มะเขือบ้า คืออะไร เห็นดอกสวย ๆ แบบนี้ ทำไมถึงเป็นอันตราย เผลอกินเข้าไปอาจรับพิษรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้เลย มะเขือบ้า หรือที่หลายคนรู้จักกันในชื่อ ต้นลำโพง เป็นพืชที่มีรูปลักษณ์สวยงาม ดอกมีสีสันสดใส แต่กลับซ่อนพิษร้ายแรงที่อาจส่งผลต่อสุขภาพ และถึงแก่ชีวิตได้ หากเรารู้จักและเข้าใจถึงอันตรายก็จะสามารถป้องกันตัวเองไม่ให้เผลอสัมผัสหรือรับประทานพืชชนิดนี้โดยไม่รู้ตัว มะเขือบ้า ภาษาอังกฤษ เรียกว่า Thorn Apple หรือ Devil's Trumpet คือ ผลของต้นลำโพง เราอาจรู้จักในชื่ออื่น ๆ เช่น ลำโพงขาว ลำโพงกาสลัก กาสลัก มะเขือบ้าดอกดำ มะเขือบ้าอินเดีย เป็นต้น มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Datura metel L. หรือ Datura inoxia อยู่ในวงศ์ Solanaceae (วงศ์มะเขือ) มีถิ่นกำเนิดในอินเดียและแถบอเมริกากลาง จัดเป็นพืชที่มีพิษร้ายแรงทุกส่วนของต้น โดยเฉพาะเมล็ดและผล มะเขือบ้า มีลักษณะเป็นไม้ล้มลุก สูง 1-2 เมตร แตกกิ่งก้านเป็นพุ่ม ลำต้นมีสีม่วงดำ ใบสีเขียวเข้ม เป็นรูปไข่ ขอบใบหยัก ดอกเป็นชั้น ๆ รูปปากแตรคล้ายลำโพง มีทั้งสีม่วง สีขาว ยิ่งมีหลายชั้นยิ่งมีฤทธิ์แรง ส่วนผลมีรูปทรงกลม ขนาดประมาณ 1-1.5 นิ้ว มีขนคล้ายหนามเล็ก ๆ ดูคล้ายผลมะเขือ แต่มีขนาดเล็กกว่า มะเขือบ้า มีสรรพคุณตามตำรับยาไทย อาทิ ใบ : ใช้ตำพอกฝี ทำให้ฝียุบ แก้โรคผิวหนังกลาก-เกลื้อน แก้แผลเรื้อรัง แก้พิษสัตว์กัดต่อย แก้พิษฝี แก้ปวดแสบบวมที่แผล แก้ปวดบวม ดอก : นำมาตากแห้งผสมยาเส้นสูบ แก้หอบหืด โพรงจมูกอักเสบ แก้ริดสีดวงจมูก เพราะมีสารแก้การตีบตันของหลอดลม เมล็ด : นำมาบดแล้วผสมกับน้ำมันพืช แช่ไว้ประมาณ 7 วัน แล้วจึงใช้ทาบรรเทาอาการปวดเมื่อย ขัดยอก น้ำมันจากเมล็ด : นำมาปรุงยาใส่แผล แก้กลาก-เกลื้อน ผื่นคัน หิด เหา ราก : นำมาฝนทาพิษร้อน ดับพิษฝี แก้ปวดบวม แก้อักเสบ ทั้งนี้ การนำมาใช้ต้องเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญสมุนไพร และไม่ควรนำส่วนใด ๆ ของมะเขือบ้ามารับประทานเด็ดขาด เนื่องจากเป็นพืชที่มีพิษทุกส่วน มะเขือบ้า มีสารพิษกลุ่มอัลคาลอยด์ ได้แก่ อะโทรปีน สโคโปลามีน เบลลาโดนิน และไฮโอไซยามีน โดยเมื่อผลแก่เต็มที่จะแตกออกเห็นเป็นกระเปาะเล็ก ๆ ภายในนั้นมีเมล็ดสีน้ำตาลอมส้มหรือสีเทาดำ ประมาณ 50-100 เมล็ด ซึ่งมีความเป็นพิษสูงมาก และไม่สามารถทำลายได้ด้วยความร้อน เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะส่งผลต่อระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้เกิดอาการดังนี้ ตาพร่ามัว ปากแห้ง คอแห้ง กระหายน้ำ กลืนลำบาก ผิวหนังแดง ร้อน มีผื่นแดงตามใบหน้า ม่านตาขยาย สู้แสงไม่ได้ ปัสสาวะไม่ออก ชีพจรเต้นเร็ว หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ ประสาทหลอน หูแว่ว มองเห็นภาพซ้อน สับสน วิงเวียน ถ้าได้รับพิษจากมะเขือบ้ามาก ๆ อาจมีอาการเพ้อคลั่ง วิกลจริต ตาแข็ง ตัวเขียว ชัก หมดสติ ถึงขั้นเสียชีวิตได้ ถึงแม้ว่าจะสามารถรักษาได้ทันท่วงที คือแก้พิษได้แล้ว อาการวิกลจริตที่เป็นอยู่อาจรักษาไม่ได้ ทั้งนี้ อาการแสดงที่เกิดจากพิษลำโพง สามารถเกิดขึ้นได้ภายในเวลา 30-60 นาที และอาการอาจดำเนินต่อไปอีก 2-3 วัน เพราะสารอัลคาลอยด์ในลำโพงจะออกฤทธิ์อย่างช้า ๆ ในระบบทางเดินอาหาร บางคนเชื่อว่า การนำมะเขือบ้ามาต้มดื่มจะช่วยรักษาโรคหรือช่วยให้เลิกเหล้าได้ ซึ่งนี่เป็นความเชื่อที่ผิดและอันตรายมาก เพราะมะเขือบ้าเป็นพืชที่มีพิษร้ายแรง นอกจากจะไม่ช่วยให้เลิกเหล้าหรือรักษาโรคใด ๆ ได้แล้ว หากรับประทานเข้าไปยังอาจถึงแก่ชีวิตได้ ให้รีบนำตัวผู้ที่ได้รับพิษจากมะเขือบ้าส่งโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด ระหว่างนั้นสามารถให้ดื่มน้ำเพื่อเจือจางสารพิษได้ แต่อย่าทำให้อาเจียนเด็ดขาด เพราะเสี่ยงต่อการสำลักพิษ แพทย์จะทำการล้างท้องและสวนถ่ายท้องให้เพื่อลดการดูดซึมสารพิษ พร้อมกับควบคุมการหายใจและการเต้นของหัวใจ หากมีอาการแทรกซ้อนอื่น ๆ ก็จะใช้การรักษาตามอาการนั้น เช่น ถ้าผู้ป่วยชักก็จะให้ยาเพื่อบรรเทาอาการชัก เป็นต้น มะเขือบ้า เป็นพืชที่มีดอกสวยก็จริง แต่แฝงด้วยพิษอันตรายที่คาดไม่ถึง จึงไม่ควรสัมผัสกับพืชชนิดนี้โดยตรง และห้ามรับประทานโดยเด็ดขาด เพื่อป้องกันการได้รับพิษเข้าสู่ร่างกาย ก๊าซไข่เน่า คืออะไร เกิดจากอะไร รู้จักสารอันตรายที่แค่ดมกลิ่นก็ตายได้ในไม่กี่นาที กากแคดเมียม คืออะไร ทำไมแค่ดมก็อันตราย พร้อมเช็กวิธีปฐมพยาบาล ซีเซียม-137 อันตรายอย่างไร เช็กอาการและวิธีรักษาเมื่อโดนสารกัมมันตรังสี ไซยาไนด์ออกฤทธิ์แล้วมีอาการอย่างไร ควรแก้พิษไซยาไนด์อย่างไรให้รอดตาย พาราควอต อันตรายต่อสุขภาพแค่ไหน ทำไมถึงต้องแบน ! ขอบคุณข้อมูลจาก : ฐานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี, สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์, โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริฯ, สำนักข่าวไทย
แสดงความคิดเห็น