โรคใคร่เด็ก Pedophilia อาการจิตป่วยอันตราย สังเกตให้ไวก่อนลูกหลานตกเป็นเหยื่อ

          จะสังเกตยังไงว่าใครเป็นโรคใคร่เด็ก หรือมีพฤติกรรมที่ส่อไปในทางไม่ดีกับเด็ก ๆ พร้อมวิธีดูแลลูกหลานให้ปลอดภัย ไม่เข้าใกล้คนอันตรายอย่างนี้
          โรคใคร่เด็ก เห็นเด็กแล้วเกิดอารมณ์ทางเพศอย่างที่เราได้ยินข่าวกันมานับไม่ถ้วน ทำให้หลายคนสงสัยว่าโรคใคร่เด็กคืออะไร อาการเป็นอย่างไร การรักษาต้องใช้วิธีไหน แล้วถ้าเราเจอผู้ป่วยโรคนี้ จะป้องกันบุตรหลานของตัวเองไม่ให้ถูกล่วงละเมิดทางเพศได้อย่างไร นี่คือเรื่องสำคัญที่พ่อแม่ผู้ปกครองควรทำความเข้าใจ

โรคใคร่เด็ก คืออะไร

โรคใคร่เด็ก

          โรคใคร่เด็ก ภาษาอังกฤษเรียกว่า เปโดฟิเลีย (Pedophilia) คือ หนึ่งในอาการบกพร่องทางจิตประเภทหนึ่งในกลุ่มโรคกามวิปริตที่มักเกิดความต้องการทางเพศกับเด็ก ชอบเด็กหรือรักเด็กมากในลักษณะคลั่งไคล้เกินขอบเขตปกติ โดยมักจะเกิดอารมณ์เมื่อเห็นภาพเด็ก และเกิดความติดตาตรึงใจ จนอาจล่อลวงหรือทำร้ายเด็กเพื่อตอบสนองอารมณ์ทางเพศของตัวเอง

          โดยโรคใคร่เด็กมักพบได้บ่อยในเพศชายที่มีอายุ 35-40 ปีขึ้นไป แต่ทั้งก็อาจเจอได้ในวัยรุ่นตอนปลายเช่นกัน ทางการแพทย์จึงมีการกำหนดว่า ผู้ที่มีอายุมากกว่า 16 ปี ที่กระทำการล่วงละเมิดทางเพศกับเด็กอายุน้อยกว่าอย่างน้อย 5 ปี จะจัดเป็นโรคใคร่เด็ก

โรคใคร่เด็ก (Pedophilia) เกิดจากอะไร

           สาเหตุที่ทำให้คนเป็นโรคใคร่เด็กยังไม่แน่ชัดว่าเกิดจากอะไรกันแน่ แต่ก็มีงานวิจัยที่ชี้ว่าอาจมีผลมาจากพันธุกรรม หรือเกี่ยวข้องกับภูมิหลัง อย่างเช่น เคยมีประวัติถูกกระทำ เคยถูกล่วงละเมิดทางเพศ โดนข่มขืนในวัยเด็กมาก่อน หรือการเลี้ยงดูจากครอบครัวในวัยเด็ก ซึ่งอาจเกิดปมในใจและนำไปสู่กามวิปริตบางรูปแบบเมื่อโตขึ้น

โรคใคร่เด็ก
เด็กกลุ่มไหนเสี่ยงเป็นเหยื่อ

           ผู้ที่เป็นโรคใคร่เด็กมักเกิดความใคร่กับเด็กก่อนถึงวัยเจริญพันธุ์ ไปจนถึงอายุ 13 ปี เช่น เด็กทารก, เด็กอนุบาล และเด็กประถม

โรคใคร่เด็ก อาการเป็นอย่างไร

โรคใคร่เด็ก

          ต้องบอกว่าลักษณะภายนอกของผู้ป่วยโรคใคร่เด็กจะสังเกตได้ค่อนข้างยาก เพราะมักไม่แสดงพฤติกรรมที่ชัดเจน แต่ผู้ป่วยกลุ่มนี้ก็พอจะมีข้อสังเกต เช่น

     1. เป็นเพศชายอายุ 35-40 ปีขึ้นไป

     2. ไม่ค่อยมีความสุขกับคู่ครองในวัยเดียวกัน

     3. มักพบว่าคนใกล้ชิดของเด็กเป็นคนก่อเหตุ

     4. มักชอบคลุกคลีกับเด็ก ๆ หรือตีสนิทเด็กด้วยการพาไปเล่น ให้ขนม ให้เงิน เพื่อให้เด็กเชื่อใจ

