ประโยชน์ของอะโวคาโด
ผลไม้มากคุณค่า
ผลไม้อย่างอะโวคาโด อุดมไปด้วยโภชนาการที่ดีต่อสุขภาพ เช่น
-
อุดมไปด้วยไขมันดี ที่ช่วยลดปริมาณไขมันเลว (LDL) และลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด
-
มีวิตามินหลากหลาย ทั้งวิตามินบี 6, โพแทสเซียม, โฟเลต, วิตามินซี, วิตามินอี, กรดโอเลอิก และสารต้านอนุมูลอิสระชนิดต่าง ๆ
-
คาร์โบไฮเดรตต่ำ น้ำตาลน้อย ไฟเบอร์สูง ทำให้อิ่มง่าย จึงมีส่วนช่วยลดน้ำหนัก
-
ไฟเบอร์ในอะโวคาโดยังช่วยกระตุ้นระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่าย
-
มีการศึกษาพบว่ากรดไขมันในอะโวคาโดช่วยลดอาการปวดจากโรคข้ออักเสบได้
-
ดีต่อแม่ท้อง เพราะมีโฟเลตสูง ช่วยเสริมการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์
-
ช่วยบำรุงสมอง ด้วยกรดไขมันโอเมก้า 9 หรือกรดโอเลอิก ทั้งยังมีลูทีนและซีแซนทิน ที่ช่วยเรื่องความจำและสายตา
ที่สำคัญ อะโวคาโด เป็นผลไม้ที่มีความอร่อยในตัวเอง และสามารถนำไปทำได้หลายเมนู ไม่ว่าจะเครื่องดื่มสมูทตี้ อาหารคาว อาหารหวาน ขนม ไอศกรีม หากเรารู้วิธีกินอะโวคาโดให้ได้ประโยชน์อย่างสูงสุดด้วยก็จะยิ่งฟินขึ้นไปอีก
วิธีกินอะโวคาโด ให้ได้ประโยชน์สูงสุด
1. เลือกกินอะโวคาโดที่สุกเต็มที่
2. รับประทานแบบสด ๆ จะดีที่สุด
3. รับประทานแต่น้อย
4. จับคู่กับอาหารเพื่อสุขภาพ
5. เลือกกินให้ถูกช่วงเวลา
อะโวคาโด กินตอนไหนดีที่สุด ? แนะนำว่ากินอะโวคาโดตอนเช้าหรือกลางวันจะดีกว่าช่วงเย็นหรือก่อนนอน เพราะเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายมีโอกาสได้เผาผลาญพลังงานจากอะโวคาโดไปกับการทำกิจวัตรประจำวันต่าง ๆ ลดโอกาสสะสมแคลอรีและไขมันในร่างกาย
นอกจากนี้ควรเลือกรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ สลับปรับเปลี่ยนกันไป เพื่อให้ได้สารอาหารที่หลากหลาย และหมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอด้วยนะคะ
กินอะโวคาโดทุกวันอ้วนไหม
จริง ๆ แล้วหากกินอะโวคาโดอย่างเหมาะสม วันละไม่เกินครึ่งลูก หรือราว ๆ 100 กรัม พร้อมกับออกกำลังกายร่วมด้วย ก็ไม่น่าเป็นห่วงเรื่องความอ้วนค่ะ เพราะอะโวคาโดเป็นผลไม้ที่มีไขมันดีสูง แต่ไม่มีคอเลสเตอรอล แถมยังมีไฟเบอร์สูง ช่วยให้อิ่มนาน ในขณะที่มีปริมาณคาร์บต่ำ น้ำตาลน้อย จึงมักจะเป็นผลไม้ที่คนลดน้ำหนักเลือกกิน
ส่วนคนที่กินอะโวคาโดเพื่อต้องการเพิ่มไขมันดีให้ร่างกาย แนะนำให้กินอาหารไขมันดีชนิดอื่น ๆ เช่น เนื้อปลา ถั่วชนิดต่าง ๆ น้ำมันพืชอย่างน้ำมันมะกอก สลับหมุนเวียนกันไปในแต่ละวัน เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่หลากหลาย ซึ่งจะได้ประโยชน์มากกว่าการกินแต่อะโวคาโดเพียงอย่างเดียวทุกวันข้อควรระวัง และใครไม่ควรกินอะโวคาโด
อะโวคาโดเป็นผลไม้ที่มีข้อควรระวังในการรับประทาน เช่น
-
ระวังการกินอะโวคาโดที่สุกไม่เต็มที่ เพราะอะโวคาโดดิบจะมีสารแทนนินสูง มีรสฝาด และอาจทำให้ท้องผูก คลื่นไส้ วิงเวียนได้
-
ไม่ควรกินเกิน ⅓ ผลต่อครั้ง และควรรับประทานอาหารให้หลากหลายในแต่ละวัน
-
ไม่เหมาะกับผู้ที่รับประทานยาต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น ยาวาร์ฟาริน (Warfarin) เพราะอะโวคาโดมีวิตามินเคสูง ซึ่งอาจไปยับยั้งฤทธิ์ของยาได้
-
คนที่มีโรคแพ้อาหาร หรือภูมิแพ้ใด ๆ ควรทดสอบการแพ้ก่อนรับประทาน เพราะอะโวคาโดมียางธรรมชาติอยู่บนขั้วผล ซึ่งอาจกระตุ้นอาการแพ้ได้
-
ผู้ป่วยโรคไตควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทาน เพราะอะโวคาโดมีโพแทสเซียมสูง
-
ผู้ที่มีโรคประจำตัว หรือมียาที่ต้องกินเป็นประจำ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนว่าควรกินอะโวคาโดอย่างไรให้เหมาะสม