ขยี้ตาบ่อย ๆ เป็นหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดริ้วรอยรอบ ๆ ดวงตา โดยเฉพาะที่ชั้นหนังตา และยิ่งไปกว่านั้นอาจเป็นสาเหตุของปัญหาสายตาอีกหลายอย่างด้วย หน้าแก่ก่อนวัย เป็นสิ่งที่ใครก็ไม่อยากพบเจอ ถ้าอย่างนั้นลองสำรวจตัวเองกันหน่อยค่ะว่า เราชอบขยี้ตาบ่อย ๆ หรือเปล่า เพราะถ้าทำอยู่ก็ขอให้เลิกได้เลิก ก่อนจะเกิดริ้วรอยจนรู้สึกรำคาญใจ และที่สำคัญ การขยี้ตาบ่อย ๆ ก็ยังเพิ่มความเสี่ยงโรคทางสายตาได้มากกว่าที่คิด แถมยังอาจร้ายแรงถึงขั้นตาบอดได้เลย สาเหตุที่ทำให้เราอยากขยี้ตา เป็นกลไกอย่างหนึ่งของร่างกายที่ต้องการกำจัดสิ่งระคายเคืองออกจากตา ซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อมีภาวะดังนี้ คันตา ระคายเคืองตา จากสิ่งแปลกปลอม เช่น ฝุ่นละออง เศษผง ควันบุหรี่ หรือขนสัตว์ที่เข้าตา ตาแห้ง จากน้ำหล่อลื่นในดวงตาลดลง โดยเฉพาะหากจ้องจอนาน ๆ หรือตากลมตากแดดเป็นเวลานาน ภูมิแพ้ดวงตา ซึ่งจะรู้สึกคันตามาก ๆ ตาแดง เยื่อบุตาอักเสบจากการติดเชื้อแบคทีเรียหรือไวรัส หรือบางคนก็ติดนิสัยชอบขยี้ตา หรือจับดวงตา เมื่อรู้สึกเครียด หรือง่วงนอน อยากได้ความสดชื่น อยากกระตุ้นให้ตาตื่นขึ้นมา การขยี้ตาคือการใช้นิ้วมือถูบริเวณหนังตาบน ซึ่งบางคนก็อาจจะคลึงเบา ๆ แต่บางคนก็ออกแรงขยี้อย่างจริงจัง และหากขยี้ตาบ่อย ๆ ก็อาจส่งผลต่อความงาม ดังนี้ เพราะผิวหนังบริเวณเปลือกตาเป็นจุดที่บอบบาง การใช้แรงถูหรือขยี้ลงบนผิวจึงอาจทำให้เกิดริ้วรอยเล็ก ๆ รอบดวงตา และทำให้ผิวสูญเสียความกระชับ ผิวหนังหย่อนคล้อยได้ การถูลงบนเปลือกตาซ้ำ ๆ ก็ทำให้เกิดรอยคล้ำที่เปลือกตาได้ จากการกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต จนทำให้เส้นเลือดดำมองเห็นได้ชัดเจนกว่าปกติ ถ้าขยี้ตาบ่อย ๆ จะทำให้กล้ามเนื้อบริเวณเปลือกตายืดได้ ส่งผลให้ชั้นตาคลายตัว จากตาสองชั้นก็มีชั้นตาเพิ่มขึ้นมา จนชั้นตาไม่เท่ากับตาอีกข้าง หรือที่เรียกกันว่าหนังตาตก ดูแก่กว่าวัยได้ นอกจากอาการข้างต้นแล้ว การขยี้ตายังเสี่ยงทำให้เปลือกตาอักเสบ เวลาขยี้ตาเสร็จจึงอาจสังเกตได้ว่าตาบวมตุ่ย ดวงตาดูไม่สดใส ไม่เพียงแต่กระทบกับความสวยความงามเท่านั้น แต่การขยี้ตาบ่อย ๆ ซ้ำ ๆ ยังส่งผลเสียต่อสุขภาพดวงตา ดังนี้ เชื้อโรคจากมือเราอาจปนเปื้อนไปยังดวงตาได้ ซึ่งก็เสี่ยงที่จะเกิดการอักเสบที่ดวงตาได้เช่นกัน โดยเฉพาะหากเผลอขยี้ตาไปทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้ล้างมือให้เรียบร้อย ฝุ่นผงอาจฝังไปในกระจกตา หรือทำให้กระจกตาเป็นแผล ก่อให้เกิดอาการอักเสบ เช่น หากมีอาการภูมิแพ้ ระคายเคืองตาจากสารก่อภูมิแพ้ หรือมีตุ่ม ผื่นคันภูมิแพ้บริเวณหนังตา ซึ่งหากใช้นิ้วมือขยี้ตาก็อาจเสี่ยงติดเชื้อเพิ่มขึ้น