มัทฉะกับชาเขียว ต่างกันยังไง มาไขข้อสงสัยของวงการชาให้กระจ่างชัด พร้อมเคล็ดลับกินมัทฉะให้ได้ประโยชน์อย่างแท้จริง มัทฉะ (Matcha) กำลังเป็นไวรัลในวงการชาเขียวและวงการเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ รวมไปถึงในกลุ่มคนที่ลดน้ำหนัก เพราะเป็นชาที่อร่อย แถมประโยชน์ของมัทฉะก็เลื่องลือมานาน ทว่าก็ยังมีหลายคนสงสัยว่ากินชาเขียวปกติแทนกันได้หรือไม่ วันนี้เราเลยจะเปิดข้อแตกต่างระหว่างมัทฉะกับชาเขียว และยังมีเคล็ดลับกินมัทฉะให้ได้ประโยชน์มาฝากด้วย มัทฉะ (Matcha) เป็นชาที่มาจากต้นชาที่มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Camellia sinensis เหมือนกับชาเขียว (Green Tea) แต่มัทฉะจะถูกปลูกโดยวิธีบังแสงแดดก่อนเก็บเกี่ยว 20-30 วัน ซึ่งจะช่วยเพิ่มคลอโรฟิลล์ เพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระ สารพฤกษเคมีบางชนิด และสารสำคัญอื่น ๆ ให้กับมัทฉะ ในขณะที่ชาเขียวปลูกกลางแจ้งตามปกติ ไม่มีการบังแสงแดด นอกจากนี้กระบวนการผลิตมัทฉะกับชาเขียวก็แตกต่างกัน โดยมัทฉะจะนำใบชามาบดเป็นผงละเอียดเพื่อนำไปชงกับน้ำ ด้วยการละลายในน้ำร้อนแล้วใช้ไม้ฉะเซ็นตีจนเกิดฟอง จึงได้มัทฉะที่มีสีเขียวเข้ม ตกตะกอน มีรสชาติเข้มข้น ออกหวานปนขมเล็กน้อย สัมผัสออกครีมมี่ ส่วนชาเขียวจะถูกเก็บเกี่ยวและอบไอน้ำ มีการม้วนใบชา จากนั้นนำไปคั่วจนแห้ง เวลาจะดื่มก็นำใบชาไปต้มกับน้ำร้อน แล้วกรองเอาแต่น้ำชามาดื่ม จึงได้น้ำชาสีเขียวใส ไม่ตกตะกอน รสชาติฝาดเล็กน้อย แต่ดื่มง่ายกว่ามัทฉะ ทั้งนี้ มัทฉะที่เราดื่มคือใบชาทั้งใบ ส่งผลให้คุณค่าทางโภชนาการและรสชาติของมัทฉะมีความแตกต่างจากชาเขียวไปด้วย มัทฉะที่เขาเลื่องลือกันมานาน มีประโยชน์ต่อสุขภาพดังนี้ อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ : มัทฉะมีสารคาเทชิน โดยเฉพาะสาร EGCG (Epigallocatechin Gallate) มากกว่าชาเขียวถึง 3 เท่า และยังมีสารพฤกษเคมีชนิดต่าง ๆ เช่น คลอโรฟิลล์ สูงอีกด้วย จึงมีประโยชน์ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์และป้องกันโรคต่าง ๆ อันมีสาเหตุมาจากอนุมูลอิสระ เพิ่มพลังงาน : มัทฉะมีคาเฟอีนประมาณ 38-89 มิลลิกรัม ต่อปริมาณมัทฉะ 8 ออนซ์ (ประมาณ 240 มิลลิลิตร) หรืออาจเทียบเป็นปริมาณคาเฟอีน 19-44 มิลลิกรัม ต่อผงชา 1 กรัม สูงกว่าชาเขียวทั่วไปที่มีคาเฟอีนราว ๆ 23-49 มิลลิกรัม หรือเทียบเป็น 11-25 มิลลิกรัม ต่อใบชา 1 กรัม และยิ่งเมื่อมาทำงานร่วมกับคาเทชิน จึงช่วยกระตุ้นการทำงานของสมองและเพิ่มพลังงาน