รู้ก่อนจิบ ! ทิปส์เลือกเครื่องดื่มสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน ดื่มน้ำอะไรได้บ้าง

          ผู้ป่วยเบาหวานนอกจากจะต้องระวังเรื่องการทานอาหารแล้ว ก่อนจะหยิบเครื่องดื่มอะไรขึ้นมาดื่มก็ต้องดูให้ดีเหมือนกันนะ

เครื่องดื่มผู้ป่วยเบาหวาน

          หลายคนอาจเกิดคำถามว่าคนเป็นเบาหวานจะดื่มกาแฟได้ไหม แล้วดื่มนมดีหรือเปล่า เว็บไซต์ Reader\'s Digest ก็เลยหยิบข้อมูลดี ๆ ที่ได้จากคำแนะนำของนักโภชนาการมาบอกกัน ใครที่เป็นเบาหวาน หรือมีคนใกล้ตัวเป็นโรคนี้่อยู่ลองอ่านให้จบก่อนยกแก้วขึ้นมาจิบในครั้งต่อไปนะคะ

น้ำเปล่า : ดื่มให้มากขึ้น

เครื่องดื่มผู้ป่วยเบาหวาน

          คงไม่มีใครปฏิเสธว่า "น้ำเปล่า" สะอาด ๆ ดีต่อสุขภาพมากแค่ไหน แถมยังให้ผลที่ดีต่อสุขภาพของผู้ที่เป็นโรคเบาหวานด้วย เห็นได้จากการศึกษาของต่างประเทศที่ระบุว่า คนที่ดื่มน้ำเปล่าวันละไม่ถึงครึ่งลิตร มีแนวโน้มที่จะมีน้ำตาลในเลือดสูงกว่าคนที่ดื่มน้ำเปล่ามาก ๆ เป็นประจำทุกวันถึง 30%

          เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับฮอร์โมนที่ชื่อว่า วาโซเพรสซิน (vasopressin) ที่ทำหน้าที่ควบคุมให้ร่างกายมีสารน้ำปกติ เมื่อใดก็ตามที่ร่างกายขาดน้ำ ฮอร์โมนนี้จะหลั่งออกมามากขึ้น จนไปกระตุ้นให้ตับผลิตน้ำตาลในเลือดมากขึ้น และยังไปกระตุ้นให้เส้นเลือดหดตัว ทำให้เกิดความดันสูงได้อีก

           ดื่มอย่างไรดี : สำหรับผู้หญิง ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ดื่มน้ำแก้วขนาด 1/4 ลิตร วันละ 6-9 แก้ว และถ้าเป็นผู้ชายให้ดื่มมากขึ้นอีกนิดหน่อย โดยไม่จำเป็นว่าจะต้องดื่มแต่น้ำเปล่าเพียว ๆ อาจจะเป็นน้ำจากผักผลไม้ หรือน้ำประเภทอื่น ๆ ก็ได้ แต่ถ้าคุณไม่ใช่คนประเภทที่ดื่มน้ำบ่อย ๆ ผู้เชี่ยวชาญก็แนะนำให้คุณลองดื่มน้ำเปล่า 1 แก้วก่อนทานอาหารแต่ละมื้อ และหลังจากทำไปได้ 2-3 สัปดาห์แล้ว ให้ดื่มน้ำระหว่างมื้อด้วยอีก 1 แก้ว จะช่วยให้คุณดื่มน้ำได้มากขึ้น

นม : ดื่มให้มากขึ้น

เครื่องดื่มผู้ป่วยเบาหวาน

          ไม่ใช่แค่เด็ก ๆ เท่านั้นที่ควรจะดื่มนมเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง แต่ผู้ใหญ่ โดยเฉพาะผู้ป่วยเบาหวานก็ไม่ควรพลาดนมสดแสนอร่อยเช่นกัน เพราะในนมเป็นแหล่งของสารอาหารสำคัญอย่างแคลเซียม แมงกานีส โพแทสเซียม และวิตามินดี ซึ่งล้วนเป็นแร่ธาตุสำคัญในการทำงานของร่างกาย

          และสำหรับผู้ป่วยเบาหวานต้องรู้ด้วยนะคะว่า มีงานวิจัยที่ศึกษาพบว่า การดื่มนมจะช่วยให้คุณลดน้ำหนักลงได้  โดยการศึกษากลุ่มตัวอย่างที่พยายามลดความอ้วน จำนวน 322 คน (ในจำนวนนี้ป่วยด้วยโรคเบาหวานประเภทที่ 2 และโรคหัวใจ) พบว่า ผู้ที่ดื่มนมวันละประมาณ 250 มิลลิลิตร จะสามารถลดน้ำหนักลงได้มากกว่าคนที่ดื่มนมเพียงครึ่งแก้วถึง 5 ปอนด์ (ประมาณ 2.25 กิโลกรัม)

