วิธีลดน้ำหนักของสาวอ้วนรูปร่างใหญ่อย่างกับเสาหินสู่เส้นทางสาวฮอต ผลลัพธ์จากการลดน้ำหนักที่ได้นอกจากจะผอมลงและสวยขึ้นแล้ว ยังเรียกความมั่นใจให้เธอคนนี้ได้กลายเป็นที่รักของทุกคนอีกด้วย
สำหรับสาวอ้วนทั้งหลาย นอกจากจะต้องหนักใจกับน้ำหนักตัวที่มากขึ้นทุกวัน ๆ แล้ว สิ่งหนึ่งที่ยังจะต้องเจอบ่อย ๆ ก็คือคำล้อเลียนจากคนรอบข้างว่า ยายอ้วนบ้างล่ะ นางยักษ์บ้างล่ะ ยายเสาหินบ้างล่ะ ซึ่งคำเหล่านี้สำหรับคนอื่นที่ได้ฟังอาจจะไม่รู้สึกอะไร แต่กับสาวอ้วนร่างใหญ่แล้วคงจะรู้สึกแทงใจดำอยู่ไม่น้อย เหมือนกับเธอคนนี้ "นางสาวงามแข" สาวอ้วนที่หนักกว่า 75 กิโลกรัม เจ้าของเรื่องที่กระปุกดอทคอมได้นำมาให้คุณสาว ๆ ได้ติดตามกันในวันนี้ ซึ่งเธอก็เป็นอีกคนหนึ่งที่เคยถูกกดดันจากคนพูด คำล้อเลียนจากคนรอบข้าง แต่ทั้งนี้ก็ถือเป็นแรงบันดาลใจสำคัญที่เป็นจุดเริ่มต้นให้เธอได้ตั้งใจลดความอ้วนอย่างจริงจังเช่นเดียวกัน และถึงแม้ว่าเส้นทางของเธอจะไม่ได้สวยงามและต้องใช้เวลานานมากกว่าคนอื่น ๆ แต่ก็ถือเป็นความสำเร็จในชีวิตอย่างหนึ่งที่เธอสามารถทำได้ และเป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตที่ทำให้เธอมีความสุขและความมั่นใจ ที่สำคัญยังดูสวยมากขึ้น จนทำให้เพื่อนของเธอต้องนำเรื่องราวนี้มาแชร์ประสบการณ์ให้กับคนอื่น ๆ ได้อ่าน เพื่อหวังที่จะเป็นแรงบันดาลใจให้กับใครอีกหลาย ๆ คน
สำหรับใครที่อยากจะรู้ว่าเส้นทางเปลี่ยนแปลงตัวเองจากสาวอ้วนรูปร่างใหญ่อย่างกับเสาหินสู่สาวฮอตจะเป็นอย่างไร ไปติดตามเรื่องราวของนางสาวงามแขจากคุณ cufitgirl สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม กันเลยจ้า
************************************************
หวัดดีค่ะ เพื่อน ๆ พี่ ๆ ชาวพันทิปทุกคน แม้ดหมี่จาก cufitgirl เองนะคะ หายไปนานเลย ^^ ช่วงนี้กระแสของการออกกำลังกาย กินคลีนนี่มันดังระเบิดระเบ้อจริง ๆ เลยเนอะ เปิดไปไหนก็เจอแต่ อาหารว่างกินแล้วไม่อ้วน 3 ท่าลดต้นขาเห็นผลแน่นอน หรือไม่ก็ #gymselfie เปิดไปไหนก็ต้องเจอรูปใครออกกำลังกายหรือไม่ก็อาหารคลีน ๆ สักคนหละน่า เห็นมีรีวิวการเปลี่ยนแปลงของทั้งสาว ๆ แล้วก็หนุ่ม ๆ มากมาย หลายคนทำได้ในเวลาไม่ถึงปีกับน้ำหนักเป็นสิบ ๆ โล วันนี้แม้ดเลยมีเรื่องอยากจะมาเล่าบ้าง เป็นเรื่องราวของเพื่อนคนสนิทของแม้ดเอง... งามแข
Profile
อายุ : 22 ปี