     5. เกิดอารมณ์ทางเพศ หรือตื่นตัวกับเด็ก รูปภาพเด็ก คลิปวิดีโอของเด็กเท่านั้น

     6. ชอบมีความสัมพันธ์ทางเพศกับเด็กและกระทำซ้ำแล้วซ้ำอีกกับเด็กคนเดิมหรือคนใหม่

     7. มีรสนิยมทางเพศหรือรู้สึกกับเด็กในลักษณะข้างต้นนานกว่า 6 เดือน

          ทั้งนี้ผู้ที่เป็นโรคใคร่เด็กจะเป็นผู้มีแรงดึงดูดทางเพศกับเด็กเล็ก ซึ่งอาจจะนำไปสู่การทำร้ายทางเพศหรือไม่ก็ได้ แต่หากมีพฤติกรรมทำร้ายทางเพศต่อเด็กแล้วก็มักจะมีแนวโน้มที่จะกระทำเช่นนั้นซ้ำอีก แต่อย่างไรก็ตามคนที่ทำร้ายเด็กทางเพศนั้น หลายคนก็ไม่ได้เกิดจากการที่เป็นโรคใคร่เด็ก แต่อาจกระทำด้วยสาเหตุอื่น ๆ เช่น

  • มีอารมณ์ทางเพศสูง
  • เมาสุรา
  • การไม่มีโอกาสที่เหมาะสมกับผู้ที่อยู่ในวัยเดียวกัน
  • มีภาวะหรือลักษณะนิสัยต่อต้านสังคม
  • ผู้ที่มีปัญหากับคู่สมรส
  • ผู้ที่มีปัญหาความผิดปกติทางด้านร่างกาย หรือจิตใจ
  • มีภาวะซึมเศร้ารุนแรง

          ดังนั้น ผู้ที่มีพฤติกรรมกระทำทารุณหรือทำร้ายเด็กทางเพศอาจไม่ได้เกิดจากการที่เขาเป็นโรคใคร่เด็กเสมอไป และคนที่เป็นโรคใคร่เด็กเองก็อาจไม่มีพฤติกรรมการทารุณหรือทำร้ายเด็กทางเพศก็ได้ แต่อาจกระทำด้วยจินตนาการ สายตา คำพูด หรือท่าทางที่ส่อไปทางเรื่องเพศกับเด็กเท่านั้น ซึ่งก็อาจสร้างแผลใจให้เด็กได้เช่นกัน ซึ่งในปัจจุบันโรคใคร่เด็กก็ไม่เข้าข่ายเป็นผู้ป่วยทางจิตเวชนะคะ ผู้กระทำความผิดจึงมีความผิดและต้องรับโทษตามประมวลกฎหมายอาญา

รูปแบบการกระทำทางเพศกับเด็ก
ของผู้เป็นโรคใคร่เด็กมีอะไรบ้าง

โรคใคร่เด็ก

          อย่างที่กล่าวไปว่าผู้เป็นโรคใคร่เด็กมักจะมีพฤติกรรมส่อในทางเพศกับเด็กได้หลายรูปแบบ ซึ่งจำแนกได้ ดังนี้

     * ไม่มีการสัมผัสร่างกาย เช่น แอบดูเด็กอาบน้ำ พูดจาลวนลาม ให้เด็กดูอวัยวะเพศของตัวเอง

     * สัมผัสร่างกายแต่ไม่ได้ล่วงล้ำเข้าไปในอวัยวะเพศ เช่น สัมผัสร่างกายของเด็ก กอด จูบ ลูบ คลำ

     * ล่วงละเมิดทางเพศ เช่น การทำร้ายร่างกาย การกระทำชำเรา

โรคใคร่เด็ก รักษาได้ไหม

          โรคใคร่เด็กสามารถรักษาและบำบัดอาการให้มีชีวิตตามปกติได้ โดยวิธีรักษาผู้เป็นโรคใคร่เด็กมีดังนี้

     1. การบำบัดทางความคิดและพฤติกรรม (Cognitive Behavioral Therapy หรือ CBT)

     2. การใช้ยาต้านซึมเศร้าและยาลดฮอร์โมนเพศชาย

          โดยแพทย์จะประเมินผู้ป่วยก่อนว่าอาการอยู่ในระดับไหน หากแค่คิดเชิงชู้สาวกับเด็กแต่ยังสามารถควบคุมและยับยั้งพฤติกรรมตนเองได้ แพทย์อาจใช้หลักจิตวิทยามาบำบัดรักษาเท่านั้น โดยอาจฝึกให้ผู้ป่วยสามารถระงับอารมณ์และความต้องการเพศกับเด็กเล็กได้ หรือหาวิธีอื่น ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการทางเพศอย่างเหมาะสม ทว่าในคนที่กระทำเชิงสู้สาวต่อเด็กโดยขาดความยับยั้งชั่งใจ แพทย์ก็จะใช้วิธีจิตบำบัดร่วมกับการใช้ยาช่วยในการรักษา

วิธีป้องกันบุตรหลาน
จากการถูกละเมิดทางเพศ

      ผู้ปกครองสามารถลดความเสี่ยงไม่ให้บุตรหลานตกเป็นเหยื่อได้ด้วยวิธีที่เพจตามใจนักจิตวิทยา และเพจนักสังคมสงเคราะห์เล่าเรื่อง ให้คำแนะนำดังต่อไปนี้

