดจะกินนะ เปลี่ยนเลย จะขมจะไม่อร่อยก็ลองกินลองฝึกกิน คิดว่าขมเป็นยา ฉันจะผอม สุขภาพฉันจะดี
3. ติดมากจ้าน้ำหวาน น้ำอัดลม กินทุกวันเรียกได้ว่าเสพติดน้ำตาล เหมือนที่บอกข้างต้นจนกระเพาะพังนั่นล่ะค่ะ เปลี่ยนเลยจ้าาา...เลิก ! ฉันจะไม่กินแกอีกแล้ว น้ำอัดลม ! ! น้ำหวานต่าง ๆ
4. นอนน้อย แต่นอนนะ ! ! เมื่อก่อนใช้คำนี้ได้เลย นอนตี 1 ตี 2 ตื่น 6 โมงครึ่งไปทำงาน นอนน้อยขนาดนี้ร่างกายจะได้พักฟื้นยังไงล่ะเนอะ เปลี่ยนอีกเหมือนกันจ้า นอนมันไปเลย 3 ทุ่ม หลับปุ๋ย ตื่นมานี่สดชื่นเลยจ้า
5. ออกกำลังกายทำไมเหนื่อยจะตาย ร้อนด้วย ! ? เปลี่ยนจ้า หันมาออกกำลังกาย แรก ๆ ตอนเย็นอย่างเดียว อย่างหลังคือฟิตจัดชอบมากออกกำลังกาย นอนเยอะเลยมีแรง 555 ตื่นมาออกเช้าด้วยเลยจ้า
>>> เริ่มต้นจากการคุมอาหาร (ทานอาหารคลีน) เริ่มจาก 102 kg. นี่ล่ะ ปรับการกินจากเมื่อก่อนซื้ออาหารทาน มาเป็นทำอาหารคลีนทานเอง เค้าใช้เครื่องปรุงต่าง ๆ Low Sodium ใช้หญ้าหวาน น้ำตาลมะพร้าวในการปรุงรสโดยปรุงน้อยมาก ๆ อะไรที่กินไม่ปรุงได้ก็จะพยายามไม่ปรุง เมนูผัดจะใช้น้ำมันมะกอกหรือน้ำเปล่าแทนน้ำมัน
>>> เริ่มต้นจากการออกกำลังกาย (คาร์ดิโอ) เพื่อให้น้ำหนักลดลงก่อน และเพื่อที่จะออกกำลังกายได้มากขึ้น เค้าเลือกการออกกำลังกายโดยการเดินเร็ว วันละ 1 ชั่วโมง ทำ 5 อาทิตย์
กินอาหารคลีน & ออกกำลังกาย >> จนน้ำหนักเหลือ 90 Kg.
พอน้ำหนักตัวได้ 90 Kg. ก็ปรับการออกกำลังกายมากขึ้น โดยเพิ่มมา กระโดดตบ 1 นาที 3-4 เซต แทนการเดินเร็ว มีเพิ่มออกกำลังกายสร้างกล้ามเนื้อต่าง ๆ ตามคลิปใน YouTube ออกกำลังกายทั้งหมด 5 วันต่ออาทิตย์เหมือนเดิม
กินอาหารคลีน & ออกกำลังกาย >> จนน้ำหนักลงมาที่ 85 Kg. ตอนนี้เริ่มถ่ายภาพตัวเองเก็บไว้แล้ว
ตัวอย่างคลิปออกกำลังกาย >> คนที่ชอบคือ CHLOE TING
คลิปอัปเดตบ่อยและสนุก
มีของท่านอื่น ๆ อีกนะคะ ลองหากันดูที่ชื่นชอบ
กินอาหารคลีน & ออกกำลังกาย >> จนน้ำหนักเข้าเลข 7 ก็เริ่มวิ่งบนลู่วิ่ง ปรับความเร็วระดับ 6-9 วิ่งให้ครบ 1 ชม. ดูการเผาผลาญได้ 500 แคลอรีต่อวัน และตามด้วยเวตเหมือนเคย ๆ 5 วันต่ออาทิตย์
กินอาหารคลีน & ออกกำลังกาย >> จนน้ำหนักเข้าเลข 70 Kg. คือปัจจุบัน
เริ่มวิ่งบนลู่หนักขึ้น ความไว 9-10 และเลิกนับการเผาผลาญเปลี่ยนเป็นระยะทาง ให้ได้วันละ 5-10 Kg. ต่อวัน และตามด้วยเวต
เก็บประวัติการวิ่ง
อ้ออ.. เกือบลืม นอกจากปรับการกินมาเป็นกินอาหารคลีนแล้ว ยังมีการทำ IF ด้วยที่ทำประจำวันจันทร์-ศุกร์คือ 18/6
ช่วงเวลาที่ทำ IF 18/6 **เลือกเวลาที่สะดวก อด 18 ชม. กิน 6 ชม.**
- มื้อเช้า 09.00 น.