          แน่นอนว่า สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน ผู้เชี่ยวชาญจะแนะนำให้ดื่มนมไขมันต่ำ หรือไขมัน 0% จะดีกว่า ขณะที่งานวิจัยจาก the Journal of the American College of Nutrition ยังเสริมว่า การดื่มนมจะช่วยลดระดับความดันโลหิตของผู้ป่วยเบาหวานลงได้ ซึ่งอย่างที่รู้กันว่าผู้ป่วยเบาหวานจะกังวลเรื่องระดับความดันโลหิตมากเลยทีเดียว

           ดื่มอย่างไรดี : แนะนำให้ดื่มนม หรือผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนม ประมาณ 2-3 หน่วยบริโภคต่อวัน โดยต้องเน้นเป็นนมไขมันต่ำหรือไร้ไขมัน ถ้าคิดว่าตัวเองคงไม่สามารถดื่มนมได้มากขนาดนั้นก็ลองเริ่มจากดื่มนม 1 แก้วในช่วงอาหารมื้อเช้าดู หรือทานอาหารที่มีส่วมผสมของนมเป็นของว่างก็ได้ อย่างเช่น โยเกิร์ต พุดดิ้งนมที่ไม่ใส่น้ำตาล รู้ไหมว่าการดื่มนมระหว่างมื้ออาหารจะช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดที่เพิ่มสูงขึ้นในระหว่างที่ร่างกายกำลังย่อยอาหารพวกคาร์โบไฮเดรตได้

น้ำชา : ดื่มให้มากขึ้น

เครื่องดื่มผู้ป่วยเบาหวาน

          สารแอนตี้ออกซิแดนท์สามารถหาได้จากการดื่มชาเขียว และชาดำ และนี่ก็เป็นหนึ่งในเครื่องดื่มที่ผู้ป่วยเบาหวานต้องดื่มให้มากขึ้น โดยการศึกษาชิ้นหนึ่งในประเทศจีน พบว่า ชาดำมีสารพอลิแซ็กคาไรด์สูงมาก ซึ่งสารนี้จะไปช่วยให้การดูดซึมน้ำตาลในกระแสเลือดช้าลง หากจิบชาดำวันละ 4 ถ้วย จะช่วยลดอัตราการเสี่ยงเป็นเบาหวานได้ถึง 16% เลยทีเดียว

          สอดคล้องกับผลวิจัยของประเทศเยอรมนี ที่ยืนยันว่า น้ำชาช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจ และโรคหลอดเลือดในสมอง แต่ในที่นี้ต้องเป็นน้ำชาจริง ๆ นะคะ พวกน้ำชารสหวาน ๆ ชาเย็น ชานม ชามะนาวอะไรพวกนั้นบอกลาไปได้เลยค่ะ เพราะชากลุ่มนี้ผสมน้ำตาลเป็นกระตัก

           ดื่มอย่างไรดี : ให้ดื่มชาเขียว ชาดำสัก 4-5 ถ้วยต่อวันกำลังดีเลยล่ะ แต่ถ้าคุณเป็นคนที่แพ้คาเฟอีน คือลองได้จิบแค่นิดเดียวก็ตาค้างไปตลอดคืนแล้ว แบบนี้ให้เปลี่ยนมาดื่มพวกชาดีแคฟแทน และจำไว้ว่าห้ามเติมน้ำตาล ครีม หรือนมที่มีไขมันเด็ดขาด

 กาแฟ : ดื่มได้พอประมาณ

เครื่องดื่มผู้ป่วยเบาหวาน

          งานวิจัยบางชิ้นอาจจะบอกว่า การดื่มกาแฟจะช่วยลดโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นเบาหวานประเภทที่ 2 ได้ แต่จริง ๆ แล้ว ถ้าคุณกำลังป่วยด้วยโรคเบาหวาน กาแฟจะไปเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดต่างหาก แล้วยิ่งถ้าเติมน้ำตาล ครีมเทียม นมไขมันสูงลงไปในถ้วยด้วยล่ะก็ คุณจะได้รับน้ำตาลในเลือดและความอ้วนเป็นของแถมที่ไม่อยากได้

