โรคกรดไหลย้อน เชื่อไหมว่าแค่เพียงปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่างก็หายขาดได้ เราลองไปดูกันดีกว่าว่าพฤติกรรมใดบ้างที่ควร ลด ละ เลิก
ในปัจจุบันโรคกรดไหลย้อนถือเป็นโรคยอดฮิตในหมู่วัยคนทำงาน
ซึ่งสาเหตุเกิดมาจากวิถีการดำรงชีวิตที่เร่งรีบ
และการกินอาหารที่ไม่ถูกสุขลักษณะ วิธีการรักษาโรคกรดไหลย้อน
นอกจากการทานยาเพื่อรักษาอาการแล้ว
ยังมีพฤติกรรมบางอย่างที่สามารถช่วยหยุดชะงักโรคกรดไหลย้อนได้ด้วยค่ะ
โดยเริ่มจากการปรับเปลี่ยนอาหารการกินและการสวมใส่เสื้อผ้า
วันนี้กระปุกดอทคอมเลยนำข้อมูลที่น่าสนใจจากเว็บไซต์ health.com มาเล่าสู่กันฟัง ซึ่งเขาแนะนำว่า ถ้าปฏิบัติตัวตามนี้ รับรองว่าหายจากโรคกรดไหลย้อนแน่นอนเลยล่ะ
1. ทานมื้อเล็ก ๆ แต่บ่อย ๆ
อาหารคือตัวการทำให้เกิดอาการกรดไหลย้อน
โดยเฉพาะอาหารจำพวกบุฟเฟ่ต์ซึ่งเป็นใบสั่งอย่างดีที่ทำให้เกิดอาการกรดไหลย้อน
เพราะท้องที่เต็มแน่นไปด้วยอาหารคือสาเหตุที่ทำให้วาล์วระหว่างกระเพาะอาหารและหลอดอาหาร
(หรือที่เรียกว่ากล้ามเนื้อหูรูดของหลอดอาหารส่วนล่าง หรือ LES)
คลายตัวและส่งผลให้กรดในกระเพาะอาหารไหลย้อนกลับขึ้นมาในหลอดอาหารได้
แต่ถ้าเราเปลี่ยนมากินมื้อเล็ก ๆ ตลอดทั้งวัน
แทนการกินตามมื้อมาตรฐานอย่างมื้อเช้า, กลางวัน, เย็น
จะสามารถลดการเกิดอาการกรดไหลย้อนได้ อ้อ !
และอย่าให้ทานมื้อสุดท้ายดึกจนเกินไปเชียว
เพราะการกินอาหารก่อนนอนก็สามารถทำให้เกิดกรดไหลย้อนได้เช่นกัน
2. บ๊าย บาย เค้ก
เป็นที่รู้กันดีว่าช็อกโกแลตและคาเฟอีนการทำให้เกิดอาการกรดไหลย้อนที่รุนแรงได้
ดังนั้นการกินอาหารที่มีส่วนประกอบของช็อกโกแลตและคาเฟอีน โดยเฉพาะ
บรรดาเค้กและของหวานต่างๆ จึงอาจทำให้อาการกรดไหลย้อนกำเริบได้
ซึ่งนอกจากช็อกโกแลตและคาเฟอีนแล้ว
ในบรรดาอาหารที่มีผลทำให้เกิดอาการไหลย้อน ก็ยังมีอาหารที่มีรสชาติเผ็ด,
เนื้อแดงที่อุดมไปด้วยไขมัน, เฟรนส์ฟรายส์และอาหารทอดชนิดอื่น ๆ,
ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว, หัวหอมสด, มะเขือเทศ, เนย, น้ำมัน, สะระแหน่
ซึ่งคนที่ป่วยเป็นกรดไหลย้อนควรงดค่ะ
3. งดเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์
แอลกอฮอลล์เป็นสิ่งที่เลวร้ายที่สุดสำหรับคนที่เป็นโรคกรดไหลย้อน
โดยเฉพาะเมื่อดื่มมาจนเกินไปหรือดื่มเป็นประจำ
เพราะแอลกออฮอลล์จะทำให้กล้ามเนื้อหูรูดของหลอดอาหารส่วนล่างคลายตัวซึ่งจะทำให้กรดในกระเพาะอาหารไหลย้อนกลับขึ้นไปในหลอดอาหารได้
