
กาแฟ ประโยชน์ที่ทำทุกคนติดใจ

ในที่นี้จะกล่าวถึงประโยชน์ของกาแฟดำเพียว ๆ ซึ่งมีสรรพคุณดังนี้
-
กาแฟดำมีสารอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ทั้งวิตามินบี 2 สารโพลีฟีนอลต่าง ๆ และคาเฟอีนที่หากดื่มอย่างเหมาะสมก็ช่วยกระตุ้นความตื่นตัวให้ร่างกายได้
-
คาเฟอีนในกาแฟดำช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดในสมอง ส่งผลให้ร่างกายมีสมาธิและเพิ่มความสามารถในการจดจำ
-
มีการศึกษาพบว่า การดื่มกาแฟดำจะช่วยเพิ่มการเผาผลาญพลังงานของร่างกาย รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพในการออกกำลัง ด้วยการต่อต้านความเหนื่อยล้า จึงช่วยส่งเสริมการลดน้ำหนัก
-
การดื่มกาแฟดำมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงภาวะซึมเศร้า เนื่องจากมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปรับปรุงอารมณ์ และอาจมีส่วนช่วยในการปกป้องเซลล์ประสาทสมองที่เกี่ยวข้องกับภาวะซึมเศร้า
-
สารต้านอนุมูลอิสระอย่างกรดคลอโรจีนิกในกาแฟดำมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวานชนิดที่ 2 โรคหัวใจ ส่วนสารต้านอนุมูลอิสระชนิดอื่น ๆ ก็มีส่วนช่วยลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง พาร์กินสัน และโรคอัลไซเมอร์ เป็นต้น
ประโยชน์ของกาแฟดีต่อสุขภาพประมาณนี้ ต่อไปมาส่องประโยชน์ของมัทฉะกันบ้าง
มัทฉะ ประโยชน์ที่ทุกคนหลงใหล

ประโยชน์ของมัทฉะที่ดันให้กลายเป็นเครื่องดื่มสุดฮิตในปัจจุบัน ได้แก่
-
มัทฉะเป็นแหล่งที่ดีของสารต้านอนุมูลอิสระ โดยเฉพาะสารคาเทชิน EGCG ที่เก่งในเรื่องเผาผลาญไขมัน กระตุ้นให้ร่างกายดึงพลังงานไปใช้ จึงมีส่วนช่วยเรื่องการลดน้ำหนัก
-
สารคาเทชินและฟลาโวนอยด์ในมัทฉะช่วยลดคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) และเพิ่มคอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL) อีกทั้งช่วยให้หลอดเลือดขยายตัวดีขึ้น ป้องกันการเกิดลิ่มเลือด จึงมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด
-
คาเทชินยังมีคุณสมบัติยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่ทำให้เกิดกลิ่นปากและลดการอักเสบในช่องปาก
-
มัทฉะอุดมไปด้วยคลอโรฟิลล์ที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระตัวตึงชนิดหนึ่ง มีส่วนช่วยปกป้องเซลล์ร่างกายไม่ให้ถูกอนุมูลอิสระทำลาย มีส่วนช่วยลดการอักเสบในร่างกาย และคอยจับสารพิษที่ตกค้างในร่างกายแล้วขับออก