ส่วนสูง : 167 เซนติเมตร
น้ำหนักมากสุด : 75 กิโลกรัม
น้ำหนักน้อยสุด : 53 กิโลกรัม
ปัจจุบัน : 54-55 กิโลกรัม
ลดไป : 20 กิโลกรัม โดยประมาณ
อ้อ คนข้างบนนั่นแหละค่ะ ที่รูปซ้ายผมมัน ๆ กับเสื้อลายทางตัวโปรด (ตัวเดียวที่ใส่ได้แบบไม่ปริในสมัยนั้นของนาง) กับข้างขวานั่นคือเวอร์ชั่นปัจจุบันจ้า เปล่าค่ะ เธอไม่ได้ลดน้ำหนัก 20 กิโลกรัมกว่า ในเวลา 7 เดือน 1 ปี แต่เธอใช้เวลากว่า 3 ปี ในชีวิตมหาวิทยาลัยที่เราเรียนด้วยกันมา (จะจบแล้ว) ไอ้เรื่องลดน้ำหนักน่ะ ไม่นานหรอกก็ลดได้ จากอ้วนมาผอม รางวัลชั่วคราวที่ได้รับคือคำชมมากมายจากคนรอบข้าง แต่ถามจริงมีใครเคยลองติดตามชีวิตหลาย ๆ คนที่ลดน้ำหนักได้ เปลี่ยนไปแบบโอ้โห สวยมาก ว่าจริง ๆ แล้วมันมีเบื้องหลังยังไง นอกจากวิธีที่ทำให้พวกเขาเหล่านั้นทำได้ (ซึ่งแม้ดเองจะไม่พูดถึงมากในกระทู้นี้ ตื่นมาตอนเช้า ลองไล่ ๆ ฟีดดูก็เจอทุกวันเนอะ หาได้ง่าย) แล้วจริง ๆ ชีวิตหลังจากนั้นหละ การผอมลง สวยขึ้น ดูดีขึ้นนั่นมันจบแล้วหรอ เห้ย เดี๋ยวชีวิตคนนะไม่ใช่ละคร ที่สวยปุ๊บ แต่งงาน live happily ever after นั้นไม่มีจริง และนี่คือเรื่องราวของเธอผู้เปลี่ยนจาก เสาหิน เป็น สาวฮอตและแฮปปี้เว่อร์ในเวลา 3 ปี
น้องเสาหิน ข้าวขาหมู ตุ่มกลิ้งได้ และชองกริเย่ (หมูป่า) ตัวน้อย
ถ้าสำหรับสาวเฮลตี้ปกติการพกน้ำเปล่าติดตัวเป็นเรื่องปกติ สำหรับงามแขก็จะพบเจอเธอได้พร้อมกับแก้วชาไข่มุกเสมอ ๆ แขเอนจอยชีวิตเฟรชชี่มาก ๆ แม้แต่หลังจบละครที่ไม่ต้องซ้อมดึก ชีก็ยังกิน 5 มื้อ ดึกดื่นต่อไป Junk Food is her bestfriend มาม่า เบอร์เกอร์ ของทอด เนื้อหมู เดี๋ยวนะคะป้า หนูขอแบบติดมัน ๆ รัว ๆ ค่ะ อ้ออีกอย่าง ก็ตอนกลางวันมันยุ่งมาก มื้อโปรดที่แขจะเอนจอยที่สุดคือ มื้อหลัง 4 ทุ่มเท่านั้นนะคะ เรื่องถัดไปก็คงไม่ต้องเดาว่าดาวไขมันจะโคจรมาบดบังรัศมีของงามแขแค่ไหน
เสื้อนิสิต size 40 ก็ปริจนต้องเอาเข็มขัดมากลัดไว้ บางครั้งถ้าแขม่วไม่ไหวก็ต้องใส่ size 42 เพราะมีเพื่อนเคยล้อว่าเฮ้ย กระดุมจะกระเด็นมาโดนหน้าไหมเนี่ย ไม่ต้องพูดถึงความรู้สึกข้างในหรอกว่าจะรู้สึกยังไง สายตาของคนรอบข้าง ที่มองมามันสื่อถึงทั้งความสงสารและสมเพชที่ตะโกนออกมาผ่านสายตาของคนรอบข้าง ว่าเฮ้ย นี่อ้วนไปแล้วนะ ร่างกายที่รู้สึกอึดอัดไปหมด ปกติชอบเล่นเทนนิสแต่ก็รู้สึกได้เลยว่า วิ่งไม่ไหว ช้าลงมาก ๆ ไม่รู้ว่าเคยได้ยินคำพูดนี้มาจากไหน