
กินเมล็ดเจียอย่างไรให้ได้ประโยชน์จัดเต็ม โดยไม่ต้องกังวลกับอาการท้องผูกและอาการท้องอืดอีกต่อไป เรื่องแบบนี้ต้องกินให้เป็น
เมล็ดเจียมีประโยชน์กับสุขภาพมาก ๆ ข้อนี้ทุกคนตระหนักดีกันอยู่แล้ว แต่เอ๊ะ ! ไหงกินเมล็ดเจียแล้วรู้สึกท้องอืดชอบกล แถมบางวันก็ถ่ายลำบากกลายเป็นโรคท้องผูกขึ้นมาซะอย่างนั้น ถ้ากินเมล็ดเจียแล้วมีอาการผิดปกติอย่างที่ว่า แสดงว่าคุณอาจกินเมล็ดเจียอย่างผิด ๆ กันอยู่ เพราะอันที่จริงแล้วเมล็ดเจียเขากินกันอย่างนี้นะจะบอกให้


เมือกข้นเหนียวที่ได้จากเมล็ดเจียแช่น้ำเป็นสสารที่ร่างกายไม่ค่อยคุ้นชิน ดังนั้นจึงเป็นไปได้ที่คุณจะกินเมล็ดเจียแล้วมีอาการผิดปกติเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร เป็นต้นว่า เกิดแก๊สในกระเพาะอาหาร ปวดมวนท้อง ท้องอืด หรือท้องเสียเอาได้ ฉะนั้นการกินเมล็ดในระยะเริ่มต้นจึงต้องค่อยเป็นค่อยไป เริ่มจากการกินเมล็ดเจียประมาณ 2-3 ช้อนชาต่อวันก่อน พอร่างกายทำความรู้จักกับเมล็ดเจียดีแล้วก็ค่อยเพิ่มปริมาณการบริโภคเมล็ดเจียให้มากขึ้น ทั้งนี้อัตราส่วนการบริโภคเมล็ดเจียที่ถูกต้องถูกกำหนดไม่ให้เกิน 6 ช้อนโต๊ะต่อวันนะคะ


เมล็ดเจียมีคุณสมบัติไม่ต่างจากฟองน้ำที่คอยดูดซับของเหลวในร่างกายเรา ฉะนั้นเมื่อคุณเริ่มกินเมล็ดเจียก็จำเป็นต้องดื่มน้ำให้มากขึ้นตามไปด้วย โดยอาจจะดื่มน้ำสะอาดและน้ำผลไม้ร่วมกันไป แต่พยายามหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มชูกำลังและคาเฟอีนนะคะ เพราะเครื่องดื่มสองชนิดนี้มีคุณสมบัติดูดซับน้ำจากร่างกายเราเหมือนกัน


วิธีที่ช่วยลดความเสี่ยงของอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ และอาหารไม่ย่อยเมื่อกินเมล็ดเจียคือ การแช่เมล็ดเจียให้ได้ที่ก่อนรับประทาน ซึ่งระยะเวลาอย่างน้อยที่สุดที่ควรแช่เมล็ดเจียอยู่ที่ 10-15 นาที หรือนานกว่านั้นจะยิ่งดีเลยค่ะ และอัตราส่วนระหว่างน้ำและเมล็ดเจียที่จะแช่ควรอยู่ที่ราว ๆ เมล็ดเจีย 1 ส่วนต่อน้ำ 9 ส่วน หรืออย่างน้อย ๆ ควรกินเมล็ดเจียด้วยวิธีการโรยลงในอาหารที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบ และต้องหลีกเลี่ยงการบริโภคเมล็ดเจียดิบ ๆ อย่างเด็ดขาด


หากทำตามวิธีกินเมล็ดเจียอย่างเคร่งครัดแล้วยังมีอาการผิดปกติเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารอยู่ อาจเป็นไปได้ว่าร่างกายของคุณไปด้วยกันไม่ได้กับเมือกของเมล็ดเจีย ดังนั้นควรหยุดกินเมล็ดเจียสักพักแล้วลองสังเกตร่างกายของตัวเองก่อน หากไม่ได้กินเมล็ดเจียแล้วอาหารผิดปกติหายไปนั่นก็แสดงว่าคุณควรหันหลังให้เมล็ดเจียและเลือกรับประโยชน์จากธัญพืชชนิดอื่นดีกว่า
เงื่อนไขการรับประทานเมล็ดเจียมีอยู่แค่ไม่กี่ข้อเองค่ะ ฉะนั้นหากอยากกินเมล็ดเจียให้ได้คุณประโยชน์เต็ม ๆ ควรปฏิบัติกันอย่างเคร่งครัด เพื่อสุขภาพที่ดีของเราเองนะคะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
Healwithfood
Chai Seed Spot