x close

5 อาหารเสริมน้ำมันปลา ยี่ห้อไหนดี ปี 2566 ให้ได้ประโยชน์จัดเต็ม รีวิวนี้มีคำตอบ !

อาหารเสริมน้ำมันปลา

         หนึ่งในสารอาหารจำเป็นต่อร่างกายที่ไม่สามารถผลิตได้ตามธรรมชาติ แต่คุณพ่อคุณแม่มักจะหามาให้รับประทานกันตั้งแต่เด็กไปจนถึงสูงวัย คงจะหนีไม่พ้น "น้ำมันปลา" ที่อุดมไปด้วยกรดไขมัน Omega-3 นี่เอง แต่ปัญหาคือ สมัยนี้มีหลายแบรนด์จนตัดสินใจยาก บทความนี้เลยขอมารีวิว 5 อาหารเสริม "น้ำมันปลา" ยี่ห้อไหนดี ปี 2566 ให้ได้ประโยชน์จัดเต็ม พร้อมทั้งแนะนำวิธีการเลือกให้เหมาะสม วิธีการรับประทาน และทุกเรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับน้ำมันปลากัน

น้ำมันปลา (Fish Oil) คืออะไร

          น้ำมันปลา (Fish Oil) คือ ไขมันหรือน้ำมันที่ถูกสกัดมาจากเนื้อเยื่อของปลาในส่วนของหนัง เนื้อ ฯลฯ โดยเฉพาะกลุ่มปลาทะเลน้ำลึก เช่น ทูน่า แอนโชวี แซลมอน แมคเคอเรล เป็นต้น มีคุณประโยชน์ต่อสุขภาพหลากหลาย จึงถูกจัดให้อยู่ในวงการสารโภชนเภสัช (Nutraceutical) ได้รับความนิยมทั้งในกลุ่มเด็กและผู้ใหญ่มากที่สุด โดยอุดมไปด้วยกรดไขมัน Omega-3 จำนวน 2 ชนิด ได้แก่

  • EPA (Eicosapentaenoic Acid) 30% : มีประโยชน์หลากหลาย ทั้งควบคุมระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือด, ลดความเสี่ยงเกิดภาวะหลอดเลือดอุดตัน, ยับยั้งการผลิตสารที่ก่อให้เกิดอาการอักเสบต่าง ๆ โดยเฉพาะบริเวณข้อ ฯลฯ

  • DHA (Docosahexaenoic Acid) 70% : สำคัญต่อเซลล์สมองและเซลล์ประสาทตา โดยพบ DHA ที่สมอง 40% และพบที่จอประสาทตา 60% จึงช่วยทั้งเรื่องความจำและการมองเห็นให้ทำงานได้มีประสิทธิภาพ

ปริมาณโอเมก้า 3
ที่ร่างกายควรได้รับในแต่ละวัน

           ปริมาณการบริโภคน้ำมันปลาควรเลือกตามปัจจัยด้านร่างกายของแต่ละบุคคล ดังนี้

  • เด็ก 1-13 ปี : National Institutes of Health (NIH) แนะนำ 500-1,000 mg

  • ผู้ใหญ่ทั่วไป : องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำ 250-500 mg

  • ผู้หญิงตั้งครรภ์ / ให้นมบุตร : European Food Safety Authority (EFSA) แนะนำ 250 mg หรือ DHA 100-200 mg

  • ป้องกันหรือผู้มีปัญหาโรคหัวใจและหลอดเลือด (ลดความอันตราย ไม่ใช่การรักษา) : American Heart Association แนะนำ 500-1,000 mg

  • ลดระดับไตรกลีเซอไรด์ : National Lipid Association แนะนำ 2,000-4,000 mg

เลือกน้ำมันปลาอย่างไร
ให้ตอบโจทย์ความต้องการ

          สำหรับคนที่กำลังสนใจอยากหาน้ำมันปลาที่ใช่มาบำรุงสุขภาพร่างกาย แต่ยังไม่รู้ว่าควรเลือกอย่างไรให้ตอบโจทย์ความต้องการและดีต่อสุขภาพสูงสุด ก่อนจะหยิบเอา 5 น้ำมันปลาตัวอย่างมารีวิวให้ฟัง จะขอแนะนำวิธีเลือกน้ำมันปลาให้เข้าใจกันก่อน