วารสารทางการแพทย์ อย่าง "The American Journal of Medicine"
ได้ศึกษาเมื่อปี 1999
พบว่าอัตราของผู้ป่วยโรคกรดไหลย้อนเพิ่มตามจำนวนเครื่องดื่มที่บริโภคต่อสัปดาห์
โดยผู้ที่ดื่มมากว่า 7 ครั้งต่อสัปดาห์ มีแนวโน้มจะเป็นโรคกรดไหลย้อน
รู้แบบนี้แล้ว เลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กันเถอะ
4. ลดน้ำหนักกันเถอะ
การมีน้ำหนักส่วนเกินก็สามารถทำให้เป็นโรคกรดไหลย้อนได้เช่นกัน
โดยวารสารทางการแพทย์ "International Journal of Epidemiology"
ได้ทำการในศึกษาปี 2003 กับคนจำนวน 10,000 คน
พบว่าอาการกรดไหลย้อนมีความเชื่อมโยงกันกับค่าดัชนีมวลกาย (BMI)
โดยคนที่มีน้ำหนักส่วนเกินมากเกินไป
มีแนวโน้มจะเป็นโรคกรดไหลย้อนได้มากว่าคนที่มีน้ำหนักปกติถึงสามเท่า
5. เลิกสวมเสื้อผ้าที่รัดแน่นเกินไป
การสวมเสื้อผ้าที่รัดรอบ ๆ
บริเวณหน้าท้องส่วนกลางมากเกินไปก็ทำให้กระเพาะอาหารถูกกดและดันให้กรดในกระเพาะอาหารเข้าสู่หลอดอาหาร
แม้ว่ากางเกงพวกนั้นจะดูน่ารัก
แต่มันคงไม่คุ้มค่าหากต้องแลกกับการเป็นโรคกรดไหลย้อนจริงไหมคะ
6. นอนยกหัวให้สูงขึ้นช่วยให้หลับสบายกว่า
นอกจากการเลี่ยงการกินอาหารก่อนนอนสามารถลดอาการกรดไหลย้อนในขณะหลับได้แล้ว
การยกหัวขึ้น 6 - 8 นิ้วในขณะที่หลับก็สามารถทำให้หลับสบายได้มากขึ้นด้วย
ซึ่งการนอนท่านี้ไม่ได้ลดความถี่ของอาการกรดไหลย้อนแต่อย่างใด
แต่จากการวิจัยนั้นพบว่า
ท่านอนนี้สามารถช่วยให้กรดในกระเพาะอาหารไหลออกจากหลอดอาหารได้เร็วขึ้นถึง
67%
7. ลด ละ เลิกสูบบุหรี่
รู้หรือไม่ว่านอกจากการสูบบุหรี่จะทำลายหัวใจและปอดแล้ว
มันยังไปทำลายระบบการย่อยอาหารอีกด้วย เพราะนิโคติน และแอลกอฮอลล์
ทำให้เป็นอาการกรดไหลย้อนที่รุนแรงได้โดยที่ทำให้กล้ามเนื้อหูรูดของหลอดอาหารส่วนล่างคลายตัว
ซึ่งทำให้กรดในกระเพาะไหลขึ้นไปที่หลอดอาหารได้
นอกจากนี้
การสูบบุหรี่ยังทำให้เกลือน้ำดีย้ายจากลำไส้เล็กไปอยู่ในกระเพาะอาหาร
และทำให้น้ำลายผลิตออกมาน้อยลง
โดยหน้าที่หนึ่งของน้ำลายก็คือจะไปช่วยล้างกรดในกระเพาะอาหารให้ออกจากหลอดอาหาร
ดังนั้น เมื่อน้ำลายผลิตออกมาน้อย กรดในหลอดอาหารจะไม่ถูกชะล้างออกไป
ทำให้เสี่ยงเป็นโรคกรดไหลย้อนได้ค่ะ
แม้ว่าอาการของโรคกรดไหลย้อนนั้นจะสามารถเกิดขึ้นได้ง่าย
แต่ถ้าหากเราดูแลรักษาสุขภาพและปรับเปลี่ยนวิถีการใช้ชีวิตให้เหมาะสมก็สามารถทำให้หายขาดจากอาการโรคนี้ได้
ไม่ใช่เรื่องยากที่จะทำเพื่อสุขภาพที่ดีนะคะ