ให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่าและมีสมาธิมากขึ้น ช่วยเผาผลาญไขมัน : สารคาเทชินในมัทฉะมีส่วนช่วยกระตุ้นการเผาผลาญไขมัน และมีส่วนช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการออกกำลังกาย ส่งดีผลต่อการลดน้ำหนัก ดีต่อสมองและช่วยผ่อนคลาย : มัทฉะมีแอลธีอะนีน (L-theanine) ที่มีผลต่อวงจรการทำงานของสมอง กระตุ้นให้เกิดคลื่นไฟฟ้าสมองชนิดหนึ่งที่เรียกว่า คลื่นอัลฟา (alpha waves) ที่เป็นคลื่นไฟฟ้าช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย จิตใจสงบ มีสมาธิ ลดความวิตกกังวล แต่ไม่ทำให้ง่วงนอน ซึ่งช่วยให้เราจดจ่อกับกิจกรรมที่กำลังทำได้ดีขึ้น ดีต่อใจ : มีงานวิจัยพบว่า สารคาเทชิน ซึ่งเป็นสารในกลุ่มโพลีฟีนอล มีส่วนช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) และเพิ่มคอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL) ป้องกันการอักเสบในหลอดเลือด ซึ่งอาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด ถ้าเห็นประโยชน์แล้วอยากกินมัทฉะขึ้นมาทันใด ลองมาเก็บเคล็ดลับกินมัทฉะให้ได้ประโยชน์มากที่สุดกันก่อน กินมัทฉะให้ได้ประโยชน์อย่างแท้จริง ทำได้ง่าย ๆ ตามนี้เลย เลือกซื้อมัทฉะจากร้านที่น่าเชื่อถือ มีคุณภาพ และได้มาตรฐานจาก อย. เพื่อให้ได้มัทฉะที่มีสารคาเทชินในปริมาณสูง ซึ่งสามารถเลือกมัทฉะ Ceremonial Grade สำหรับชงดื่ม หรือ Culinary Grade สำหรับทำอาหารหรือขนมก็ได้ ตักผงมัทฉะประมาณ 1-2 ช้อนชา (ประมาณ 2-4 กรัม) ลงในถ้วยเซรามิกสำหรับชงชา จากนั้นนำน้ำอุณหภูมิประมาณ 70-80 องศาเซลเซียส เติมลงไป 2 ออนซ์ (ประมาณ 60 มิลลิลิตร) แล้วใช้ไม้ตีชา (Chasen) หรือตะกร้อมือ ตีให้ละลายจนเกิดฟองบาง ๆ ทั้งนี้ สามารถเพิ่มหรือลดปริมาณผงมัทฉะได้ตามความเข้ม-อ่อนที่ต้องการ สามารถดื่มได้ประมาณ 1-2 แก้วต่อวัน หรือไม่เกิน 2 ช้อนชา เพื่อหลีกเลี่ยงการบริโภคคาเฟอีนมากเกินไปที่อาจทำให้เกิดอาการใจสั่นหรือนอนไม่หลับ อย่างไรก็ตาม ปริมาณการดื่มมัทฉะได้สูงสุดของแต่ละบุคคลอาจไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับความไวของคาเฟอีน รวมถึงความสามารถในการกำจัดคาเฟอีนออกจากร่างกายและสุขภาพโดยรวมของแต่ละคน จึงควรสังเกตตัวเองและดื่มในปริมาณที่พอเหมาะ หากต้องการความหวาน ควรใช้น้ำผึ้ง หรือสารให้ความหวานธรรมชาติ โดยพยายามปรุงแต่งให้น้อยที่สุดเท่าที่จะไหว เพื่อให้ได้ประโยชน์ของมัทฉะเต็มที่ แม้มัทฉะผสมนมหรือมัทฉะลาเต้จะทำให้ดื่มมัทฉะได้ง่ายและอร่อยขึ้น ทว่าสูตรนี้จะทำให้ประสิทธิภาพของสารคาเทชินลดลง เพราะโปรตีนในนมจะทำปฏิกิริยากับสารคาเทชิน