1. สังเกตสัดส่วนปริมาณของ DHA : EPA

          เพราะน้ำมันปลาที่ดีควรมีสัดส่วนเป็นของ DHA : EPA ประมาณ 1:2 หรือ 2:3 และรวมกันระหว่าง DHA และ EPA แล้วมากกว่า 20% ขึ้นไป ไม่ใช่ผสมกับสารอื่นที่ไม่เกี่ยวข้อง

2. รูปแบบของน้ำมันปลาที่รับประทานสะดวก

          อาหารเสริมน้ำมันปลาปัจจุบันมีให้เลือกหลายแบบ แต่จะนิยมอยู่ 2 แบบ คือ แบบน้ำ (เมื่อต้องการสารอาหารจำนวนมากแบบน้ำจะนำส่งสารได้ดี แต่มักจะรับประทานยาก เพราะมีกลิ่นคาว) และแบบแคปซูล หรือ Soft Gel (รับประทานง่าย คำนวณปริมาณให้เหมาะกับร่างกายแต่ละวัยได้เหมาะสมง่ายขึ้น และป้องกันการ Oxidized ได้ดีกว่า)

3. ความบริสุทธิ์ของน้ำมันปลา

          ควรเลือกน้ำมันปลาที่ผ่านกระบวนการแปรรูปจากธรรมชาติจนบริสุทธิ์ ปราศจากโลหะหนักอย่าง ปรอท ตะกั่ว หรือสารปนเปื้อนอื่น ๆ ฯลฯ เพื่อความปลอดภัยในการรับประทานต่อเนื่อง

          *แนะนำอีกนิด หากอยากเพิ่มคุณภาพอาจลองมองหาน้ำมันปลาที่สกัดจากปลาธรรมชาติน้ำลึกที่อาศัยในแหล่งน้ำเย็น

4. ผ่านการรับรองมาตรฐาน

          ใครอยากเลือกง่าย ๆ อย่าลืมเลือกน้ำมันปลาที่ผ่านการรับรอง อย. และมาตรฐานต่าง ๆ เพราะการันตีได้ถึงความปลอดภัย คุณภาพดี และได้รับปริมาณเหมาะสมในแต่ละวัน และที่สำคัญไม่มีสารโลหะหนัก

5. มีส่วนประกอบของ Vitamin E

           เพราะปกติกรดไขมัน Omega-3 ในน้ำมันปลาจะเกิดการ Oxidation ได้ง่าย การใส่ Vitamin E ลงไปไม่ใช่แค่ได้สารบำรุงเพิ่มในเรื่องของการต้านอนุมูลอิสระ แต่ยังช่วยรักษาคุณภาพของน้ำมันปลาให้พร้อมบริโภคด้วย

คัดมาแล้ว 5 อาหารเสริมน้ำมันปลา
ยี่ห้อไหนดี ปี 2566

          หลังจากเก็บเทคนิคเลือกน้ำมันปลาอย่างไรให้ตอบโจทย์ความต้องการแล้ว เดี๋ยวเราจะมารีวิว 5 อาหารเสริมน้ำมันปลา ยี่ห้อไหนดี ปี 2566 (ย้ำว่า ตัวอย่างเท่านั้น ! หากไม่ได้พูดถึงก็ไม่ได้แปลว่าไม่ดี เพราะเกณฑ์การตัดสินของแต่ละคนอาจไม่เหมือนกัน)

1. น้ำมันปลา ยี่ห้อ VISTRA Salmon Fish Oil 1000 mg Plus Vitamin E

อาหารเสริมน้ำมันปลา

ภาพจาก : vistra.co.th

         น้ำมันปลาที่สกัดมาจากปลาแซลมอนจัดว่าเป็นน้ำมันปลาตัวท็อป ๆ ที่ได้รับความนิยมในท้องตลาดมาอย่างยาวนาน อย่างขวดนี้ VISTRA Salmon Fish Oil สกัดมาจากปลาแซลมอนประเทศนอร์เวย์ ให้กรดไขมันโอเมก้า 3 ในปริมาณ 350 มิลลิกรัมต่อแคปซูล มี EPA และ DHA ในสัดส่วน 180:120 (3:2) ซึ่งเป็นสัดส่วนที่มีงานวิจัยรับรองว่าสามารถช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจหลอดเลือด (Cardio Vascular Diseases; CVD ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

