1. ใกล้มือหมอ
แค่ชื่อแอปฯ ก็ทำให้รู้สึกอุ่นใจได้ประมาณหนึ่งแล้วเนอะ และความสามารถของแอปฯ ใกล้มือหมอก็เหมือนกับชื่อแอปฯ เลยค่ะ เพราะเราสามารถเช็กอาการป่วยเบื้องต้นได้ด้วยตัวเอง โดยจะมีรูปการ์ตูนให้เรากดบริเวณที่ป่วย จากนั้นก็เลือกอาการที่เป็น แล้วแอปฯ จะบอกโรคที่น่าจะเป็นในเบื้องต้น 3 อันดับแรกมาให้ พร้อมอธิบายเกี่ยวกับโรคนั้น ๆ ให้เราเข้าใจก่อน และยังบอกพิกัดโรงพยาบาลใกล้บ้าน เบอร์โทรศัพท์ติดต่อ และแผนที่ ในกรณีที่ควรได้รับการรักษาต่อด้วย
หรือหากอยากคุยกับหมอโดยตรงก็มีให้แชตคุยกับหมอได้ โดยข้อความในแอปฯ จะส่งไปยังเพจเฟซบุ๊ก แพทย์เฉพาะทางบาทเดียว ซึ่งจะมีแพทย์คอยให้คำปรึกษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ นอกจากนี้ช่วงที่โควิด 19 ระบาด ในแอปฯ ยังมีฟีเจอร์ให้เช็กอาการเสี่ยง พร้อมแนวทางดูแลตัวเอง และรายชื่อโรงพยาบาลที่สามารถตรวจโควิด 19 ได้ ที่สำคัญตัวแอปฯ ใกล้มือหมอยังสามารถโหลดฟรีได้ทั้งในระบบ iOS และ Android เลย
ดาวน์โหลด iOS
ดาวน์โหลด Android
2. Doctor me
สำหรับคนที่ต้องการหาข้อมูลอาการป่วยของตัวเอง และอยากได้คำแนะนำการดูแลสุขภาพหรือบรรเทาอาการป่วยจากแพทย์หรือบุคลากรทางการแพทย์โดยตรง แอปฯ นี้ก็เหมาะค่ะ เพราะเป็นแอปฯ ที่เราสามารถค้นหาอาการป่วย และสามารถหาวิธีบรรเทาอาการป่วยเบื้องต้นได้ ซึ่งนอกจากจะช่วยให้อาการป่วยของตัวเองดีขึ้นแล้ว ยังสามารถนำไปใช้กับผู้ป่วยใกล้ตัวได้อีก อีกทั้งเรายังสามารถบันทึกสุขภาพของตัวเองและคนใกล้ตัวได้ โดยแอปฯ จะสรุปสุขภาพโดยรวมประจำสัปดาห์ให้เราได้เห็นด้วย ว่ามีอาการป่วยหรือสุขภาพดี แล้วควรต้องดูแลสุขภาพยังไง ใครสนใจก็ลองโหลดมาใช้ได้ ฟรีทั้ง iOS และ Android
ดาวน์โหลด iOS
ดาวน์โหลด Android
3. Raksa
แอปฯ รักษา (Raksa) ป่วยทัก รักษา มาพร้อมฟีเจอร์สีหวาน กับขั้นตอนการใช้งานง่าย ๆ เพียง 3 ขั้นตอน คือ ค้นหาคุณหมอที่ต้องการรับคำปรึกษา อธิบายอาการ และรอคุณหมอตอบกลับภายใน 3 นาที แอปฯ นี้เหมาะกับคนที่ต้องการปรึกษาแพทย์ออนไลน์แบบที่ได้คุยกับหมอจริง ๆ เพราะมีหมออยู่ในระบบมากถึง 800 คน โดยเราสามารถเลือกแพทย์ที่อยากปรึกษาได้เองด้วยนะ โดยจะมีค่าใช้จ่ายในการปรึกษา แล้วแต่แพทย์และความเฉพาะทาง
ส่วนคนที่อยากปรึกษาหมอว่าเราเสี่ยงติดโควิด 19 หรือยัง ก็สามารถออนไลน์คุยกับหมอได้ โดยทาง Raksa จะมี Code ส่วนลด 100 บาท เพียงใส่รหัส COVID19 สำหรับการเลือกปรึกษาแพทย์ออนไลน์ นอกจากนี้ยังสามารถสั่งซื้อยาผ่านแอปฯ แบบ Delivery ได้ด้วย ส่วนตัวแอปฯ ก็โหลดฟรี มีทั้งในระบบ iOS และ Android