           ดื่มอย่างไรดี : ถ้าเป็นคอกาแฟจริง ๆ แบบว่าอย่างไรก็ต้องดื่มให้ได้ ก็ขอให้จิบไม่เกินวันละ 2 แก้วก็แล้วกัน แต่คุณต้องรู้ด้วยนะคะว่า น้ำตาลในเลือดของแต่ละคนจะมีระดับการตอบสนองต่ออาหารแต่ละประเภทไม่เท่ากัน ดังนั้นในบางคนอาจจิบกาแฟเพียงแค่ 1 แก้วเล็ก ๆ ก็ทำให้น้ำตาลในเลือดสูงปรี๊ดแล้วก็ได้ เพราะฉะนั้น ถ้าคุณกำลังอยู่ในช่วงที่ต้องควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ให้งดดื่มกาแฟเสียจะดีกว่า

 น้ำอัดลมไดเอต : ดื่มได้พอประมาณ

น้ำอัดลมไดเอต

          ในโฆษณาต่าง ๆ มักจะตอกย้ำให้เรารับรู้ว่า น้ำอัดลมไดเอตไม่ทำให้อ้วน ไม่ทำให้น้ำหนักเพิ่ม แต่การศึกษาในเร็ว ๆ กลับยืนยันว่า คนที่ดื่มน้ำอัดลมไดเอตมีแนวโน้มจะมีน้ำหนักเกินมากกว่าคนที่ดื่มน้ำอัดลมทั่ว ๆ ไป นอกจากนี้ คนที่ดื่มน้ำอัดลมไดเอตจะมีความเสี่ยงเป็นโรคเบาหวานมากกว่าคนที่ไม่ดื่มถึง 67% ซึ่งอธิบายได้ว่าอาจเป็นเพราะคนที่ดื่มน้ำอัดลมไดเอตไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองดื่มน้ำอัดลมก็เป็นได้ (ก็คิดว่าเป็นอาหารไดเอตเลยดื่มได้อย่างสบายใจนั่นไง)

          อย่างไรก็ตาม ก็ไม่ใช่ว่าดื่มน้ำอัดลมไดเอตแล้วจะเป็นเบาหวานไปซะทุกราย เพราะการศึกษาจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดระบุว่า น้ำอัดลมไดเอตจะไม่มีความเกี่ยวข้องกับโรคเบาหวาน ถ้าไม่มีปัจจัยเรื่องดัชนีมวลกาย (BMI) และประวัติคนในครอบครัวที่เป็นโรคเบาหวานเข้ามาเกี่ยวข้อง ดังนั้น สมาคมเบาหวานแห่งสหรัฐอเมริกา จึงไม่ได้ห้ามผู้ป่วยเบาหวานเลิกดื่มน้ำอัดลมไดเอตไปซะทีเดียว เพราะอย่างน้อยก็ดูเป็นทางเลือกที่ดีกว่าการดื่มน้ำอัดลมธรรมดา หรือน้ำหวานประเภทอื่น

           ดื่มอย่างไรดี : ถ้าคุณเป็นคนชอบดื่มน้ำอัดลม คุณอาจจะจิบน้ำอัดลมประเภทไดเอตได้นิดหน่อยแทนเครื่องดื่มผสมน้ำตาลประเภทอื่น แต่ไม่ใช่ว่าจะดื่มแต่น้ำอัดลมไดเอตทั้งวัน ที่สำคัญคือต้องดื่มน้ำเปล่าและน้ำชาให้มาก ๆ ด้วย 

น้ำอัดลม และเครื่องดื่มผสมน้ำตาล : ดื่มน้อย ๆ ดีกว่า

น้ำอัดลม

          แทบไม่น่าเชื่อว่า น้ำอัดลม 1 กระป๋องมีน้ำตาลผสมไม่น้อยกว่า 10 ช้อนชา เช่นเดียวกับเครื่องดื่มผสมน้ำตาลทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นนมเปรี้ยว ชาเขียวขวด เครื่องดื่มเสริมหล่อ เสริมความงาม ที่โฆษณาว่าดื่มแล้วผิวพรรณสดใสนั่นก็มีน้ำตาลผสมไม่มากไม่น้อยไปกว่าน้ำอัดลมเลย แค่ดื่มก็ให้พลังงานว่างเปล่าถึง 150 แคลอรี

          เห็นตัวเลขแบบนี้ ขืนดื่มเข้าไปรับรองว่าระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งสูงปรี๊ดแน่นอน แถมยังทำให้น้ำหนักขึ้นถึงปีละ 15 ปอนด์ หรือเกือบ 7 กิโลกรัมเลยล่ะ นอกจากนี้ ผลวิจัยยังบอกว่า น้ำตาล ไม่ว่าจะเป็นน้ำตาลทราย ฟรักโตส หรือน้ำเชื่อมข้าวโพด สามารถทำให้รอบเอวของคุณขยายได้ และยังไปยับยั้งอินซูลิน อันทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวาน และโรคหัวใจด้วย
 
