วิตามินหมดอายุกินได้ไหม จะเป็นอันตรายเหมือนกับการกินอาหารหมดอายุหรือเปล่า ใครค้นตู้ยาแล้วเจออาหารเสริมหมดอายุ ลองมาอ่านก่อน วิตามินขวดนั้นก็ดี อาหารเสริมกระปุกนี้ก็ใช่ เลือกซื้อมาเก็บไว้นานจนรับประทานไม่ทัน พอนึกขึ้นได้อีกทีก็หมดอายุเสียแล้ว ด้วยความเสียดายหลายคนเลยสงสัยว่า วิตามินหมดอายุกินได้ไหม หรือ กินวิตามินหมดอายุเป็นไรไหม อันตรายกับสุขภาพ หรือเปล่า หรือควรจะโยนทิ้งไปดีกว่า ชวนมาทำความเข้าใจเรื่องนี้กัน ตามหลักแล้วไม่แนะนำให้รับประทานของหมดอายุค่ะ ไม่ว่าจะเป็นวิตามินซี วิตามินบี วิตามินรวม น้ำมันปลา คอลลาเจน หรืออาหารเสริมใด ๆ แม้จะไม่ได้เน่าเสียเหมือนอาหารหรือนม แต่สารอาหารต่าง ๆ ที่อยู่ในวิตามินและอาหารเสริมที่หมดอายุแล้วจะค่อย ๆ สลายตัวไปอย่างช้า ๆ ปริมาณของวิตามินและแร่ธาตุจึงไม่ถึงเกณฑ์ที่ระบุไว้บนฉลาก เช่น วิตามินซีขนาด 500 มิลลิกรัม อาจจะเหลือปริมาณจริง ๆ ไม่ถึง 500 มิลลิกรัม เท่ากับว่าได้คุณค่าทางโภชนาการน้อยลงไปด้วย ทำให้ประสิทธิภาพในการบำรุงร่างกายลดลง และอาจไม่ได้ให้ประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างที่ควรจะเป็น บางคนหยิบวิตามินมากินเลยแล้วเพิ่งมาเห็นทีหลังว่า อ้าว ! หมดอายุแล้วนี่ แบบนี้จะเป็นอะไรไหมนะ ? คำตอบก็คือ วิตามินที่หมดอายุแล้วบางชนิดอาจเกิดปฏิกิริยาบางอย่างที่ทำให้เป็นพิษต่อร่างกายได้อยู่บ้าง แต่ความเสี่ยงที่จะเกิดกรณีนี้มีไม่สูงเท่าไรค่ะ เพราะวิตามินที่หมดอายุส่วนใหญ่เป็นเพียงการเสื่อมประสิทธิภาพ ไม่ได้เหมือนกับอาหารหมดอายุที่มีการหมักหมมของเชื้อโรค เชื้อแบคทีเรีย ดังนั้น การกินวิตามินหมดอายุแล้วคงไม่ถึงกับทำให้เจ็บป่วยรุนแรง ยกเว้นว่าวิตามินเหล่านั้นมีการปนเปื้อนเชื้อโรคหรือสัมผัสความชื้นจนขึ้นรา เช่นนี้ก็อาจส่งผลกระทบต่อร่างกายได้ วิธีที่ง่ายที่สุดก็คือ ดูวันหมดอายุบนฉลากผลิตภัณฑ์ โดยจะเขียนข้อความว่า EXP หรือ Best Before บางผลิตภัณฑ์อาจบอกเป็นตัวเลขอย่างเดียว เช่น 12/25 หมายถึง หมดอายุเดือนธันวาคม ปี 2568 อย่างไรก็ตาม แม้จะยังไม่ถึงวันที่ระบุไว้บนฉลาก แต่วิตามินก็สามารถหมดอายุก่อนได้ หากถูกเก็บไว้ในสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม ซึ่งถ้าวิตามินเริ่มเปลี่ยนสี มีกลิ่นผิดปกติ มีความเหนียวหนืด ชื้น หรือดูเหมือนมีเชื้อราขึ้น ก็เป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าวิตามินเสื่อมสภาพแล้ว ไม่ควรนำมารับประทานอีก เราสามารถชะลอการเสื่อมอายุของวิตามินและอาหารเสริมต่าง ๆ ได้ ด้วยการเก็บรักษาให้ถูกวิธี ดังนี้ เก็บไว้ในที่เย็นและแห้ง อุณหภูมิไม่เกิน 25 องศาเซลเซียส และห่างไกลจากความชื้น ไม่ปล่อยให้วิตามินสัมผัสความร้อนที่สูงเกินไป หรือวางใกล้อุปกรณ์ที่่มีความร้อน และไม่ควรจัดเก็บไว้ในบริเวณที่แสงแดดหรือแสงจากหลอดไฟส่องถึง เพราะวิตามินบางชนิด เช่น วิตามินบี วิตามินซี หรืออาหารเสริมชนิดผง ไวต่อความร้อนมาก อาจเสื่อมสภาพเร็วกว่าที่ควรจะเป็น ไม่ควรเก็บไว้ใกล้ห้องครัวหรือห้องน้ำ เพราะเป็นจุดที่มีความร้อนและความชื้นสูง ไม่ควรนำซองกันชื้นออกจากขวดจนกว่าจะรับประทานวิตามินหรืออาหารเสริมหมด เช็ดมือให้แห้งก่อนหยิบวิตามินหรือตัดผงผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ปิดภาชนะให้สนิทหลังเปิดใช้ เพื่อป้องกันความร้อน ความชื้น แสง แมลง รวมทั้งสิ่งแปลกปลอมที่อาจเข้าไปอยู่ในขวด วิตามินแต่ละชนิดมีวิธีเก็บรักษาที่แตกต่างกัน บางชนิดอาจต้องเก็บในตู้เย็น แต่บางชนิดไม่ควรเก็บในตู้เย็น เพราะอาจมีความชื้นมากเกินไป จึงควรปฏิบัติตามคำแนะนำที่เขียนไว้บนฉลากหรือแผ่นพับของผลิตภัณฑ์ วิตามินและอาหารเสริมที่หมดอายุแล้ว แม้ส่วนใหญ่จะไม่ส่งผลเสียต่อร่างกาย แต่ก็ไม่ได้ส่งผลดีต่อสุขภาพอย่างที่คาดหวัง ดังนั้น ถ้าจัดตู้ยาครั้งหน้าแล้วเจอวิตามินหรืออาหารเสริมที่หมดอายุแล้ว แนะนำให้ทิ้งไปดีกว่าค่ะ และซื้อวิตามินขวดใหม่ เพื่อรับประโยชน์จากสารอาหารที่ต้องการอย่างแท้จริง วิธีกินวิตามินซีที่ถูกต้อง ต้องกินยังไงถึงได้ผลดี รับประโยชน์อย่างเต็มที่ น้ำมันปลาไม่ควรกินคู่กับอะไร กินคู่กับวิตามินซีได้ไหม ควรกินตอนไหนให้ได้ประโยชน์ คอลลาเจนกับวิตามินซีกินพร้อมกันได้ไหม แล้วคอลลาเจนควรกินตอนไหนดี ? วิตามินที่ไม่ควรกินตอนท้องว่าง มีอะไรบ้าง กินพร้อมหรือหลังอาหารดีกว่า เลี่ยงผลข้างเคียง วิตามินที่ไม่ควรกินก่อนนอนมีตัวไหนบ้าง เช็กให้ชัดแล้วกินให้ถูกเวลา ขอบคุณข้อมูลจาก : eatingwell.com, healthline.com, medicalnewstoday.com
แสดงความคิดเห็น