น้ำหนักที่เพิ่มขึ้น 5 กิโลกรัมมาพร้อมกับโรคที่เพิ่มขึ้น 1 โรคแต่ช่วงที่หนัก 75 กิโลกรัม เวลาเมนส์มาทีนี่ปวดท้องจนลุกไม่ขึ้น จู่ ๆ ก็ปวดหลัง สักพักไมเกรนก็ถามหา มีอีกครั้งตอนนั้นชีไปช้อปปิ้งกับเพื่อนที่ยูเนี่ยนมอล์ อยากได้ชุดตัวหนึ่งมากก แต่แม่ค้าผู้มีจรรยาบรรณในการขายของนางสูงมาก นางไม่ยอมขายให้จ้า บอกว่า "น้องใส่ไม่ได้หรอกพี่ไม่ขาย" นี่ก๊อปคำพูดของน้องแขน้อยมาเด๊ะ ๆ เลย คือรู้สึกเหมือนโดนตบกลางสี่แยกเลยค่ะ ณ วินาทีนั้น แต่สุดท้ายชีก็คะยั้นคะยอจนนางยอมขาย สุดท้ายชีก็ซื้อกลับมาจนได้แต่ตะขอที่ติดชุดห่างกันประมานฝ่ามือนึงได้จ้าาา เริ่มมีแรงฮึดขึ้นมาละ
งามแขเอย... เอาความสุขของฉันกลับมา
อย่างที่แม้ดเขียนไปตั้งแต่ตอนเริ่มต้นแล้วว่า วิธีการต้องกินอะไรเท่าไร ออกกำลังกายท่าไหน จะเวทหรือวิ่งก่อนดี ไม่ใช่สาระที่เราจะพูดในกระทู้นี้ เพราะข้อมูลแบบนี้หาง่ายจะตายตอนนี้ แต่สิ่งที่สำคัญมากกว่าความผอมสวยที่ได้มา คือ ความสุข ความมั่นใจ และพลังด้านบวกที่แขได้รับหลังจากการเปลี่ยนแปลงตัวเอง (จะแปลงร่างเป็นเซเลอร์มูนละนะแป๊บหนึ่ง) รักตัวเองมากขึ้น วิธีการที่จะทำให้ได้มาซึ่งของที่มีคุณค่าแบบนั้นไม่ได้แค่มาจากการกินคลีน นับแคลลอรี ออกกำลังกายตามตารางแน่นอน หลายคนอ่านมาถึงตรงนี้คงจะบอกว่า มันอะไรนักหนากับแค่การลดความอ้วน การเปลี่ยนแปลงตัวเอง แต่ถ้าคุณไม่ได้เป็นคนที่ผ่านเรื่องแบบนี้มาคุณไม่มีวันรู้หรอกว่าความมั่นใจสำหรับผู้หญิงคนหนึ่งแล้วมันสำคัญแค่ไหน
เริ่มเล็ก ๆ แต่จบแบบยิ่งใหญ่
คนเราเวลาเกิดลูกบ้าลมบ้าหมูอะไรสักอย่าง ก็จะบอกตัวเองและตะโกนกู่ร้องว่า ฉัน จะ เปลี่ยน เดี๋ยว นี้ !!!!! ฉันจะลด 20 กิโลกรัมให้ได้ภายใน 4 เดือน และมีคนที่ทำได้จริง ๆ นั่นแหละ มันน่านับถือนะที่ใจแข็งแล้วก็เข้มงวดกับตัวเองได้ขนาดนั้นในเวลาสั้น ๆ แต่บางทีความสำเร็จอาจจะไม่ได้วัดจากระยะแสนสั้นที่เราทำมันสำเร็จ ระดับความสะใจที่ได้ตอกกลับคนที่เคยล้อเราให้หน้าหงาย ฟิลเล่อร์กระเด็น หรือจำนวนผู้ชายที่เข้ามาจีบมากขึ้น เพราะฉันสวยขึ้น (โอเค รู้หรอกนะว่านั่นมันก็แซ่บซี้ดอยู่)