-
มัทฉะมีคาเฟอีนที่ช่วยกระตุ้นความตื่นตัวให้ร่างกาย และเพิ่มสมาธิให้สมองทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
-
มัทฉะมีสารแอลธีอะนีน (L-theanine) ซึ่งช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายและมีสมาธิ ลดความเครียดและความวิตกกังวล
ได้ทราบประโยชน์ของมัทฉะและกาแฟกันแล้ว ถัดมาจะลองเปรียบเทียบมัทฉะกับกาแฟให้ดูกันชัด ๆ
มัทฉะ VS กาแฟ
เปรียบเทียบให้เห็นชัด ๆ
1. สารอาหารและพลังงาน

2. ปริมาณคาเฟอีน
คาเฟอีนในกาแฟกับมัทฉะค่อนข้างแตกต่างกัน โดยถ้าเทียบในปริมาณผง 1 กรัมเท่ากัน กาแฟจะมีคาเฟอีนอยู่ 10-12 มิลลิกรัม ส่วนมัทฉะมีปริมาณ 19-44 มิลลิกรัม ตรงนี้อาจจะเห็นว่ามัทฉะมีคาเฟอีนต่อกรัมมากกว่า
แต่ในความเป็นจริง ปริมาณ 1 เสิร์ฟที่เราดื่มกาแฟจะอยู่ที่ 240 มิลลิลิตร และใช้กาแฟประมาณ 7-10 กรัม ดังนั้น กาแฟ 1 เสิร์ฟ จะมีคาเฟอีนราว ๆ 70-120 มิลลิกรัม (ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 95-96 มิลลิกรัม) ในขณะที่มัทฉะ 1 เสิร์ฟ ปริมาณ 60 มิลลิลิตร ใช้ผงมัทฉะ 2 กรัม จะมีคาเฟอีนราว ๆ 38-88 มิลลิกรัมเท่านั้น โดยปริมาณคาเฟอีนก็ขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของผงมัทฉะและปริมาณที่ใช้ชงด้วย
จากข้อมูลนี้เห็นได้ชัดว่าในปริมาณ 1 แก้วมาตรฐานที่เราดื่ม มัทฉะมีคาเฟอีนน้อยกว่ากาแฟดำกว่าครึ่ง ที่สำคัญก็คือ คาเฟอีนในมัทฉะยังไม่ทำให้เสพติดเหมือนกาแฟ เวลาไม่ได้ดื่มก็ไม่ทำให้รู้สึกหงุดหงิดหรือปวดศีรษะ อีกทั้งกรดอะมิโนแอลธีอะนีนที่มีอยู่ในมัทฉะยังสามารถช่วยลดผลข้างเคียงจากคาเฟอีนได้อีกทาง เมื่อดื่มมัทฉะจึงจะไม่มีอาการใจสั่น กระสับกระส่าย เหมือนผลข้างเคียงจากการดื่มกาแฟที่บางคนได้รับ3. ความสามารถในการปลุกความตื่นตัว

กาแฟมีคาเฟอีนสูงกว่าและดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดได้เร็ว ทำให้ร่างกายตื่นตัวอย่างรวดเร็วภายใน 15-30 นาที แต่ความรู้สึกกระปรี้กระเปร่าแบบนี้จะอยู่ได้ไม่นาน ในเวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมงหลังจากดื่มกาแฟจึงอาจรู้สึกง่วงซึมได้ จนหลายคนต้องดื่มกาแฟวันละหลายแก้ว
ส่วนมัทฉะที่มีคาเฟอีนต่ำกว่า แม้จะกระตุ้นความตื่นตัวช้ากว่ากาแฟ แต่ก็มีแอลธีอะนีนช่วยให้ร่างกายดูดซึมคาเฟอีนอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยสามารถออกฤทธิ์ได้นานถึง 4-6 ชั่วโมง ความรู้สึกตื่นตัวจึงคงที่และยาวนานกว่า และช่วยให้มีสมาธิโดยไม่ทำให้ง่วงนอน ดื่มแก้วเดียวก็เอาอยู่ อีกทั้งยังสามารถลดอาการข้างเคียงของคาเฟอีนอย่างอาการใจสั่นได้อีกด้วย4. สารต้านอนุมูลอิสระ
