มัทฉะกับชาเขียวต่างกันยังไง พร้อม 6 เคล็ดลับกินมัทฉะให้ได้ประโยชน์

           มัทฉะกับชาเขียว ต่างกันยังไง มาไขข้อสงสัยของวงการชาให้กระจ่างชัด พร้อมเคล็ดลับกินมัทฉะให้ได้ประโยชน์อย่างแท้จริง
มัทฉะ

           มัทฉะ (Matcha) กำลังเป็นไวรัลในวงการชาเขียว และวงการเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ รวมไปถึงในกลุ่มคนที่ลดน้ำหนัก เพราะเป็นชาที่อร่อย แถมประโยชน์ของมัทฉะก็ถูกเลื่องลือมานาน ทว่าก็ยังมีหลายคนสงสัยว่ากินชาเขียวปกติแทนกันได้หรือไม่ วันนี้เราเลยจะเปิดข้อแตกต่างระหว่างมัทฉะกับชาเขียว และยังมีเคล็ดลับกินมัทฉะให้ได้ประโยชน์มาฝากด้วย

มัทฉะกับชาเขียว ต่างกันยังไง

มัทฉะกับชาเขียว ต่างกันยังไง

          มัทฉะ (Matcha) เป็นชาที่มาจากต้นชาที่มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Camellia sinensis เหมือนกับชาเขียว (Green Tea) แต่จะถูกปลูกในที่ร่ม ซึ่งจะช่วยเพิ่มคลอโรฟิลล์ เพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระ สารพฤกษเคมีบางชนิด และสารสำคัญอื่น ๆ ให้กับมัทฉะ

          นอกจากนี้กระบวนการผลิตมัทฉะกับชาเขียวก็แตกต่างกัน โดยมัทฉะจะนำใบชามาบดเป็นผงละเอียดเพื่อนำไปชงกับน้ำ แต่ชาเขียวจะถูกเก็บเกี่ยวและอบไอน้ำ จากนั้นนำไปคั่วจนแห้ง เวลาจะดื่มก็นำใบชาไปต้มกับน้ำร้อน แล้วสกัดเอาแต่น้ำชามาดื่ม ซึ่งจะแตกต่างจากมัทฉะที่เราจะได้ดื่มใบชาทั้งใบ ส่งผลให้คุณค่าทางโภชนาการและรสชาติของมัทฉะมีความแตกต่างจากชาเขียวไปด้วย

ประโยชน์ของมัทฉะ ดียังไง

ประโยชน์ของมัทฉะ

          มัทฉะที่เขาเลื่องลือกันมานาน มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ดังนี้

  • อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ : มัทฉะมีสารคาเทชิน โดยเฉพาะสาร EGCG (Epigallocatechin Gallate) มากกว่าชาเขียวถึง 3 เท่า และยังมีสารพฤกษเคมีชนิดต่าง ๆ เช่น คลอโรฟิลล์สูงอีกด้วย จึงมีประโยชน์ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์และป้องกันโรคต่าง ๆ อันมีสาเหตุมาจากอนุมูลอิสระ

  • เพิ่มพลังงาน : มัทฉะมีคาเฟอีนประมาณ 38-89 มิลลิกรัมต่อปริมาณมัทฉะ 8 ออนซ์ (ประมาณ 240 มิลลิลิตร) สูงกว่าชาเขียวทั่วไปที่มีคาเฟอีนราว ๆ 23-49 มิลลิกรัม ยิ่งเมื่อมาทำงานร่วมกับคาเทชิน จึงช่วยกระตุ้นการทำงานของสมองและเพิ่มพลังงาน ให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่าและมีสมาธิมากขึ้น

  • ช่วยเผาผลาญไขมัน : สารคาเทชินในมัทฉะมีส่วนช่วยกระตุ้นการเผาผลาญไขมัน และมีส่วนช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการออกกำลังกาย ส่งดีผลต่อการลดน้ำหนัก