  • สอนเขาว่าอย่าคุยหรือห้ามไปไหนกับคนแปลกหน้า
  • สอนเขาว่าห้ามไปในสถานที่ที่ลับตาคนหรืออยู่ในสถานที่ใดที่เป็นห้องปิดกับผู้ใหญ่หรือใครแบบสองต่อสอง เช่น ในห้องน้ำ ห้องนอน ตรอก ซอก ซอย เป็นต้น
  • ไม่ให้กินอาหารหรือดื่มน้ำที่ได้จากคนแปลกหน้า
  • สอนลูกให้จดจำเบอร์โทรศัพท์และชื่อจริงของพ่อแม่เสมอ
  • ไม่ควรทิ้งลูกไว้กับผู้ใหญ่ในบ้านตามลำพัง
  • สอนเขาว่าถ้าเผชิญสถานการณ์ที่มีคนจะมาทำร้ายเราให้ตะโกนหรือกรี๊ดดัง ๆ ให้คนมาช่วย และวิ่งหนีให้เร็วที่สุด วิ่งไปยังที่ ๆ คนอยู่มาก ๆ หรือ ถ้าต้องซ่อนก็ต้องตั้งสติซ่อนตัวให้เงียบที่สุด
  • สอนเด็กให้สามารถระบุภัยทางเพศได้ โดยให้เขารู้จักความรู้สึกที่ดี และความรู้สึกที่ไม่ดี ควบคู่ไปกับการรู้จักอวัยวะในร่างกายของตนเอง รู้ว่าจับตรงไหนปลอดภัย ตรงไหนอันตราย
  • สอนให้เขารู้ว่าใครสามารถเข้าใกล้และสัมผัสอวัยวะแต่ละส่วนของเขาได้บ้าง โดยเฉพาะส่วนสงวนอันได้แก่ ริมฝีปาก, หน้าอก, อวัยวะเพศหรือบริเวณหว่างขา และก้น เพราะเป็นจุดที่ละเอียดอ่อน ไวต่อการสัมผัส ถ้าคนอื่นมาโดน มาจับ เขาอาจรู้สึกอยากทำอะไรมากกว่าแค่จับ ลูบ หรือแตะต้อง และเขาอาจทำร้ายหนูได้
  • สอนเด็กเสมอว่าถ้ามีใครมาจับก้น นม จิ๋ม หรือจู๋ ให้มาบอกพ่อแม่ หรือถ้าพ่อแม่จับก็ให้มาบอกคุณครู
  • พ่อและแม่ควรต้องรู้วิธีการแสดงความรักต่อลูกว่าแค่ไหนทำได้ ไม่ละเมิดสิทธิในร่างกายของลูก และไม่เป็นการสร้างความคุ้นชินผิด ๆ ให้เด็กเข้าใจว่าการจับที่สงวนเป็นเรื่องปกติ ใครมาทำกับร่างกายเขาก็ได้

หากบุตรหลานตกเป็นเหยื่อควรทำอย่างไร

โรคใคร่เด็ก

          หากบุตรหลานตกเป็นเหยื่อของผู้ที่เป็นโรคใคร่เด็ก หรือถูกล่วงละเมิดทางเพศ พ่อแม่สามารถแจ้งไปได้ที่

  • มูลนิธิศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็ก 0-2412-1196 (ในเวลาราชการ)
  • ศูนย์ช่วยเหลือสังคม 1300 (ตลอด 24 ชั่วโมง)

          และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับลูก พ่อและแม่ควรเยียวยาจิตใจเขาก่อนเป็นอันดับแรก โดยเพจตามใจนักจิตวิทยาแนะนำให้ปฏิบัติ ดังนี้

     * อย่าผิดหวังในตัวเขา อย่าหมดความรักให้กับลูก

     * ขอความช่วยเหลือจากจิตแพทย์และนักจิตวิทยา เพราะบาดแผลทางใจ ต้องใช้การเยียวยาระยะยาว

     * อยู่เคียงข้างลูก จนกว่าเขาจะกลับมายืนหยัดได้อีกครั้งหนึ่ง ระหว่างนั้นก็อย่าหมดหวังในตัวเขา

     * ย้ำให้เขารู้ว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับลูก ลูกเป็นสิ่งล้ำค่าของพ่อแม่เสมอ

          ไม่มีใครอยากให้เหตุการณ์ร้าย ๆ เกิดกับบุตรหลานของเราแน่ ๆ และผู้ใหญ่เองก็ไม่สามารถอยู่กับเด็ก ๆ ได้ตลอดเวลา การสอนลูกให้รู้จักปกป้องสิทธิและร่างกายของตัวเองได้ รู้ว่าการกอด การจับ การสัมผัสร่างกายแบบไหนปลอดภัย แบบไหนอันตรายจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ ซึ่งการสร้างเกราะป้องกันขั้นแรกให้บุตรหลานก็ต้องเริ่มจากในครอบครัวนะคะ

บทความที่เกี่ยวข้องกับโรคใคร่เด็ก

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
โรคใคร่เด็ก Pedophilia อาการจิตป่วยอันตราย สังเกตให้ไวก่อนลูกหลานตกเป็นเหยื่อ อัปเดตล่าสุด 29 พฤศจิกายน 2567 เวลา 15:45:13 31,628 อ่าน
TOP
x close