ถ้าพูดถึงสารต้านอนุมูลอิสระ ทั้งคู่ต่างก็เป็นแหล่งของโพลีฟีนอลเหมือนกัน แต่เป็นคนละประเภท โดยในกาแฟมีโพลีฟีนอลที่เรียกว่า กรดคลอโรจีนิก ที่มีส่วนช่วยลดอาการอักเสบ ต้านอนุมูลอิสระที่เป็นอันตราย และยังมีงานวิจัยที่พบว่าช่วยลดความเสี่ยงโรคเบาหวานชนิดที่ 2 และโรคหัวใจ
ส่วนมัทฉะจะมีสารต้านอนุมูลอิสระโพลีฟีนอลตัวจี๊ดในกลุ่มคาเทชิน โดยเฉพาะ ECGC ที่มีอยู่มากกว่าชาเขียว เพราะใช้วิธีการผลิตแบบปลูกในร่ม และบดใบชาทั้งใบ จึงได้สารพฤกษศาสตร์ที่เก่งในเรื่องลดการอักเสบ กระตุ้นการเผาผลาญพลังงาน และป้องกันโรคเรื้อรังที่เกิดจากสารอนุมูลอิสระต่าง ๆ
5. การเพิ่มระดับคอเลสเตอรอล

จากข้อมูลสารอาหารจะเห็นได้ว่ากาแฟมีไขมันอยู่บ้าง ซึ่งหากดื่มกาแฟแบบไม่ได้กรองกาแฟ ร่างกายก็จะได้ไขมันส่วนนี้เพิ่มไปด้วย นอกจากนี้ในกาแฟยังมีสารในกลุ่มไดเทอร์พีน เช่น คาเฟสตอล และคาเวออล ซึ่งส่งผลให้ระดับคอเลสเตอรอล (LDL) ในเลือดสูงขึ้นได้ ดังนั้น คนที่มีภาวะไขมันในเลือดสูงอาจต้องระวังการดื่มกาแฟที่ไม่ได้ผ่านการกรอง รวมถึงกาแฟที่เติมครีมเทียม นม นมข้น และปรุงรสจนหวานจัด
ในขณะที่การดื่มมัทฉะ มีการศึกษาว่าอาจช่วยลดไขมันเลวในเลือดได้ เนื่องจากสารต้านอนุมูลอิสระคาเทชินที่ช่วยลดไขมันเลว เพิ่มไขมันดี ยังมีส่วนกระตุ้นการเผาผลาญไขมันอีกด้วย ฉะนั้นต่อให้มีภาวะไขมันในเลือดสูงก็ดื่มมัทฉะได้ แต่ควรดื่มแบบเพียว ๆ ไม่ใส่น้ำตาล ไม่เติมครีมเทียม นม หรือท็อปปิ้งอื่น ๆ ที่อาจเพิ่มแคลอรีให้มัทฉะ
มัทฉะ VS กาแฟ แก้วไหนดีกว่ากัน

กาแฟและมัทฉะต่างก็มีประโยชน์ต่อสุขภาพเด่นกันคนละอย่าง ขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละคน เช่น หากต้องการเติมคาเฟอีนเพื่อลดความง่วง หรือเพื่อคลายความเหนื่อยล้า การดื่มกาแฟที่คาเฟอีนเข้มข้นกว่าก็จะตอบโจทย์ตรงนี้ได้ดีกว่าการดื่มมัทฉะ
ทว่าองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) ก็แนะนำให้จำกัดการกินคาเฟอีนไม่เกิน 400 มิลลิกรัมต่อวัน ดังนั้นก็จะดื่มกาแฟได้ไม่เกินวันละ 3-4 แก้วโดยประมาณ เพราะหากร่างกายได้รับคาเฟอีนเกินขนาดอาจมีอาการนอนไม่หลับ เกิดการเสพติดกาแฟ หรือมีอาการปวดหัวเมื่อไม่ได้ดื่ม อีกทั้งยังมีอาการถอนกาแฟหากอยากจะเลิกดื่มขึ้นมา รวมไปถึงอาจมีกลิ่นปากเป็นกลิ่นกาแฟ พร้อมคราบเหลืองบนฟันจากการดื่มกาแฟเป็นประจำได้อีกด้วย
