กระทรวงสาธารณสุข จ่อออกกฎเข้มควบคุมการใช้สารฟิลเลอร์ตามสถานพยาบาล เร่งกวาดล้างคลินิกเถื่อน เพิ่มโทษผู้ประกอบการไร้ใบอนุญาต ด้านตัวแทนสมาคมแพทย์ผิวหนังวอนอย่าฉีดฟิลเลอร์ที่จมูก ผลข้างเคียงเกิดอันตรายร้ายแรงถึงตาบอด
วันที่ 12 มิถุนายน 2557 นพ.บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) ได้แถลงร่วมกับองค์การอาหารและยา และสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย เสนอมาตรการใหม่ในการคุมเข้มการให้บริการฉีดฟิลเลอร์ตามสถานพยาบาล หลังจากมีข่าวมีผู้ได้รับผลกระทบตาบอดถาวร 1 ข้าง จากการฉีดฟิลเลอร์ที่สถานพยาบาลพีเอฟซี ในย่านสุทธิสารวินิจฉัย เขตดินแดง และได้ตรวจสอบพบว่า เป็นสถานพยาบาลที่ไม่ได้รับการอนุญาตให้ดำเนินการ ทั้งยังให้บุคคลที่มิใช่แพทย์มาทำการรักษา
โดยในขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างออกหมายเรียกผู้กระทำผิดมารับทราบข้อกล่าวหา ร่วมกันประกอบกิจการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต ระวางโทษจำคุก 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมทั้งข้อหาร่วมกันประกอบวิชาเวชกรรมโดยไม่ได้ขึ้นทะเบียนและรับอนุญาตตามกฎหมาย ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นพ.บุญเรือง กล่าวว่า ได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว มีมติเห็นควรให้เพิ่มความเข้มข้นในมาตรการควบคุมเรื่องการฉีดฟิลเลอร์เพื่อความงาม ดังนี้





นอกจากนี้ยังมีมาตรการเร่งด่วนเพื่อแก้ปัญหาฉีดการฟิลเลอร์เถื่อน ออกตรวจคลินิกเถื่อนและตรวจสถานเสริมความงามทั่วกรุงเทพฯ, อบรบเจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนและดำเนินคดี และปราบปรามสถานพยาบาลเถื่อนที่เน้นการโฆษณาเกินจริง โดยประชาชนที่พบเห็นสามารถร้องเรียนได้ที่ 02-1937999
ทั้งนี้ สารฟิลเลอร์ที่อนุญาตให้ใช้อย่างถูกต้องตามกฎหมายในไทย มีเพียงสารไฮยาลูรอนิก แอซิด เท่านั้น ฉะนั้นสถานพยาบาลที่ใช้สารฟิลเลอร์กลุ่มอื่นใดนอกเหนือจากนี้ ยังถือเป็นสารที่ไม่ได้รับการขึ้นทะเบียนจาก อย. นอกจากนี้ การฉีดฟิลเลอร์ก็ยังอนุญาตให้ฉีดเพียงบริเวณ 1.โหนกแก้ม คาง และริมฝีปาก และ 2. ใช้เติมเต็มรอยบุ๋มตามร่างกายตามคำวินิจฉัยของแพทย์เท่านั้น โดยสารฟิลเลอร์สามารถใช้เติมเต็มรอยบุ๋มของร่างกายได้ โดยจะสามารถสลายไปได้เองใน 1-2 ปี แต่ก็มีความเสี่ยงที่ทำให้เกิดอันตรายได้มาก ไม่ว่าจะเป็นเกิดปุ่มนูนที่ผิวหนัง ผิวบริเวณที่ฉีดสารเข้าไปถูกทำลา นอกจากนี้ยังพบว่าสารฟิลเลอร์อาจกดทับหลอดเลือดที่หล่อเลี้ยงผิวหนังทำให้เนื้อตาย หรือกดทับหลอดเลือดเลี้ยงจอประสาทตาทำให้ตาบอด
จากการเปิดเผยของ รศ.นพ.นภดล นพคุณ นายกสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย พบว่า เมื่อปี 2556 มีคนไทยตาบอดทันทีจากการไปฉีดฟิลเลอร์ที่เกาหลี 8 ราย และมีคนเกาหลีที่ตาบอดเพราะฉีดฟิลเลอร์ 44 ราย ทั้งที่มีการเตือนเรื่องอันตรายจากการฉีดฟิลเลอร์อยู่บ่อย ๆ แต่ก็ยังเกิดปัญหาทำนองนี้อยู่เรื่อย ๆ
นอกจากนี้ รศ.นพ.นภดล ยังขอฝากไว้ว่า แม้ อย. จะกำหนดไว้แล้วว่าบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ได้มีเพียง 3 จุด แต่อีกส่วนก็ขึ้นอยู่กับพิจารณาของแพทย์ จึงขอความร่วมมืออย่าฉีดสารฟิลเลอร์ที่จมูก เพราะไม่ใช่ส่วนจำเป็น เมื่อเกิดปัญหาแล้วก็แก้ไขไม่ได้และเป็นปัญหาร้ายแรง และหากในอนาคตมีการออกกฎบังคับให้ใช้สารฟิลเลอร์เพื่อการรักษาโรคเท่านั้น ห้ามใช้ในเชิงศัลยกรรมเสริมความงาม ก็พร้อมจะปฏิบัติตามทันที
อ่านรายละเอียกเพิ่มเติมจาก