หรือมีอาการแทรกซ้อนอื่น ๆ เช่น เยื่อบุตาอักเสบ กระจกตาอักเสบได้ คนที่ขยี้ตาบ่อย ๆ และมักจะขยี้ตาด้วยการใช้ข้อนิ้วกดลูกตา พฤติกรรมนี้อาจส่งผลให้เกิดการโก่งของกระจกตาได้ โดยจะสังเกตได้จากอาการสายตามัวลงเรื่อย ๆ เห็นภาพบิดเบี้ยว เคืองตา แสบตา ตาสู้แสงไม่ได้ และในบางรายอาจตรวจพบว่าค่าสายตาสั้นและเอียงค่อนข้างมาก ค่าสายตาเปลี่ยนไว ต้องเปลี่ยนแว่นบ่อย ๆ เป็นต้น นิ้วมือที่ถูไป-มาบนเปลือกตาอาจทำให้เลนส์ตาเคลื่อน และยังเสี่ยงทำให้กระจกตาด้านหลังได้รับบาดเจ็บไปด้วย อย่างที่บอกว่าชั้นเปลือกตามีความบอบบาง ถ้าขยี้ซ้ำ ๆ บ่อย ๆ ก็จะทำให้กล้ามเนื้อคลายตัว เพิ่มความเสี่ยงกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง มีอาการหนังตาตก บดบังทัศนวิสัยการมองเห็น บางคนก็มีอาการตาพร่ามัว หรือมองเห็นภาพซ้อนร่วมด้วย อย่างไรก็ตาม การขยี้ตาแรง ๆ และทำซ้ำบ่อย ๆ อาจเป็นเหตุให้กระจกตาบาง และถ้ายังไม่เลิกขยี้ตาก็อาจทำให้กระจกตาทะลุ ซึ่งจุดนี้ก็อันตรายถึงขั้นตาบอดเลยทีเดียว ถ้ารู้สึกคันตา อยากขยี้ตา ให้ลองใช้วิธีเหล่านี้แทน หยอดน้ำตาเทียม แก้อาการตาแห้ง อาการคันตา ประคบเย็นที่ดวงตา ความเย็นจะช่วยยับยั้งอาการคันได้ รักษาอาการทางสายตา นอกจากนี้ก็ควรย้ำกับตัวเองเสมอ ๆ ว่าการขยี้ตาส่งผลเสียต่อร่างกายของเรายังไง เพื่อคอยเตือนใจให้หยุดตัวเองได้ทันก่อนใช้นิ้วมือขยี้ตา ถ้าตัดจบได้ตั้งแต่ต้นเหตุเลยก็จะช่วยเซฟตัวเองจากการขยี้ตาได้ โดยวิธีดูแลดวงตาก็สามารถทำได้ ดังนี้ หลีกเลี่ยงสิ่งที่อาจทำให้เกิดอาการคันตา เช่น ฝุ่นละออง ควันบุหรี่ หรือสารเคมี ก่อนออกจากบ้านไปเจอลมและแสงแดด ควรสวมใส่หมวก แว่นตากันแดด หรือกางร่มด้วยทุกครั้ง ควรพักสายตาจากหน้าจอทุก ๆ 20 นาที ด้วยการมองออกไปไกล ๆ ราว 20 วินาที ในระยะ 20 ฟุตเป็นอย่างน้อย ควรใช้คอนแทคเลนส์เฉพาะกรณีจำเป็น และควรใช้อย่างถูกวิธี ถูกสุขอนามัย ควรตรวจสุขภาพตาอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง หากมีปัญหาสุขภาพดวงตา หรือมีโรคภูมิแพ้ดวงตา ควรรักษาอย่างต่อเนื่อง ดวงตาเป็นอวัยวะสำคัญที่เราควรต้องดูแลอย่างดี ดังนั้น ใครชอบขยี้ตาก็ขอให้เลิกพฤติกรรมนี้ให้ไว เพราะส่งผลเสียต่อสุขภาพทั้งด้านความงามและสุขภาพตาอย่างที่ได้กล่าวไป โรคตาขี้เกียจ มองเห็นไม่ชัด ไม่รักษาระวังตาดับไม่รู้ตัว วุ้นในตาเสื่อม อาการเห็นหยากไย่ลอยไปลอยมา แบบนี้อันตรายไหม ? อาการตาพร่ามัว สาเหตุเกิดจากอะไร ปัญหาสายตาที่ต้องใส่ใจและควรรู้วิธีแก้ ตากระตุก เรื่องนี้เกี่ยวกับสุขภาพหรือโชคลางล้วน ๆ 15 ผักบำรุงสายตา หาง่ายใกล้ตัว ไม่อยากสายตาพร่ามัวต้องรีบกิน ! ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ, Thai PBS, nyoph.com, americasbest.com
แสดงความคิดเห็น