ความรู้สึกดีกับตัวเอง เคารพตัวเอง แล้วก็มีพลังขับเคลื่อนชีวิต ทำสิ่งที่ต้องการ นั่นไม่ใช่รางวัลที่แท้จริงที่มีค่ากว่าเหรอ ถามจริง แต่รู้ใช่ไหมว่ามันไม่ได้มาง่าย มันใช้เวลา อาจจะต้องเสียน้ำตาบ้างระหว่างทาง ท้อบ้าง หยุดบ้าง (ก็ทางมันไกลอะ) แต่มันก็คุ้มค่ากับรางวัลที่มีค่าที่ได้มานะ (รับมอบมงแป๊บ) อืมมม ไม่ใช่ว่าแขไม่เคยคลั่งมาก่อนนะ เคยมาแล้วค่ะ อดข้าวเย็น งดแป้ง ไม่กินคือไม่กิน กรีดร้องบอกกะเพาะอาหารว่าแกห้ามหิว !!! เลิก เลิก เลิกทางเดียวเท่านั้นกับอาหาร junk ของโปรด โนชาไข่มุก น้ำหวาน ชาเขียวหรือน้ำทุกสายพันธ์ที่บรรจุขวด น้ำเปล่าเท่านั้นค่ะลูก บ้านชีอยู่ใกล้วัง ก็วิ่งรอบวังอาทิตย์ละ 5 วันค่ะ ใช้วิธีการไดเอตที่เรียกว่า Fast 5 ที่ในหนึ่งวันกินได้แค่ 5 ชั่วโมงเท่านั้นแต่จะกินอะไรก็ได้ (คือต้องงดข้าวเย็นเด็ดขาด) สุดท้ายน้ำหนักก็ลดนะ แต่มันก็มาเจอจุดที่ไปไหนต่อไม่ได้เหมือนกัน
เลือกสิ่งที่เหมาะกับตัวเอง
ตอนนี้ไม่ว่าจะไปไหนก็จะเห็นโพสต์แนะนำวิธีการกิน ท่าออกกำลังกายสลายไขมัน พวกคำพูดกำลังใจ แล้วก็สาว ๆ หุ่นเซี๊ยะเต็มไปหมด หลายครั้งที่การทำตามคนอื่นแบบไม่ลืมหูลืมตา หันกลับมาทำร้ายตัวเรา จริง ๆ แล้วมันมีวิธีการตั้งเยอะแยะที่จะทำให้เราไปถึงเป้าหมายของเราแตกต่างกับวิธีที่มีคนแชร์กันเยอะ ๆ ผู้หญิงแต่ละคนมีร่างกาย มีไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกัน บางคนกินเท่าไรก็ไม่อ้วน แต่บางคนแค่ดมก็น้ำหนักขึ้นละ เฮ้อออ บางคนไม่ชอบกินอาหารทอด ๆ มัน ขนมหวานไม่แตะเป็นธรรมชาติ แต่กับอีกคนนับถือลัทธิขนมหวาน หลายคนมีเวลาออกกำลังกายตามตารางวันเสาร์ตื่นไปวิ่งตอนเช้า ทำอาหารกิน แต่กับอีกคนแค่จะใช้ชีวิตวัน ๆ ให้ผ่านไปก็เหนื่อยจะแย่ อาหารเหรอ ที่บ้านไม่มีครัวอะ 7-11 แล้วกันนะ แต่ทุกคนกลับใช้วิธีที่ได้มาจากที่เดียวกันในการลดความอ้วน แล้วมันจะเวิร์คหรอ คำตอบคือ มันเวิร์คในระยะสั้น ไอ้ลดน่ะมันลดแน่ หลักการมันก็มีอยู่แล้ว "กินน้อยกว่าใช้" ยังไงมันก็ลดอะ แล้วในระยะยาวล่ะ ไอ้การที่จำกัดตัวเองมาก ๆ คิดวนไปวนมาเรื่องความสวย ความผอม ความเฮลตี้ ว่ากินอันนี้มันโอมไหม อันนั้นไม่ดีเลย มีไขมันทรานส์นะ หรือต้องกินน้อย ๆ ตลอด เพราะกลัวหุ่นที่ได้มาจะหายไป ไหวไหมอะ เหนื่อยไหมสิ่งที่เธอทำอยู่ ?
หลังจากการไดเอตอย่างคลั่ง จนมาถึงจุดหนึ่งที่ร่างกายเริ่มไม่ตอบรับกับสิ่งที่ทำ งามแขก็ท้อมาก ๆ เพราะไม่ว่าจะทำยังไง จะกินน้อยลง กินคลีน หรือออกกำลังกายแบบสุดโต่ง น้ำหนักก็ไม่มีทีท่าว่าจะลง จนชีตัดสินใจว่า เอาวะ ธรรมชาติมันคงจะช่วยอะไรมนุษยชาติไม่ได้ละ กินยาลดความอ้วนเลยจ้า !