           ดื่มอย่างไรดี : เลิกซะ ! นี่คือคำตอบที่ดีที่สุดกับตัวคุณเองค่ะ ขอให้งดเว้นการดื่มน้ำอัดลม และเครื่องดื่มหวาน ๆ  ทั้งหลาย เปลี่ยนมาดื่มเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพแทนจะดีกว่า แต่ถ้าคุณติดน้ำอัดลมเป็นนิสัย ไม่ใช่ว่าจะเลิกง่าย ๆ ก็ ให้พยายามลดปริมาณลง โดยในหนึ่งหรือสองสัปดาห์อาจจะดื่มเพียงแค่แก้วเล็ก ๆ หรือถ้าเลิกไม่ได้ ให้ลองผสมน้ำอัดลมธรรมกับน้ำอัดลมไดเอตอย่างละครึ่งก่อน เพื่อลดปริมาณแคลอรีที่จะเข้าสู่ร่างกาย แล้วค่อย ๆ ลดให้ได้

น้ำผลไม้ : ดื่มน้อย ๆ ดีกว่า

เครื่องดื่มผู้ป่วยเบาหวาน

          ฟังดูแล้ว น้ำผลไม้ ที่มีทั้งวิตามินและแร่ธาตุน่าจะดีกับผู้ป่วยไม่ใช่หรือ แล้วทำไมน้ำผลไม้ถึงเป็นข้อห้ามของคนป่วยเบาหวานล่ะ คำตอบอยู่ที่การศึกษาที่ตีพิมพ์ใน Diabetes Care พบว่า คนที่ชอบดื่มน้ำผลไม้เป็นประจำมีส่วนเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงของโรคเบาหวานประเภทที่ 2 นั่นเอง เพราะน้ำผลไม้นั้นคั้นเอาไฟเบอร์ออกไปเสียหมด ยิ่งถ้าเป็นน้ำผลไม้กล่องด้วยยิ่งแล้วใหญ่ เพราะผู้ผลิตจะเติมน้ำตาลมาให้อีกเป็นกระตัก

          แต่ถ้าหากเปลี่ยนเป็นผลไม้สด ๆ แทนจะดีกว่าเยอะค่ะ ลองเปรียบเทียบน้ำส้ม 1 แก้ว ปริมาณ 120 มิลลิลิตร จะให้พลังงาน 56 แคลอรี คาร์โบไฮเดรต 12 กรัม และไม่มีไฟเบอร์ แต่ถ้ากินส้มสด ๆ 1 ลูก จะให้พลังงานเพียง 45 แคลอรี บวกด้วยคาร์โบไฮเดรต 11 กรัม แถมยังมีไฟเบอร์อีก 2 กรัม ซึ่งไฟเบอร์นี้จะไปช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้ผู้ป่วยเบาหวานได้

           ดื่มอย่างไรดี : คนชอบดื่มน้ำผลไม้คงต้องลองเปลี่ยนมากินผลไม้สด ๆ แทนจะดีกว่า เพราะให้พลังงานน้อยกว่าเห็น ๆ แถมยังมีไฟเบอร์มากกว่าน้ำผลไม้มาก แต่ถ้าคุณอยากดื่มน้ำผลไม้จริง ๆ แนะนำให้ทดสอบกับตัวเองก่อน คือ ให้ดื่มน้ำผลไม้เพียงแก้วเล็ก ๆ ประมาณ 120 มิลลิลิตร ในมื้ออาหารมื้อหนึ่ง แล้วลองวัดค่าน้ำตาลในเลือดดู หลังจากนั้นอีกสัก 3-4 วัน ให้กลับมาทานอาหารแบบเดียวกันอีกครั้ง แล้วลองเช็กระดับน้ำตาลในเลือดดู หากระดับน้ำตาลในเลือดของคุณไม่ขึ้นเกิน 35-50 จุด คุณก็ยังคงดื่มน้ำผลไม้ได้วันละนิดวันละหน่อยค่ะ

          สรุปแล้ว น้ำเปล่า นมไขมันต่ำ และน้ำชาเพียว ๆ ก็เป็นเครื่องดื่มที่ผู้ป่วยเบาหวานควรจะเลือกดื่มมากที่สุด ส่วนเครื่องดื่มประเภทอื่น อาจจะดื่มแค่จิบ ๆ ได้บ้าง หรือถ้าเลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยงเสียเถอะค่ะ เพื่อสุขภาพของตัวคุณเอง


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
รู้ก่อนจิบ ! ทิปส์เลือกเครื่องดื่มสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน ดื่มน้ำอะไรได้บ้าง อัปเดตล่าสุด 8 กรกฎาคม 2562 เวลา 18:11:51 124,717 อ่าน
TOP
x close