ดาวน์โหลด iOS
ดาวน์โหลด Android
4. See the doctor now
อยากพบแพทย์แต่ไม่อยากไปโรงพยาบาล See the doctor now จัดให้ด้วยบริการวิดีโอคอล (Video Call) ตั้งแต่การคัดกรองอาการโดยพยาบาลวิชาชีพ (ไม่มีค่าใช้จ่าย) จากนั้นส่งต่อมาให้คุยกับแพทย์แบบสด ๆ โดยค่าบริการจะเริ่มต้นที่ 10 นาที 490 บาท แพ็กเกจรายปี 2,990 บาท สำหรับการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแบบไม่จำกัดจำนวนครั้ง หรืออยากปรึกษานักจิตวิทยาก็มีให้บริการในอัตรา 1 ชั่วโมง 2,500 บาท คุยได้ทุกเรื่องที่กังวลใจ
ใครสนใจก็โหลดแอปฯ นี้ไว้ติดเครื่องได้เลย ฟรีทั้งระบบ iOS และ Android
ดาวน์โหลด iOS
ดาวน์โหลด Android
5. Chiiwii
เป็นอีกหนึ่งแอปฯ ที่สามารถปรึกษาแพทย์เฉพาะทางได้แบบ Real time ทั้งการคุยผ่าน Video Call คุยด้วยเสียง หรือส่งข้อความผ่านแชต โดยที่เราสามารถเลือกแพทย์ และเช็กตารางเวลาลงตรวจของแพทย์ก่อนได้ ใครมีอาการป่วยตรงไหน ก็มาเลือกตรวจกับแพทย์เฉพาะทางที่มากกว่า 22 สาขาได้เลย ส่วนค่าใช้จ่ายก็แล้วแต่แพทย์แต่ละสาขานะคะ
และสำหรับคนที่สงสัยอาการโควิด 19 อยากลองตรวจสักนิด สามารถเช็กอาการเบื้องต้นและความเสี่ยงกับแพทย์อาสาผ่านทางแอปฯ chiiwii ได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย โดยใส่ Code COVID ในช่องคูปองส่วนลด จำกัด 1 คน ต่อ 1 สิทธิ์ ส่วนแอปฯ ก็โหลดฟรีทั้งระบบ iOS และ Android
ดาวน์โหลด iOS
ดาวน์โหลด Android
6. Ooca
สำหรับคนที่อยากปรึกษาปัญหาสุขภาพจิตกับจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยา แอปฯ นี้ตอบโจทย์มาก ๆ เพราะมีตั้งแต่บริการแบบทดสอบความเครียด เพื่อประเมินอาการตัวเองในเบื้องต้น ซึ่งส่วนนี้ไม่มีค่าใช้จ่ายนะคะ แล้วหากผลทดสอบออกมาว่า เครียด ควรพบแพทย์ ก็สามารถทำการนัดจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาผ่านแอปฯ ได้เลย ค่าบริการจะอยู่ที่ 1,000 บาทต่อครึ่งชั่วโมง สำหรับนักจิตวิทยา และ 1,500 บาทต่อครึ่งชั่วโมง สำหรับจิตแพทย์ โดยการพบแพทย์และนักจิตวิทยาจะเป็นการพูดคุยกันผ่าน Video Call ส่วนตัวแอปฯ โหลดฟรีทั้ง iOS และ Android
ดาวน์โหลด iOS
ดาวน์โหลด Android
7. Diamate
แอปพลิเคชันที่สร้างขึ้นมาเพื่อผู้ป่วยเบาหวาน ช่วยดูแลทั้งเรื่องอาหาร จากคำแนะนำของนักกำหนดอาหาร ช่วยดูแลด้านระดับน้ำตาลในเลือด โดยสามารถบันทึกค่าน้ำตาลย้อนหลังของผู้ป่วยได้ตั้งแต่ 7 วันไปจนถึง 30 วัน ด้วยการเชื่อมต่อกับเครื่องวัดระดับน้ำตาลในเลือด หรือสามารถบันทึกข้อมูลด้วยตัวเองก็ได้ ทั้งยังช่วยแจ้งเตือนการกินยา ซึ่งอันนี้ดีมากกับผู้ป่วยสูงอายุที่มักจะลืมกินยาบ่อย ๆ
นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชันรวบรวมสถิติการกินอาหารและระดับน้ำตาลของผู้ป่วยเก็บไว้ ซึ่งเรานำไปรายงานแพทย์ประจำตัวได้ ช่วยให้วางแผนการรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งตัวแอปฯ ยังมีบริการปรึกษาแพทย์หรือนักกำหนดอาหารทางออนไลน์โดยไม่จำเป็นต้องไปโรงพยาบาล โดยถือว่าเป็นจุดเด่นของตัวแอปฯ ที่ผู้ป่วยสามารถปรึกษาแนวทางการรับประทานอาหารสำหรับผู้ป่วยโรคเรื้อรังได้โดยเฉพาะ และไม่ใช่แค่ผู้ป่วยเบาหวานเท่านั้น แต่ผู้ป่วยโรคเรื้อรังอื่น ๆ เช่น ผู้ป่วยโรคไต หรือผู้ป่วยโรคมะเร็ง ก็สามารถโหลดแอปฯ Diamate แล้วแชตกับนักกำหนดอาหารได้ ซึ่งตัวแอปฯ Diamate โหลดฟรีทั้งระบบ iOS และ Android แต่ในส่วนปรึกษานักโภชนาการจะมีค่าใช้จ่ายเริ่มต้น 900 บาทต่อเดือน (ราคาอาจเปลี่ยนแปลงได้โดยขึ้นอยู่กับนักกำหนดอาหารของแต่ละโรงพยาบาล)
8. Clicknic
แอปพลิเคชันที่เปรียบเสมือน Telemedicine มีบริการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญผ่านแชต หรือ VDO Call พร้อมให้บริการปรึกษาเรื่องยากับเภสัชกรและสั่งยาจากร้านขายยาให้ส่งตรงถึงบ้าน นอกจากนี้ในช่วงโควิด 19 ระบาด ทางแอปฯ ก็มีฟังก์ชันคัดกรองผู้ติดเชื้อโควิด 19 โดยเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ฟรี แต่สำหรับการปรึกษาแพทย์ด้วยอาการป่วยอื่น ๆ หรือปรึกษาเภสัชกรเรื่องยาจะมีค่าใช้จ่ายเริ่มต้นที่ 350 บาท ส่วนตัวแอปฯ โหลดฟรีทั้งระบบ iOS และ Android
ดาวน์โหลด iOS
ดาวน์โหลด Android
9. ME-MORE
อีกหนึ่งแอปฯ ที่ให้บริการ Telemedicine ปรึกษาแพทย์ผ่าน VDO Call แบบ Real time และยังมีบริการแจ้งเตือนและติดตามอาการป่วย โดยทางแอปฯ จะมีระบบคัดกรองอาการคนไข้เพื่อจัดหาแพทย์ที่ตรงกับอาการป่วย ซึ่งส่วนนี้จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมโดยขึ้นอยู่กับอาการและแพทย์ผู้ทำการรักษา รวมไปถึงค่ายาหากมีการจ่ายยาด้วย แต่สำหรับการคัดกรองความเสี่ยงโควิด 19 โดยแพทย์ ทุก ๆ วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 09.00-15.00 น. ส่วนนี้ให้บริการฟรีนะคะ และสามารถดาวน์โหลดแอปฯ ME-MORE ได้ฟรีทั้งระบบ iOS และ Android เลยด้วย
ดาวน์โหลด iOS
ดาวน์โหลด Android
10. Doctor anywhere