- มื้อกลางวัน 12.00 น.
- มื้อเย็นหรือมื้อว่าง 14.30-15.00 น.
หลังจากนั้นเริ่มกินมื้อเช้าใหม่เวลาเดียวกัน
สุดท้ายขอเป็นกำลังใจให้ทุก ๆ คนสู้ และมีกำลังใจในการลดน้ำหนักนะคะ หัวใจและวินัยสำคัญมาก ๆ ที่สำคัญอีกข้อของเค้าคือ กินน้ำวันละ 2-3 ลิตรให้ได้ทุกวันค่ะ
สิ่งสำคัญของการลดน้ำหนัก คือ หัวใจและวินัย การลดน้ำหนักต้องทำจนเป็นนิสัยเพื่อที่จะให้ร่างกายสุขภาพดีต่อไปได้นาน ๆ เค้าจะยังคงทำภารกิจพิชิตหุ่นต่อไป เปลี่ยนเป้าหมายเป็นสร้างกล้ามเนื้อให้ฟิตและเฟิร์มค่ะ
ปิดท้ายด้วยรูปของพุงน่ารัก ๆ กันค่ะ
รวมช่วงเวลาทั้งหมดที่ลดน้ำหนักมานั้นประมาณ 8 เดือน ลดลงมาถึง 70 KG. ตอน 5 เดือน และคุมอาหารออกกำลังกายต่อจนถึงปัจจุบัน ทำต่อไปเรื่อย ๆ สำหรับคนอ้วนแล้วการได้เอาชนะตัวเองคือความสำเร็จค่ะ บางคนอาจมองว่าลดมาได้เท่านี้ยังหนักอยู่เลย แต่จริง ๆ เค้าโฟกัสที่สัดส่วนเป็นหลักค่ะ เพราะน้ำหนักตัวเลขบนตาชั่ง แค่อดข้าวอดน้ำก็ลดลงแล้ว ไม่เหมือนกับรูปร่างกล้ามเนื้อที่สัดส่วนดีขึ้น ใส่เสื้อผ้าสบายขึ้น ได้เปลี่ยนไซซ์กางเกงที่ใส่ ก็เพราะไม่มีใครซื้อเสื้อผ้าแลัวบอกน้ำหนักตัวกับแม่ค้าหรอกใช่ไหมคะ !?
ขอเป็นหนึ่งกำลังใจให้กับเพื่อน ๆ ที่กำลังจะลดน้ำหนัก หรือลดอยู่และท้อนะคะ ให้สู้ไปด้วยหัวใจ และทำทุกอย่างเพื่อตัวเอง เมื่อเรารักตัวเองมากพอแลัว เราจะทำทุกอย่างได้เพื่อให้เรามีความสุขที่สุดค่ะ สู้ ๆ นะคะ มาสู้ไปด้วยกัน
สอบถามเพิ่มเติมหรือหาเพื่อนให้กำลังใจลดน้ำหนักยินดีนะคะ
IG : @memmoraye_try2fit
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
คุณสมาชิกหมายเลข 5562699 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม