บัตรทองต้องใช้ใบส่งตัวไหม ใครที่จะไปรักษาตัวในสถานพยาบาลอื่น ๆ อยากชวนมาทำความเข้าใจเรื่องการขอใบส่งตัวบัตรทองให้ชัดเจน บัตรทอง หรือ สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ที่หลายคนมักเรียกว่า "30 บาทรักษาทุกโรค" เป็นสิทธิการรักษาพยาบาลขั้นพื้นฐานของคนไทยส่วนใหญ่ในประเทศ ซึ่งแต่เดิมจะใช้สิทธิได้เฉพาะสถานพยาบาลประจำตัว ทว่าตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 เป็นต้นไป เราสามารถใช้บัตรประชาชนใบเดียวเข้ารับบริการได้ทุกที่ในเครือข่ายหน่วยบริการของ สปสช. ทั่วประเทศ ตามนโยบาย "30 บาทรักษาทุกที่" คำถามก็คือ หากไปรักษาตัวที่สถานพยาบาลอื่น ๆ จะต้องขอใบส่งตัวหรือไม่ แบบไหนต้องใช้ใบส่งตัวบ้าง… คำตอบอยู่ด้านล่างนี้แล้ว หากใครเจ็บป่วยด้วย 6 กรณีต่อไปนี้ สามารถใช้สิทธิบัตรทอง 30 บาทได้เลย โดยไม่ต้องใช้ใบส่งตัว แต่สามารถใช้บัตรประชาชนยืนยันตัวตนแทนได้ สำหรับคนที่มีอาการเจ็บป่วยฉุกเฉิน หรือประสบอุบัติเหตุระหว่างเดินทางสามารถเข้ารักษาได้ที่โรงพยาบาลรัฐทุกแห่งที่เข้าร่วมระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ คือ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ศูนย์สุขภาพชุมชน โรงพยาบาลชุมชนประจำอำเภอ โรงพยาบาลรัฐประจำจังหวัด ศูนย์บริการสาธารณสุขในพื้นที่ กทม. คลินิกชุมชนอบอุ่น โรงพยาบาลเอกชนที่ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สามารถใช้สิทธิรักษาในโรงพยาบาลรัฐและเอกชนได้ทุกที่ตามสิทธิ UCEP ในกรณีที่มีอาการเข้าข่ายเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤตถึงแก่ชีวิต 6 อาการต่อไปนี้ 1. หมดสติ ไม่รู้สึกตัว ไม่หายใจ 2. หายใจเร็ว หอบเหนื่อยรุนแรง หายใจติดขัดมีเสียงดัง 3. เจ็บหน้าอกเฉียบพลันรุนแรง 4. ซึมลง เหงื่อแตก ตัวเย็น หรือมีอาการชักร่วม 5. แขนขาอ่อนแรงครึ่งซีก พูดไม่ชัดแบบปัจจุบันทันด่วน หรือชักต่อเนื่องไม่หยุด 6. มีอาการอื่นร่วมที่มีผลต่อการหายใจ ระบบการไหลเวียนโลหิต และระบบสมอง ที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต กรณีเจ็บป่วยเล็กน้อย 32 อาการ และไม่ต้องการไปโรงพยาบาล สามารถใช้สิทธิ 30 บาทรักษาทุกที่ เข้ารักษาได้โดยไม่ต้องใช้ใบส่งตัว แต่ใช้เพียงบัตรประชาชน ดังนี้ หน่วยบริการปฐมภูมิ (ได้ทุกแห่ง) กทม. ได้แก่ ศูนย์บริการสาธารณสุข คลินิกชุมชนอบอุ่น ต่างจังหวัด ได้แก่ รพ.สต. สถานีอนามัย ศูนย์สุขภาพชุมชน รพ.