  • ดีต่อสมองและช่วยผ่อนคลาย : มัทฉะมีแอล-ธีอะนีน (L-theanine) ที่มีผลต่อวงจรการทำงานของสมอง กระตุ้นให้เกิดคลื่นไฟฟ้าสมองชนิดหนึ่งที่เรียกว่า คลื่นอัลฟา (alpha waves) ที่เป็นคลื่นไฟฟ้าช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย จิตใจสงบ มีสมาธิ ลดความวิตกกังวล แต่ไม่ทำให้ง่วงนอน ซึ่งช่วยให้เราจดจ่อกับกิจกรรมที่กำลังทำได้ดีขึ้น

  • ดีต่อใจ : มีงานวิจัยพบว่า สารคาเทชิน ซึ่งเป็นสารในกลุ่มโพลีฟีนอล มีส่วนช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) และเพิ่มคอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL) ป้องกันการอักเสบในหลอดเลือด ซึ่งอาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด

          ถ้าเห็นประโยชน์แล้วอยากกินมัทฉะขึ้นมาทันใด ลองมาเก็บเคล็ดลับกินมัทฉะให้ได้ประโยชน์มากที่สุดกันก่อน

เคล็ดลับกินมัทฉะให้ได้ประโยชน์

           กินมัทฉะให้ได้ประโยชน์อย่างแท้จริง ทำได้ง่าย ๆ ตามนี้เลย

1. เลือกมัทฉะแท้คุณภาพดี

           เลือกซื้อมัทฉะจากร้านที่น่าเชื่อถือ มีคุณภาพ และได้มาตรฐานจาก อย. เพื่อให้ได้มัทฉะที่มีสารคาเทชินในปริมาณสูง ซึ่งสามารถเลือกมัทฉะ Ceremonial Grade สำหรับชงดื่ม หรือ Culinary Grade สำหรับทำอาหารหรือขนมก็ได้

2. ชงมัทฉะด้วยวิธีดั้งเดิม

วิธีชงมัทฉะ

           ตักผงมัทฉะประมาณ 1-2 ช้อนชา (ประมาณ 2-4 กรัม) ลงในถ้วยเซรามิกสำหรับชงชา จากนั้นนำน้ำอุณหภูมิประมาณ 70-80 องศาเซลเซียส เติมลงไป 2 ออนซ์ (ประมาณ 60 มิลลิลิตร) แล้วใช้ไม้ตีชา (Chasen) หรือตะกร้อมือตีให้ละลายจนเกิดฟองบาง ๆ ทั้งนี้สามารถเพิ่มหรือลดปริมาณผงมัทฉะได้ตามความเข้ม-ความอ่อนที่ต้องการ

3. ดื่มในปริมาณพอเหมาะ

           สามารถดื่มได้ประมาณ 1-2 แก้วต่อวัน หรือไม่เกิน 2 ช้อนชา เพื่อหลีกเลี่ยงการบริโภคคาเฟอีนมากเกินไปที่อาจทำให้เกิดอาการใจสั่นหรือนอนไม่หลับ อย่างไรก็ตาม ปริมาณการดื่มมัทฉะได้สูงสุดของแต่ละบุคคลอาจไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่ความไวของคาเฟอีน รวมถึงความสามารถในการกำจัดคาเฟอีนออกจากร่างกาย และสุขภาพโดยรวมของแต่ละคน จึงควรสังเกตตัวเองและดื่มในปริมาณที่พอเหมาะ

4. ปรุงแต่งให้น้อยที่สุด

มัทฉะเย็น

           หากต้องการความหวาน ควรใช้น้ำผึ้ง หรือสารให้ความหวานธรรมชาติ โดยพยายามปรุงแต่งให้น้อยที่สุดเท่าที่จะไหว เพื่อให้ได้ประโยชน์ของมัทฉะเต็มที่