แอปฯ นี้มีบริการ VDO Call กับแพทย์เพื่อปรึกษาปัญหาสุขภาพ โดยมีค่าบริการเริ่มต้น 350 บาทต่อครั้ง สำหรับแพทย์ทั่วไป และนักกำหนดอาหาร สำหรับแพทย์ด้านความงาม เริ่มต้นที่ 300 บาทต่อครั้ง และนักจิตวิทยา เริ่มต้นที่ 1,000 บาทต่อครั้ง แต่หากมีประกันสุขภาพสิทธิผู้ป่วยนอก (OPD) ของ AXA, สินมั่นคงประกันภัย, Cigna (สงวนสิทธิเฉพาะประกันแบบกลุ่ม) หรือทิพยประกันภัย สามารถปรึกษาแพทย์ได้โดยไม่ต้องสำรองจ่ายไปก่อนด้วย นอกจากนี้หากประเมินความเสี่ยงแล้วแพทย์แนะนำให้ไปโรงพยาบาลหรือคลินิกแทนการ Telemedicine เคสแบบนี้ก็ไม่มีค่าใช้จ่ายด้วยเช่นกัน
อ้อ ! ทางแอปฯ ยังมีบริการจัดส่งยาให้ถึงบ้านแบบฟรี ๆ ในพื้นที่กรุงเทพฯ ด้วยนะคะ และโหลดมาใช้ได้ฟรีทั้งระบบ iOS และ Android
ดาวน์โหลด iOS
ดาวน์โหลด Android
11. Relifnow-TeleHealth
ในแอปฯ นี้ ผู้ใช้งานสามารถปรึกษาแพทย์ถึงอาการป่วยต่าง ๆ ผ่านการแชต คุยโทรศัพท์ หรือ VDO Call และมีเภสัชกรให้คำปรึกษาเรื่องยาและการจัดส่งยาตลอด 24 ชั่วโมง โดยค่าบริการในการปรึกษาเภสัชกรเริ่มต้นที่ 29 บาท ใน 5 นาทีแรก ส่วนการปรึกษาแพทย์ จะเริ่มที่ 59 บาท ใน 5 นาทีแรก ใครสนใจก็ไปโหลดแอปฯ ได้ฟรีทั้งในระบบ iOS และ Android
ดาวน์โหลด iOS
ดาวน์โหลด Android
12. HD สุขภาพดี
แม้แอปฯ นี้จะยังไม่มีบริการปรึกษาแพทย์แบบ Real time แต่ก็มีข้อมูลด้านสุขภาพที่หลากหลายให้อ่าน และยังสามารถทิ้งปัญหาสุขภาพไว้ให้แพทย์แวะมาตอบคำถามเราได้ด้วย ที่สำคัญคือมีบริการทำนัดหมายตามโรงพยาบาล หรือคลินิกต่าง ๆ พร้อมแจ้งค่ารักษาพยาบาลแถมยังแจกส่วนลดหรือมีแคชแบ็กสูงสุด 40% ทั้งกับการนัดหมายทำกายภาพ ทำฟัน ตรวจสุขภาพ ฉีดวัคซีน รักษาสิว กำจัดขน หรือต่อขนตา
นอกจากนี้ในตัวแอปฯ ยังมีฟังก์ชันแจ้งเตือนให้ดื่มน้ำ คำนวณแคลอรีจากอาหาร บันทึกความเปลี่ยนแปลงของค่า BMI ติดตามรอบเดือน ฯลฯ ส่วนตัวแอปพลิเคชันก็โหลดฟรี ทั้งระบบ iOS, Android และ Huawei
ดาวน์โหลด iOS
ดาวน์โหลด Android
ดาวน์โหลด Huawei
ใครที่ไม่อยากออกจากบ้านไปโรงพยาบาลให้เหนื่อย ขี้เกียจรอคิวหมอนาน ๆ ก็ลองโหลดแอปพลิเคชันพบแพทย์ออนไลน์ติดโทรศัพท์ไว้ก็ได้ เมื่อไรที่มีอาการป่วยขึ้นมา จะได้ปรึกษาแพทย์ได้ง่าย ๆ จากที่ไหนก็ได้
*หมายเหตุ : อัปเดตข้อมูลล่าสุดวันที่ 23 เมษายน 2564
ขอบคุณข้อมูลจาก
เฟซบุ๊ก Raksa, เฟซบุ๊ก See Doctor Now, เฟซบุ๊ก Chiiwii คุยกับหมอผ่านแอพฯ, doctorme, ooca, เฟซบุ๊ก Diamate, hd, clicknic, me-more, เฟซบุ๊ก Doctor Anywhere Thailand, เฟซบุ๊ก Relifnow