รัฐประจำอำเภอหรือจังหวัด (สังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข) ร้านยาและคลินิกเอกชน (ร้านที่เข้าร่วมโครงการจะมีสัญลักษณ์ 30 บาทรักษาทุกที่) ร้านยาคุณภาพ คลินิกหมอ (คลินิกเวชกรรม) เจ็บ ไข้ ไอ ปวด รับบริการตรวจรักษาโรคทั่วไป แบบผู้ป่วยนอก กรณีเจ็บป่วยเล็กน้อย 42 อาการ สามารถใช้สิทธิ 30 บาทรักษาทุกที่ เข้ารักษาได้ตามหน่วยบริการดังต่อไปนี้ โดยไม่ต้องใช้ใบส่งตัว คลินิกเวชกรรม 30 บาทรักษาทุกที่ แอปพลิเคชันหาหมอออนไลน์ที่เข้าร่วมกับ สปสช. และจัดส่งยาให้ถึงบ้าน ปัจจุบันมี 3 แอปฯ ได้แก่ 1. แอปพลิเคชัน Clicknic (คลิกนิก) โดยคลิกนิกเฮลท์คลินิกเวชกรรม สอบถามเพิ่มเติม ไลน์ไอดี @clicknic 2. แอปพลิเคชัน Mordee (หมอดี) โดยชีวีบริรักษ์ คลินิกเวชกรรม สอบถามเพิ่มเติม ไลน์ไอดี @mordeeapp 3. แอปพลิเคชัน Saluber MD (ซาลูเบอร์ เอ็ม ดี) โดยสุขสบายคลินิกเวชกรรม สอบถามเพิ่มเติม ไลน์ไอดี @smdthailand ตู้ห่วงใย ที่ตั้งตามจุดชุมชนต่าง ๆ (เช็กพิกัดตู้ห่วงใย ที่นี่) จากนโยบาย "มะเร็งรักษาทุกที่" (Cancer Anywhere) ช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ป่วยโรคมะเร็งสามารถเลือกโรงพยาบาลที่มีศักยภาพในการรักษามะเร็งได้เอง (ต้องเป็นโรงพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการ) และไม่ต้องใช้ใบส่งตัว ใช้เพียงบัตรประชาชนใบเดียว อย่างไรก็ตาม เฉพาะการรักษาครั้งแรกที่สถานพยาบาลแห่งใหม่จะต้องนำใบสรุปการรักษาหรือใบส่งข้อมูลผู้ป่วยไปติดต่อที่สถานพยาบาลแห่งใหม่ก่อน หลังจากนั้นก็ไม่ต้องใช้ใบส่งตัวจากต้นสังกัด สามารถรักษามะเร็งได้จนกว่าจะสิ้นสุดการรักษา นอกจากอาการเจ็บป่วยทั่วไป ยังมีบริการอื่น ๆ ที่ผู้ป่วยสามารถใช้สิทธิได้ทุกหน่วยที่เข้าร่วมกับ สปสช. โดยไม่ต้องใช้ใบส่งตัว ได้แก่ คลินิกหมอฟัน (คลินิกทันตกรรม) อุดฟัน ถอนฟัน ขูดหินปูน เคลือบหลุมร่องฟัน เคลือบฟลูออไรด์ (ปีละ 3 ครั้ง) คลินิกพยาบาล ทำแผล ล้างแผล ล้างตา ล้างจมูก เปลี่ยนสายให้อาหาร ฉีดยาตามแผนการรักษาของแพทย์ และตรวจรักษาโรคเบื้องต้น 32 กลุ่มอาการ คลินิกกายภาพบำบัด ฟื้นฟูผู้ป่วย 4 กลุ่มโรค (ในช่วง 6 เดือนแรกหลังพ้นวิกฤต) ได้แก่ โรคหลอดเลือดสมอง สมองได้รับบาดเจ็บ ไขสันหลังได้รับบาดเจ็บ กระดูกสะโพกหัก คลินิกแพทย์แผนไทย นวด ประคบ อบสมุนไพร เพื่อการรักษา และฟื้นฟูสมรรถภาพ 4 กลุ่ม ได้แก่ โรคอัมพฤกษ์ โรคอัมพาต โรคสันนิบาต และฟื้นฟูสุขภาพมารดา หลังคลอด