ดังนั้น เพื่อให้ร่างกายได้รับประโยชน์จากสารคาเทชินจากมัทฉะอย่างเต็มที่ ควรดื่มมัทฉะเพียว ๆ หรือปรุงรสให้น้อยที่สุดจะดีกว่า หรือถ้าอยากดื่มมัทฉะผสมนมจริง ๆ แนะนำให้เลือกนมไขมันต่ำ หรือใช้นมจากพืช เช่น นมถั่วเหลือง นมอัลมอนด์ ซึ่งมีโปรตีนน้อยกว่านมวัว มัทฉะเป็นเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน ช่วยกระตุ้นความกระปรี้กระเปร่า ดังนั้น แนะนำให้ดื่มมัทฉะตอนเช้าหรือบ่าย เพื่อเพิ่มพลังงานและสมาธิ และหลีกเลี่ยงการดื่มก่อนนอน เพราะอาจรบกวนการนอนหลับได้ ประโยชน์ของมัทฉะน่าสนใจก็จริง แต่ในการกินมัทฉะก็มีข้อควรระวังที่ไม่อยากให้มองข้าม เช่น มัทฉะมีคาเฟอีนสูงกว่าชาเขียวทั่วไปพอสมควร ดังนั้น ผู้ที่ต้องจำกัดหรือหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มคาเฟอีน เช่น คนที่มีปัญหานอนหลับยาก นอนไม่หลับเรื้อรัง, คนที่ไวต่อคาเฟอีน, คนที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงที่ควบคุมไม่ได้, ผู้ป่วยโรคหัวใจ, ผู้ที่มีอาการตื่นตระหนก หรือเป็นโรควิตกกังวล ควรระมัดระวังการดื่มมัทฉะด้วย ระวังการรับประทานมัทฉะในรูปแบบของหวานหรือขนมมากจนเกินไป นอกจากปริมาณคาเฟอีนที่ต้องกังวลแล้ว ยังมีแคลอรีจากส่วนประกอบอื่น ๆ ในขนมที่ร่างกายจะได้รับด้วย คนที่กำลังกินยาบางชนิด เช่น ยาลดความดันโลหิต ยาลดกรด ควรระวังการดื่มมัทฉะ เพราะคาเฟอีนในมัทฉะอาจมีปฏิสัมพันธ์กับยา ทำให้ประสิทธิภาพของยาเปลี่ยนแปลงไป เลือกมัทฉะคุณภาพดี ระวังมัทฉะปลอม มัทฉะที่แต่งสีแต่งกลิ่นด้วยสารสังเคราะห์ ไม่ได้สกัดจากธรรมชาติแท้ ๆ มัทฉะเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่มาแรงและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่ทั้งนี้ก็ควรบริโภคในปริมาณที่เหมาะสม และอย่าลืมใส่ใจการรับประทานอาหารในแต่ละวัน พยายามกินให้ครบ 5 หมู่ ตามหลักโภชนาการที่ดีด้วยนะคะ มัทฉะไม่ควรกินกับอะไร นม กาแฟ ใช่อาหารที่ไม่ควรกินคู่กันกับชาเขียวมัทฉะไหม ใครต้องระวัง กาแฟกับมัทฉะ ดื่มแก้วไหนดีกว่ากัน พร้อมเช็กประโยชน์ของเครื่องดื่มทั้งสองชนิด ผงชาเขียว ยี่ห้อไหนดี มัทฉะเลิฟเว่อร์ทั้งหลายไม่ควรพลาด 16 เมนูจากชาเขียว หลากสูตรความอร่อยโดนใจชาเขียวเลิฟเว่อร์ 7 เหตุผลดี ๆ ที่เราควรดื่มชาเขียวอย่างน้อยวันละถ้วย ชาเขียว ช่วยลดน้ำหนักได้ ถ้าดื่มด้วยวิธีนี้ ... ขอบคุณข้อมูลจาก : health.harvard.edu, healthline.com, healthline.com, foodaciously.com, pmc.ncbi.nlm.nih.gov, everydayhealth.com, sciplanet.org
แสดงความคิดเห็น