ส่วนมัทฉะมีคาเฟอีนน้อยกว่า ดื่มแล้วอาจช่วยให้ตื่นตัวเบา ๆ แต่ตื่นตัวได้นาน และไม่กระตุ้นประสาทเหมือนกาแฟ ไม่เสี่ยงต่อการเสพติด ที่สำคัญยังมีสารต้านอนุมูลอิสระชนิดโพลีฟีนอลในกลุ่มคาเทชิน ร่วมกับแอลธีอะนีนที่ให้ประโยชน์เด่นในเรื่องสมาธิ ความจำ ป้องกันอาการกระสับกระส่ายที่เกิดจากการดื่มกาแฟ
นอกจากนี้มัทฉะยังดีต่อสุขภาพช่องปากในด้านช่วยลดกลิ่นปาก ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของน้ำลาย ดีต่อการขจัดแบคทีเรียและคราบอาหารติดค้าง แต่อย่างไรก็ตาม มัทฉะก็เป็นชาที่มีสารออกซาเลตสูงกว่าชาเขียวทั่วไป คนที่เป็นโรคนิ่วในไตควรปรึกษาแพทย์ก่อนดื่มมัทฉะ
ทั้งนี้ มัทฉะมีราคาค่อนข้างสูงและหาซื้อยากกว่ากาแฟ โดยเฉพาะหากต้องการมัทฉะคุณภาพดี ๆ ก็ต้องสู้กับค่าตัวของเขากันหน่อย
กาแฟกับมัทฉะ เหมาะกับใคร
สรุปว่าเครื่องดื่มแต่ละชนิด เหมาะกับใคร ยังไง ลองมาดู
กาแฟ
-
คนที่มีอาการเหนื่อยล้า หรือต้องการความสดชื่นตื่นตัวแบบรวดเร็วเพื่อเคลียร์งานด่วน หรืออยากโต้รุ่งอ่านหนังสือสอบ ทำภารกิจสำคัญ ก็เลือกดื่มกาแฟดำได้เลย
-
คนที่หลงใหลในกลิ่นอโรมาของกาแฟดำ แค่ได้กลิ่นก็ปลุกความสดชื่นได้ ก็เลือกดื่มกาแฟดำดีกว่า
-
คนที่ติดคาเฟอีน ถ้าไม่กินแล้วปวดหัว เคสนี้ก็จำเป็นต้องจัดกาแฟเป็นประจำ
มัทฉะ
-
เหมาะสำหรับคนที่ต้องการพลังงาน ความตื่นตัว และมีสมาธิยาวไปตลอดวัน การดื่มมัทฉะจะออกฤทธิ์ได้นาน และช่วยเพิ่มสมาธิในการทำงาน
-
คนที่ไม่สนิทกับคาเฟอีนเท่าไร แต่ต้องการคาเฟอีนเพื่อความตื่นตัวบ้าง การดื่มมัทฉะก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ
-
คนที่ต้องการหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงจากคาเฟอีนในกาแฟก็เปลี่ยนมาดื่มมัทฉะแทนได้
-
คนที่เป็นกรดไหลย้อน ดื่มกาแฟแล้วอาการกำเริบ ก็อาจเปลี่ยนมาดื่มมัทฉะที่มีคาเฟอีนน้อยกว่า มีกรดน้อยกว่า อ่อนโยนกับกระเพาะอาหารมากกว่าได้เช่นกัน
บทความที่เกี่ยวข้องกับกาแฟและมัทฉะ
- มัทฉะกับชาเขียวต่างกันยังไง พร้อม 6 เคล็ดลับกินมัทฉะให้ได้ประโยชน์
- หมอไขปริศนาปัญหาโลกแตก กาแฟดำกับชาเขียวเพียว อันไหนดีต่อสุขภาพกว่ากัน เห็นชัดเลย
- 9 ข้อดีของกาแฟ ดื่มอย่างเหมาะสมสุขภาพก็แจ่มใส
- กาแฟไม่ควรกินคู่กับอะไร ไข่ต้ม กล้วย กินพร้อมกับกาแฟได้ไหม
- ป่วยโรคไหนควรเลี่ยงกาแฟให้ไกล เพื่อความปลอดภัย อาการไม่กำเริบ