งานวิจัยจากสิงคโปร์เผย เด็กผู้ชายที่นอนหลับอย่างสม่ำเสมอครบ 9 ชั่วโมงต่อคืน มีความเสี่ยงโรคอ้วนและไขมันหน้าท้องลดลงมากกว่าครึ่ง เมื่อเทียบกับเด็กที่นอนไม่พอ
![งานวิจัยชี้เด็กนอนหลับเพียงพอสม่ำเสมอ ช่วยลดความอ้วนได้ งานวิจัยชี้เด็กนอนหลับเพียงพอสม่ำเสมอ ช่วยลดความอ้วนได้]()
การศึกษาดังกล่าวมีเด็กเข้าร่วม 638 คน จาก 3 กลุ่มชาติพันธุ์หลักของสิงคโปร์ โดยนำข้อมูลการนอนหลับที่รายงานโดยผู้ปกครอง การอ่านค่าจากเครื่องติดตามกิจกรรมแบบสวมใส่ บวกกับการสแกนภาพด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) มาใช้เพื่อประเมินไขมันหน้าท้อง
ผลการค้นพบบ่งชี้ว่า เด็กชายที่นอนหลับตามระยะเวลาที่แนะนำ มีไขมันลดลงอย่างเห็นได้ชัดในทุกบริเวณที่วัด ซึ่งรวมถึงไขมันใต้ผิวหนังและไขมันรอบอวัยวะภายใน ทั้งยังมีระดับของตัวบ่งชี้การอักเสบในเลือดที่เชื่อมโยงกับการอักเสบเรื้อรังและความเสี่ยงต่อโรคหัวใจลดลง ขณะที่ในกลุ่มเด็กผู้หญิงพบความสัมพันธ์ที่คล้ายกันแต่ไม่เด่นชัดนัก ซึ่งอาจสะท้อนถึงความแตกต่างทางชีวภาพ หรือพฤติกรรมในการนอนหลับที่มีผลต่อการสะสมไขมัน
อนึ่ง ไขมันในช่องท้อง โดยเฉพาะไขมันที่อยู่รอบอวัยวะภายใน มีความเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับโรคเมตาบอลิก (metabolic diseases) เช่น เบาหวานชนิดที่ 2 และโรคหัวใจและหลอดเลือด
ชีหรง ไช ผู้เขียนอาวุโสของการศึกษาดังกล่าว ระบุว่า การค้นพบครั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ปกครอง โรงเรียน และผู้กำหนดนโยบาย โดยชี้ให้เห็นว่านิสัยการนอนหลับที่สม่ำเสมอตลอดทั้งสัปดาห์ เป็นสิ่งสำคัญต่อการปกป้องสุขภาพการเผาผลาญของเด็ก ๆ ไม่ใช่แค่การปล่อยให้เด็กนอนตื่นสายเฉพาะในวันหยุดสุดสัปดาห์

สำนักข่าวซินหัว รายงานเมื่อวันจันทร์ที่ 27 ตุลาคม 2568 ผลการศึกษาใหม่จากสำนักงานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และการวิจัยของสิงคโปร์ เปิดเผยว่า เด็กผู้ชายที่นอนหลับอย่างสม่ำเสมอเป็นเวลา 9 ชั่วโมง หรือมากกว่านั้นต่อคืนตลอดทั้งสัปดาห์ มีความเสี่ยงเป็นโรคอ้วนลดลงร้อยละ 51 และมีไขมันหน้าท้องน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบกับเด็กที่นอนหลับไม่เพียงพอ
การศึกษาดังกล่าวมีเด็กเข้าร่วม 638 คน จาก 3 กลุ่มชาติพันธุ์หลักของสิงคโปร์ โดยนำข้อมูลการนอนหลับที่รายงานโดยผู้ปกครอง การอ่านค่าจากเครื่องติดตามกิจกรรมแบบสวมใส่ บวกกับการสแกนภาพด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) มาใช้เพื่อประเมินไขมันหน้าท้อง
ผลการค้นพบบ่งชี้ว่า เด็กชายที่นอนหลับตามระยะเวลาที่แนะนำ มีไขมันลดลงอย่างเห็นได้ชัดในทุกบริเวณที่วัด ซึ่งรวมถึงไขมันใต้ผิวหนังและไขมันรอบอวัยวะภายใน ทั้งยังมีระดับของตัวบ่งชี้การอักเสบในเลือดที่เชื่อมโยงกับการอักเสบเรื้อรังและความเสี่ยงต่อโรคหัวใจลดลง ขณะที่ในกลุ่มเด็กผู้หญิงพบความสัมพันธ์ที่คล้ายกันแต่ไม่เด่นชัดนัก ซึ่งอาจสะท้อนถึงความแตกต่างทางชีวภาพ หรือพฤติกรรมในการนอนหลับที่มีผลต่อการสะสมไขมัน
อนึ่ง ไขมันในช่องท้อง โดยเฉพาะไขมันที่อยู่รอบอวัยวะภายใน มีความเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับโรคเมตาบอลิก (metabolic diseases) เช่น เบาหวานชนิดที่ 2 และโรคหัวใจและหลอดเลือด
คณะนักวิจัยยังพบว่า เด็กวัยเรียนหลายคนพยายามชดเชยการนอนหลับที่ไม่เพียงพอในวันธรรมดา ด้วยการนอนหลับให้นานขึ้นในวันหยุดสุดสัปดาห์ ทว่าการนอนหลับให้เพียงพอเฉพาะในวันหยุดสุดสัปดาห์ ไม่ได้ช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคอ้วน หรือระดับไขมันหน้าท้อง
ชีหรง ไช ผู้เขียนอาวุโสของการศึกษาดังกล่าว ระบุว่า การค้นพบครั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ปกครอง โรงเรียน และผู้กำหนดนโยบาย โดยชี้ให้เห็นว่านิสัยการนอนหลับที่สม่ำเสมอตลอดทั้งสัปดาห์ เป็นสิ่งสำคัญต่อการปกป้องสุขภาพการเผาผลาญของเด็ก ๆ ไม่ใช่แค่การปล่อยให้เด็กนอนตื่นสายเฉพาะในวันหยุดสุดสัปดาห์
ขอบคุณข้อมูลจาก XINHUA
หมายเหตุ :
นักเรียนงีบหลับตอนเที่ยงที่ห้องเรียนของโรงเรียนประถมศึกษาแห่งหนึ่งในเมืองจุนอี้ มณฑลกุ้ยโจว ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน วันที่ 22 มีนาคม 2567 (แฟ้มภาพซินหัว)






