โดยปกติถ้าถูกประตูหนีบนิ้วแบบเบา ๆ ก็อาจจะแค่รู้สึกเจ็บนิดหน่อย หรือเกิดบาดแผลที่นิ้ว ปวด บวมเล็กน้อย โดยอาการเหล่านี้สามารถปฐมพยาบาลได้ด้วยตัวเอง ซึ่งอาการจะทุเลาลงภายในไม่กี่วัน หรือถ้ามีเลือดออกใต้เล็บไม่ถึงครึ่งหนึ่งของเล็บ อาการจะหายได้เองภายในไม่กี่สัปดาห์
แต่หากถูกประตูหนีบแรงมาก ๆ นอกจากนิ้วจะบวมแดงและปวดแล้ว อาจมีเลือดออกใต้เล็บมากขึ้น โดยจะสังเกตเห็นว่ามีรอยช้ำสีม่วงหรือสีดำอยู่ใต้เล็บ รวมทั้งการถูกประตูหนีบแรง ๆ ก็สามารถทำให้กระดูกนิ้วแตกได้เลย ซึ่งกรณีกระดูกแตกจะมีอาการบวม กดแล้วเจ็บบริเวณที่โดนหนีบ และนิ้วอาจผิดรูปไป
อย่าปล่อยให้อาการปวดบวมสร้างความทรมานและความลำบากในการใช้ชีวิตประจำวันนานนัก ถ้าโดนประตูหนีบแล้ว รีบปฐมพยาบาลเบื้องต้นตามนี้เลย
1. ถอดเครื่องประดับที่นิ้วออกก่อน (ถ้ามี) เพราะนิ้วที่บาดเจ็บจะมีอาการบวม จนถอดเครื่องประดับออกไม่ได้
2. หากมีเล็บฉีก มีแผล ควรล้างแผลด้วยน้ำสะอาดหรือน้ำเกลือล้างแผล
3. ประคบเย็น 10 นาที พัก 20 นาที เพื่อลดอาการปวดบวม ทว่าอย่าให้นิ้วสัมผัสกับน้ำแข็งโดยตรง โดยควรใช้วิธีประคบเย็นในช่วง 48 ชั่วโมงแรก และต้องหลีกเลี่ยงการประคบร้อน เพราะอาจกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดบริเวณที่บาดเจ็บเพิ่มได้
4. งดออกแรงนิ้วที่บาดเจ็บ โดยหยุดการใช้นิ้วหรือมือข้างนั้นชั่วคราว
5. ยกแขนสูง หรือยกนิ้วให้สูงกว่าระดับหัวใจ เพื่อให้เลือดไหลมาที่แผลช้าลง ซึ่งจะช่วยลดบวมได้
6. หากปวดมาก ให้รับประทานยาแก้ปวดหรือยาแก้อักเสบได้
7. หากกระดูกหัก ควรไปพบแพทย์ ซึ่งแพทย์อาจต้องรักษาด้วยการผ่าตัด
ทั้งนี้ หากมีเลือดออกใต้เล็บไม่ถึงครึ่งเล็บ ให้สังเกตอาการไปก่อน โดยอาการปวดบวมจะหายได้เองภายในระยะเวลา 2-3 วัน
ในกรณีที่โดนประตูหนีบนิ้วแรง ๆ ปฐมพยาบาลเบื้องต้นแล้วก็ยังไม่หาย และมีอาการดังนี้ด้วย จะถือว่าเข้าขั้นรุนแรง มีโอกาสถูกถอดเล็บ หรือกระดูกนิ้วแตกได้ จึงแนะนำให้พบแพทย์จะดีกว่า
1. นิ้วหรือเล็บบวมนานกว่า 2-3 วัน
2. กดเจ็บบริเวณที่โดนหนีบ และปวดมาก
3. เลือดออกใต้เล็บมากกว่า 50% ของพื้นที่เล็บ ซึ่งอาจจะต้องถอดเล็บเพื่อระบายเลือดที่คั่งออก
4. รู้สึกชาที่นิ้ว หรือไม่มีความรู้สึก ไม่สามารถขยับนิ้วได้
5. มีหนอง
6. บาดแผลเปิด และเห็นกระดูกแทงทะลุอย่างชัดเจน
7. นิ้วผิดรูป ซึ่งอาจเกิดจากกระดูกหัก และอาจต้องผ่าตัดรักษา
เล็บใหม่ใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะงอก
หากแพทย์จำเป็นต้องถอดเล็บออก การดูแลหลังจากถอดเล็บต้องระมัดวังอย่าให้เล็บโดนน้ำ และควรล้างแผลทุกวัน เพื่อป้องกันการติดเชื้อ โดยเล็บใหม่จะงอกภายใน 2-3 เดือน
อย่างไรก็ตาม หากสังเกตว่าเล็บมีเลือดคั่งไม่ควรเจาะเลือดที่คั่งด้วยตัวเองนะคะ เพราะอาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อ เป็นหนอง มีอาการปวด บวมที่นิ้วมากกว่าเดิม นอกจากนี้ไม่แนะนำให้พันผ้าบริเวณนิ้วที่เจ็บด้วย เพราะแผลอาจโดนกดทับ ทำให้เลือดไหลไม่สะดวกจนทำให้ปวดบวมมากขึ้น และอาจเสี่ยงต่อการขาดเลือดไปเลี้ยงที่เล็บด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก
รามา แชนแนล, คลินิกหมอณัฐดนัย กระดูก ข้อ โรคทั่วไปและผ่าตัด โดยแพทย์เฉพาะทาง