5. หลีกเลี่ยงการผสมนม

           แม้มัทฉะผสมนมหรือมัทฉะลาเต้จะทำให้ดื่มมัทฉะได้ง่ายและอร่อยขึ้น ทว่าสูตรนี้จะทำให้ประสิทธิภาพของสารคาเทชินลดลง เพราะโปรตีนในนมจะทำปฏิกิริยากับสารคาเทชิน ดังนั้นเพื่อให้ร่างกายได้รับประโยชน์จากสารคาเทชินจากมัทฉะอย่างเต็มที่ ควรดื่มมัทฉะเพียว ๆ หรือปรุงรสให้น้อยที่สุดจะดีกว่า หรือถ้าอยากดื่มมัทฉะผสมนมจริง ๆ แนะนำให้เลือกนมไขมันต่ำ หรือใช้นมจากพืช เช่น นมถั่วเหลือง นมอัลมอนด์ ซึ่งมีโปรตีนน้อยกว่านมวัว

6. มัทฉะกินตอนไหนดี ควรรู้ให้ชัด

           มัทฉะเป็นเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนช่วยกระตุ้นความกระปรี้กระเปร่า ดังนั้นแนะนำให้ดื่มมัทฉะตอนเช้าหรือบ่าย เพื่อเพิ่มพลังงานและสมาธิ และหลีกเลี่ยงการดื่มก่อนนอนเพราะอาจรบกวนการนอนหลับได้

ข้อควรระวังในการกินมัทฉะ

มัทฉะ โทษ

          ประโยชน์ของมัทฉะน่าสนใจก็จริง แต่ในการกินมัทฉะก็มีข้อควรระวังที่ไม่อยากให้มองข้าม เช่น

  • มัทฉะมีคาเฟอีนสูงกว่าชาเขียวทั่วไปพอสมควร ดังนั้นผู้ที่ต้องจำกัดหรือหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มคาเฟอีน เช่น คนที่มีปัญหานอนหลับยาก นอนไม่หลับเรื้อรัง, คนที่ไวต่อคาเฟอีน, คนที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงที่ควบคุมไม่ได้, ผู้ป่วยโรคหัวใจ, ผู้มีอาการตื่นตระหนก หรือเป็นโรควิตกกังวล ควรระมัดระวังการดื่มมัทฉะด้วย

  • ระวังการรับประทานมัทฉะในรูปแบบของหวานหรือขนมมากจนเกินไป ซึ่งนอกจากปริมาณคาเฟอีนที่ต้องกังวลแล้ว ยังมีแคลอรีจากส่วนประกอบอื่น ๆ ในขนมที่ร่างกายจะได้รับด้วย

  • คนที่กำลังกินยาบางชนิด เช่น ยาลดความดันโลหิต ยาลดกรด ควรระวังการดื่มมัทฉะ เพราะคาเฟอีนในมัทฉะอาจมีปฏิสัมพันธ์กับยา ทำให้ประสิทธิภาพของยาเปลี่ยนแปลงไป

  • เลือกมัทฉะคุณภาพดี ระวังมัทฉะปลอม มัทฉะที่แต่งสีแต่งกลิ่นด้วยสารสังเคราะห์ ไม่ได้สกัดจากธรรมชาติแท้ ๆ

           มัทฉะเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่มาแรงและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่ทั้งนี้ก็ควรบริโภคในปริมาณที่เหมาะสม และอย่าลืมใส่ใจการรับประทานอาหารในแต่ละวัน พยายามกินให้ครบ 5 หมู่ตามหลักโภชนาการที่ดีด้วยนะคะ

บทความที่เกี่ยวข้องกับชาเขียว

ขอบคุณข้อมูลจาก : health.harvard.edu, healthline.com, foodaciously.com, pmc.ncbi.nlm.nih.gov
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
มัทฉะกับชาเขียวต่างกันยังไง พร้อม 6 เคล็ดลับกินมัทฉะให้ได้ประโยชน์ อัปเดตล่าสุด 16 มกราคม 2568 เวลา 18:06:02 19,711 อ่าน
TOP
x close