         นอกจากนี้ยังมีวิตามินอีเป็นส่วนประกอบมาช่วยเสริมประสิทธิภาพร่วมกับโอเมก้า 3 และแบรนด์นี้ก็ควบคุมมาตรฐานการผลิตในระดับสากล โดยได้รับการรับรองระบบประกันคุณภาพ GHPs และ HACCP รวมถึงได้รับการรับรองฮาลาล และ อย. ของไทย และโรงงานที่ได้รับมาตรฐาน มั่นใจได้ว่าสะอาด ปลอดภัย ไม่มีสารโลหะหนักปนเปื้อน

  • วิธีรับประทาน : วันละ 1 แคปซูล พร้อมอาหาร

  • ปริมาณและราคา : ขนาด 45 แคปซูล 180 บาท เฉลี่ยแล้ว 4 บาท/แคปซูล

  • คะแนน 9.5/10 : สมกับน้ำมันปลาของคนฉลาดเลือกที่เหมาะสมทั้งราคาและคุณภาพ เพราะมีปริมาณน้ำมันปลา 1000 mg และ EPA กับ DHA 180:120 รวมถึงวิตามินอีสูงถึง 10 IU ในราคาที่คุ้มกว่า ตอบโจทย์กับการเป็นน้ำมันปลาสำหรับทุกคนในครอบครัว มีส่วนช่วยเรื่องบำรุงหัวใจ บำรุงสมอง ลดอักเสบ และที่สำคัญเป็น Salmon Fish Oil ที่ได้รับเครื่องหมายฮาลาลเรียบร้อย แถมหาซื้อง่ายตามร้านขายยา ถูกใจคนรักสุขภาพ !

  • ช่องทางสั่งซื้อ : Shopee และ Lazada

2. น้ำมันปลา ยี่ห้อ VISTRA Odorless Fish Oil 1000 mg

อาหารเสริมน้ำมันปลา

ภาพจาก : vistra.co.th

           อีกหนึ่งทางเลือกของน้ำมันปลา VISTRA ที่เราได้บอกต่อไปเล็กน้อยในส่วนที่รีวิวตัวแรก แต่น้ำมันปลา VISTRA Odorless Fish Oil 1000 mg ตัวนี้จะมีความโดดเด่น ที่มีการพัฒนามาตอบโจทย์สำหรับมือใหม่หัดลองน้ำมันปลา ไม่คุ้นชินกับสัมผัสและกลิ่นของน้ำมันปลาโดยเฉพาะ ช่วยลดกลิ่นคาวด้วยกลิ่นเปปเปอร์มินต์ นอกนั้นเรื่องคุณภาพ การรับรองมาตรฐานระดับสากล ได้รับรอง Halal และสารสกัดที่ส่งตรงจากยุโรปยังคงเดิม

  • ปริมาณและราคา : ขนาด 45 แคปซูล 180 บาท เฉลี่ยแล้ว 4 บาท/แคปซูล

  • คะแนน 9.5/10 : Odorless Fish Oil หนึ่งเดียวในตลาดตัวนี้ ถ้าให้ได้มากกว่าสิบก็จะให้เกินสิบไปเลย เพราะนี่คือน้ำมันปลาตัวท็อปใน Fish Oil Market ยืนหนึ่งเรื่องน้ำมันปลาของจริง ! นึกว่าพัฒนากว่าตัวแรกแล้วจะแพงขึ้น แต่ดูราคา โอ้โห คุ้มมาก มีปริมาณน้ำมันปลา 1000 mg และ EPA กับ DHA 180:120 รวมถึงวิตามินอีสูงสุดถึง 15 IU (11.48 mg) ซึ่งสูงที่สุดในตลาดตอนนี้ ด้วยราคาที่คุ้มมาก เด็ก ๆ หรือมือใหม่หัดลองก็บริโภคได้ หรือจะเป็นชาวมุสลิมก็ไม่มีปัญหา เพราะได้เครื่องหมายฮาลาลเรียบร้อย ส่วนกลิ่นก็มีความหอมอ่อน ๆ แบบเปปเปอร์มินต์ ตอบโจทย์คนกังวลเรื่องกลิ่นคาวปลาได้ดีเลยล่ะ

  • ช่องทางสั่งซื้อ : Shopee และ Lazada
          สำหรับใครที่กำลังตัดสินใจว่าจะซื้อน้ำมันปลายี่ห้อไหนดี ก็ต้องบอกว่า วิสทร้าฟิชออยล์ทั้ง 2 ขวด ตอบโจทย์เป็นอย่างดี เพราะเป็นแบรนด์ที่น่าเชื่อถือและได้รับการรับรองคุณภาพในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น 