เก็บเกี่ยว & เรียนรู้ในระหว่างทางเพื่อปลายทางที่ยั่งยืน
สรุปเส้นทางจากเสาหินสู่สาวฮอต
- ถูกเรียกว่าเสาหิน เริ่มลดจาก 75 กิโลกรัม หักดิบเลิกกินขนม ชาไข่มุก อด ออกกำลังกายหนักวิ่งเยอะมาก ค่อย ๆ ลดลงมาเรื่อย ๆ
- เดือนที่ 2 เริ่มเล่นโยคะ น้ำหนักค่อย ๆ ลดลงมาเรื่อย ๆ
- เดือนที่ 4 หนัก 60 กิโลกรัม เลิกเล่นโยคะ กลับมาวิ่ง + ตีเทนนิส คุมอาหาร (แบบเคร่งครัดมาก ๆ)
- ประมาณเดือนที่ 8 หนัก 55 กิโลกรัม แล้วก็ติดแหงกอยู่ตรงนี้ เลยไม่ไหวแล้วท้อ กินยาลดความอ้วน เหมือนจะผอมลง สรุปเจ๊ง น้ำหนักเด้งขึ้นมาที่ 59 กิโลกรัม
- เลิกกินยาลองเล่น t25 น้ำหนักลงมาที่ 56 กิโลกรัม
- ป่วยเป็นไข้เลือดออก ผอมสุดในชีวิต หนัก 53 กิโลกรัม สุดท้ายหายป่วยกลับมาหนัก 56 กิโลกรัม
- น้ำหนักคงที่อยู่ที่ 56 กิโลกรัม มาปีกว่า ๆ ระหว่างนั้นเล่นโยคะ ตีเทนนิส
- เริ่มเล่นเวท เปลี่ยนวิธีกินจากแต่ก่อนที่คลั่งการกินคลีน แต่ก็ตบะแตกบ่อย ๆ มาเป็นเลือกกินแทน เอนจอยกับการกิน เอนจอยชีวิตมากขึ้น
- ตอนนี้หนัก 53-54 กิโลกรัม คงตัวมาเรื่อย ๆ ไม่ได้อยากลดลงไปมากกว่านี้แล้ว อยากสร้างกล้ามเนื้อมากขึ้น แข็งแรงกว่านี้ เพราะรู้ว่าพลาดไปที่ไม่ได้เล่นเวทตั้งแต่แรก
ทิปส่วนตัวจากน้องแข
กินมื้อเช้าไม่หนักมากเพราะกิจกรรมไม่เยอะ และอีกแป๊บเดียวก็เที่ยงแล้ว ไม่ต้องจัดเต็มข้าวเช้ามาก ยังมีเวลาอีกทั้งวัน กลางวันกินข้าวปกติ แต่สัดส่วนของจานอาหารจะเป็นผักครึ่งหนึ่ง คาร์โบไฮเดรตกับโปรตีนอีกครึ่ง เย็นเน้นปลา ไก่ ผัก อะไรที่ย่อยง่าย ๆ ไม่ได้คิดว่ากำลังลดความอ้วนอยู่ตลอดเวลา เพราะมันกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้วที่เราต้องดูแลตัวเอง รักษาร่างกายให้สุขภาพดี เราไม่สามารถกินคลีนได้ทุกมื้อ แต่สามารถหาตัวเลือกที่ดีที่สุดได้ในมื้อนั้น ๆ ได้ซึ่งก็ถือว่าเราทำดีที่สุดแล้วนะ จากอันไหนอ้วนมากรู้อยู่ เราก็เลือกอันที่อ้วนน้อยลงมาหน่อย แต่อร่อย แฮปปี้
มีอีกหลายสิ่งที่มีค่ามากกว่าการหุ่นดี
ผอมลงแล้วดูสวยและมั่นใจขึ้นมากเลยนะเนี่ย อย่างนี้คงต้องปรบมือเป็นกำลังใจให้กับสาวน้อยคนนี้กันแบบรัว ๆ ซะแล้วล่ะค่ะ และสำหรับสาวอ้วนคนไหนที่กำลังมองหาแรงบันดาลเพื่อเอาไปใช้สร้างแรงผลักดันให้ตัวเองกันอยู่ ก็ลองเอาเรื่องราวของเธอคนนี้ไปสร้างแรงบันดาลใจให้กับตัวเองดูสิคะ ไม่แน่ว่าสักวัน คุณอาจจะกลายเป็นอีกคนที่ผอมสวยและมั่นใจเหมือนกับเธอคนนี้ก็เป็นได้
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ cufitgirl สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม, เฟซบุ๊ก cu.fitgirl