คลินิกเทคนิคการแพทย์ ตรวจแล็บ-เจาะเลือด 22 รายการตามใบแพทย์สั่งตรวจจากโรงพยาบาลที่ให้การรักษา เช่น ตรวจความเข้มข้นและความผิดปกติของเม็ดเลือด ตรวจระดับไขมัน ระดับน้ำตาล ตรวจการทำงานของตับ ไต เป็นต้น กรณีที่ต้องใช้ใบส่งตัวจะมีเพียงกรณีเดียวคือ เมื่อเจ็บป่วยแล้วเข้ารักษาที่สถานพยาบาลตามสิทธิ หากเป็นอาการที่เกินศักยภาพในการรักษา เช่น ต้องใช้เครื่องมือพิเศษ หรือเป็นโรคที่ต้องรักษาโดยแพทย์เฉพาะทางที่ไม่มีในโรงพยาบาลประจำ ฯลฯ ผู้ป่วยจะถูกส่งต่อไปยังสถานพยาบาลที่รับการส่งต่อ เช่น รักษาตัวที่คลินิกชุมชนอบอุ่น แล้วส่งตัวต่อไปยังโรงพยาบาลที่รับส่งต่อ รักษาตัวที่โรงพยาบาลประจำอำเภอ แล้วส่งไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลประจำจังหวัด กรณีนี้ผู้ป่วยต้องใช้ใบส่งตัว เพื่อเป็นเอกสารให้สถานพยาบาลที่รับการส่งต่อรับทราบและรักษาตามขั้นตอนต่อไป สำหรับผู้ป่วยที่ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล ปัจจุบันไม่จำเป็นต้องกลับไปขอใบส่งตัวที่สถานพยาบาลประจำตัว เพราะสามารถใช้บัตรประชาชนยืนยันตัวตนได้เลย สถานพยาบาลที่รักษาประจำจะเป็นผู้พิจารณา หากมีความจำเป็นต้องส่งตัวผู้ป่วยไปรักษาต่อยังสถานพยาบาลแห่งอื่น จะดำเนินการออกใบส่งตัวให้ โดยผู้ป่วยสามารถนำใบส่งตัวพร้อมบัตรประชาชนไปติดต่อสถานพยาบาลแห่งใหม่เพื่อรักษาได้เลย การทำความเข้าใจสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ของบัตรทอง จะช่วยให้เราสามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว หรือหากใครมีข้อสงสัยว่าเคสของเราต้องใช้ใบส่งตัวหรือไม่ แนะนำให้สอบถามเพิ่มเติมที่สายด่วน สปสช. 1330 ข่าวดี ! 30 บาทรักษาทุกที่ เพิ่มสิทธิ์บัตรทอง บริการรถรับ-ส่งฟรี ผู้ป่วยมะเร็ง ประกันสังคม VS บัตรทอง ให้สิทธิประโยชน์ทำฟันต่างกันอย่างไร รักษาอะไรฟรี หรือต้องจ่ายเอง ! บัตรทอง 30 บาทรักษาทุกที่ ปี 2568 รักษาที่ไหนได้บ้าง ใช้นอกพื้นที่ได้ไหม มีประกันสังคมใช้บัตรทองได้ไหม อยากเปลี่ยนมาใช้สิทธิบัตรทองต้องทำยังไง ? บัตรทองทำยังไง ทำที่ไหน ปี 2568 พร้อมวิธีย้ายสิทธิบัตรทอง หรือบัตร 30 บาท ด้วยตนเอง สิทธิบัตรทองต้องรู้ ! เช็ก 32 อาการป่วย รับยาฟรีที่ร้านยาชุมชนอบอุ่นทั่วประเทศ ขอขอบคุณข้อมูลและภาพจาก : สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (1), (2), (3), เฟซบุ๊ก สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
แสดงความคิดเห็น