          ผ่านการตรวจสอบเรื่องโลหะหนัก จึงวางใจได้ว่าไม่มีสารปนเปื้อนจากปรอทและตะกั่ว 
          มั่นใจได้ในเรื่องของความปลอดภัยและความสะอาดของกระบวนการผลิต โดยผ่านมาตรฐานการรับรองระบบประกันคุณภาพ GHPs (Good Hygiene Practices) และ HACCP (Hazard Analysis Critical Control Point) สำหรับการผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจาก Bureau Veritas Certification (Thailand) Ltd.
          ได้รับการรับรอง Halal จากสำนักงานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย ชาวอิสลามสามารถรับประทานได้

3. น้ำมันปลา ยี่ห้อ MEGA Fish Oil 1000 mg

อาหารเสริมน้ำมันปลา

ภาพจาก : megawecare.co.th

         อีกหนึ่งน้ำมันปลายอดฮิตที่เวลาเจอคำถาม น้ำมันปลายี่ห้อไหนดี จะต้องมี MEGA Fish Oil ในนั้น ด้วยความที่ MEGA เป็นแบรนด์ไทยที่มีคุณภาพผ่านการรับรองมาตรฐานการผลิต GMP จาก 2 แห่ง คือ TGA ออสเตรเลีย และ BfArM เยอรมนี เลือกใช้สารสกัดน้ำมันปลาจากปลาแอนโชวี ผ่านการตรวจสอบโลหะหนักและสารปนเปื้อน มี EPA และ DHA ในสัดส่วน 180:120 หรือ 3:2 เหมือนกัน วิตามินอีใส่มา 1.4 mg แต่ไม่ได้ระบุหน่วย IU คงคุณภาพของน้ำมันปลา หายห่วงเรื่องความสะอาด ปลอดภัย และการผลิตที่มีคุณภาพ

  • ปริมาณและราคา : ขนาด 30 แคปซูล 199 บาท เฉลี่ยแล้ว 6.63 บาท/แคปซูล

  • คะแนน 9/10 : เรื่องของคุณภาพและสัดส่วนของส่วนประกอบในน้ำมันปลาถือว่าไม่แพ้ใคร มีปริมาณน้ำมันปลา 1000 mg และ EPA กับ DHA 180:120 รวมถึงวิตามินอี 1.4 mg ราคาเอื้อมถึงง่าย แต่ราคาต่อแคปซูลถือว่าก็ยังสูงกว่าเกือบเท่าตัว และขนาดแคปซูลค่อนข้างใหญ่ต้องระวังขณะกลืนเล็กน้อย แต่โดยรวมก็ยังถือว่าเป็นอีกหนึ่งน้ำมันปลายอดฮิตที่น่าสนใจ

4. น้ำมันปลา ยี่ห้อ BLACKMORES Odorless Fish Oil MINI

อาหารเสริมน้ำมันปลา

ภาพจาก : blackmores.co.th

         น้ำมันปลาอีกกระปุกที่ไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือ BLACKMORES Odorless Fish Oil MINI เอาใจคนรักน้ำมันปลาแบบไม่เหม็นคาว เด็ก ๆ หรือมือใหม่หัดลองน้ำมันปลา ปลอดภัย ไม่เป็นอันตราย ปราศจากโลหะหนักและปรอท ไม่ระคายเคืองกระเพาะ และถูกพัฒนาให้มีขนาดเล็กลง รับประทานง่ายขึ้นกว่าน้ำมันปลารุ่นแรกพอสมควร

  • ปริมาณและราคา : ขนาด 60 แคปซูล 400 บาท เฉลี่ยแล้ว 6.67 บาท/แคปซูล

  • คะแนน 8.5/10 : ด้วยความที่รุ่น MINI ของ BLACKMORES ไม่ว่าจะน้ำมันปลาปกติหรือสูตร Odorless ต่างก็ถูกปรับไซซ์ของแคปซูลเจลให้เล็กลงเพื่อให้บริโภคง่ายขึ้น สิ่งที่ตามมาเลยเป็นเรื่องของปริมาณน้ำมันปลาที่ถูกลดลงครึ่งหนึ่งไปด้วย เหลือเพียง 500 mg ต่อแคปซูล เมื่อมานั่งคำนวณราคาเฉลี่ยต่อแคปซูลเทียบกับน้ำมันปลาที่ได้รับก็ถือว่าราคาสูงเลยล่ะ แต่น่าสนใจที่เป็นอีกทางเลือกให้แก่เด็ก ๆ หรือคนบริโภคน้ำมันปลายากให้บริโภคได้ง่ายขึ้น ส่วนเรื่องความปลอดภัยและคุณภาพก็ทำได้สมกับมาตรฐานของแบรนด์นี้เลย

5. น้ำมันปลา ยี่ห้อ BLACKMORES Fish Oil 1000 mg

อาหารเสริมน้ำมันปลา

ภาพจาก : blackmores.co.th

         อาหารเสริมชั้นนำจากออสเตรเลีย BLACKMORES มีน้ำมันปลาที่ผ่านกระบวนการผลิตได้มาตรฐานรับรองจาก GMP หรือ PIC/s GMP รวมถึงผ่านการตรวจสอบปริมาณสารปรอทและตะกั่วเหมือนกัน แถมยังมีปริมาณน้ำมันปลา 1000 mg และ EPA กับ DHA 180:120 เหมือนกับตัวอื่นด้วย

  • ปริมาณและราคา : ขนาด 80 แคปซูล 699 บาท เฉลี่ยแล้ว 8.74 บาท/แคปซูล

  • คะแนน 8/10 : เรื่องของคุณภาพ BLACKMORES ไม่เคยห่วง เพราะการันตีด้วยชื่อเสียงระดับ Global Brand ที่มีมาอย่างยาวนาน มีวิตามินอีสูงถึง 10 IU เพื่อคงคุณภาพของน้ำมันปลา เพียงแค่ราคายังถือว่าค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับน้ำมันปลายี่ห้ออื่นในตลาดเดียวกัน (จากการเทียบกับตัวแรกแล้วราคาเฉลี่ยถือว่าสูงเท่าตัวเลยทีเดียว) แถมยังมีกลิ่นคาวค่อนข้างชัดด้วย

น้ำมันปลากินตอนไหนดีที่สุด ?

         เมื่อเลือกน้ำมันปลาที่โดนใจกันได้แล้ว คำถามว่า กินน้ำมันปลาแบบถูกวิธีทำอย่างไร ? น้ำมันปลากินตอนไหนดีที่สุด ? คำตอบก็คือ กินปริมาณเหมาะสมกับที่ร่างกายควรได้รับในแต่ละวัน “พร้อมอาหารหรือหลังมื้ออาหาร” เพื่อให้ร่างกายดูดซึมสารจำเป็นเข้าสู่ร่างกายได้ดีมากขึ้น แต่ไม่ควรรับประทานพร้อมอาหารคอเลสเตอรอลสูง (ระดับคอเลสเตอรอลอาจเสียสมดุล) และยาที่มีฤทธิ์ต้านการจับตัวของเลือด เช่น แอสไพริน เป็นต้น (เลือดจะหยุดไหลยากขึ้น)
           หวังว่ารีวิว 5 น้ำมันปลาตัวท็อปประจำปี 2566 ที่เรานำมาฝากนี้จะช่วยให้ทุกคนตัดสินใจบริโภคได้ง่ายขึ้นไม่มากก็น้อย แต่ที่สำคัญคือ อย่าลืมว่า “อาหารเสริม” ไม่ใช่ “ยา”ควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบถ้วนตามที่ร่างกายต้องการ และใช้ยารักษาโรคประจำตัวเป็นประจำตามที่แพทย์แนะนำ (ใครมีโรคประจำตัวควรปรึกษาแพทย์ทุกครั้งก่อนรับประทานอาหารเสริมทุกประเภท) รวมถึงบริโภคน้ำมันปลาที่มีคุณภาพในปริมาณเหมาะสมกับร่างกายแต่ละวัน เพื่อให้สามารถนำสารอาหารจำเป็นไปใช้ประโยชน์ได้สูงสุดอย่างปลอดภัย ถูกใจคนรักสุขภาพกัน !
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
5 อาหารเสริมน้ำมันปลา ยี่ห้อไหนดี ปี 2566 ให้ได้ประโยชน์จัดเต็ม รีวิวนี้มีคำตอบ ! อัปเดตล่าสุด 24 พฤศจิกายน 2566 เวลา 10:38:13 71,436 อ่าน
TOP