x close

มะรุม สรรพคุณดียังไง รักษาโรคอะไรได้บ้าง

          มะรุม ที่หลายคนรู้จักดีในฐานะผักในแกงส้ม และอาจจะเคยเห็นเป็นชาใบมะรุมหรือสมุนไพรไทยบรรเทาอาการป่วยอยู่บ้าง แล้วอยากรู้ให้มากกว่านี้ไหมว่ามะรุมสรรพคุณดียังไง

          ถ้าพูดถึงสมุนไพรไทย มะรุม ก็จัดว่าเป็นตัวท็อปในวงการอยู่เหมือนกัน เพราะนอกจากจะนำมะรุมมาทำเมนูต่าง ๆ แล้ว เราก็ยังเห็นมะรุมในรูปแบบยาสมุนไพร หรือชาสมุนไพรด้วย แสดงว่าประโยชน์ของมะรุม ต้องมีดีอยู่พอตัวแหละ งั้นมาเจาะลึกกับสมุนไพรที่ชื่อว่ามะรุมกันเลยไหม


* มะรุม มีที่มา

          มะรุม มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Moringa oleifera Lam. อยู่ในวงศ์  Moringaceae เป็นพืชกำเนิดแถบใต้เชิงเขาหิมาลัย เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางที่ถูกปลูกไว้ในบริเวณบ้านไทยมาแต่โบราณ ต้นมะรุมพบได้ทุกภาคในประเทศไทย ชื่อมะรุมนี้ เป็นคำเรียกของชาวภาคกลาง หากเป็นทางภาคเหนือจะเรียกว่า "ผักมะค้อนก้อม" ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือเรียก "ผักอีฮุม หรือผักอีฮึม" ชาวกะเหรี่ยงแถบกาญจนบุรีเรียก "กาแน้งเดิง" ส่วนชาวฉานแถบแม่ฮ่องสอนเรียก "ผักเนื้อไก่" เป็นต้น

* ลักษณะต้นมะรุม

มะรุม

          มะรุม เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง สูง 3-4 เมตร ทรงต้นโปร่ง ใบเป็นแบบขนนก หรือคล้ายกับใบมะขามออกเรียงแบบสลับกัน ผิวใบสีเขียว ด้านล่างสีจะอ่อนกว่าด้านบน ดอกออกเป็นช่อสีขาว กลีบดอกมี 5 กลีบ ผลหรือฝักมีความยาว 20-50 เซนติเมตร ลักษณะเหมือนไม้ตีกลอง เปลือกผลหรือฝักเป็นสีเขียวมีส่วนคอด และส่วนมนเป็นระยะตามความยาวของฝัก ฝักแก่มีผิวเปลือกเป็นสีน้ำตาล เมล็ดมีเยื่อหุ้มกลมเป็นสีน้ำตาล มีขนาดเล็ก เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 เซนติเมตร  

          มะรุม เป็นพืชที่ปลูกง่าย เจริญเติบโตได้ดีในดินทุกชนิด ต้องการน้ำและความชื้นปานกลาง ขยายพันธุ์ได้ด้วยการเพาะเมล็ดและการปักชำ การปลูกและการดูแลรักษาก็ง่ายไม่ยุ่งยากซับซ้อน เกษตรกรจึงมักนิยมปลูกมะรุมไว้ริมรั้วบ้านหรือหลังบ้าน 1-5 ต้น เพื่อให้เป็นผักคู่บ้านคู่ครัวแบบพอเพียงที่ไม่ต้องซื้อหา


* คุณค่าทางโภชนาการของมะรุม

          กองโภชนาการ กรมอนามัย แสดงคุณค่าทางโภชนาการของฝักมะรุม ปริมาณ 100 กรัม ดังนี้

          - พลังงาน 37 กิโลแคลอรี

          - น้ำ 89.9 กรัม

          - โปรตีน 2.2 กรัม

          - ไขมัน 0.2 กรัม

          - คาร์โบไฮเดรต 6.6 กรัม

          - ใยอาหาร (Crude fiber) 1.2 กรัม

          - เถ้า 1.1 กรัม

          - แคลเซียม 9 มิลลกรัม

          - ฟอสฟอรัส 26 มิลลิกรัม

          - ธาตุเหล็ก 1.5 มิลลิกรัม

          - วิตามินเอ 53 ไมโครกรัม

          - ไทอะมิน 0.05 มิลลิกรัม

          - ไรโบฟลาวิน 0.05 มิลลิกรัม

          - ไนอะซิน 0.6 มิลลิกรัม

          - วิตามินซี 262 มิลลิกรัม

          นอกจากนี้ยังมีการค้นคว้าและวิจัยอย่างกว้างขวางที่จะนำพืชชนิดนี้มาใช้รักษาความเจ็บป่วยของมนุษย์ เนื่องจากมะรุมเป็นพืชที่มีธาตุอาหารปริมาณสูงมาก นั่นคือ 

          - มีโปรตีน สูงกว่านมสด 2 เท่า

          - มีวิตามินเอ มากกว่าแครอต 3 เท่า  

          - มีวิตามินซี 7 เท่าของส้ม  

          - มีแคลเซียม 3 เท่าของนมสด  

          - มีโพแทสเซียม 3 เท่าของกล้วย  

          - มีใยอาหารและพลังงานไม่สูงมาก เหมาะกับผู้ที่ควบคุมน้ำหนัก  

* มะรุม สรรพคุณดียังไง รักษาโรคอะไรได้บ้าง

มะรุม

          มะรุม เป็นสมุนไพรไทยที่อยู่ในตำรับยาพื้นบ้าน โดยแต่ละส่วนของต้นมะรุมยังมีสรรพคุณเฉพาะทางที่สามารถใช้เป็นยาได้ ดังนี้

          - ราก มีรสเผ็ด หวาน ขม แก้อาการบวม บำรุงไฟธาตุ

          - เปลือกจากลำต้น มีรสร้อน นำมาสับให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ ใส่ผ้าห่อทำเป็นลูกประคบนึ่งให้ร้อน นำมาใช้ประคบ แก้โรค ปวดหลัง ปวดตามข้อ ได้เป็นอย่างดี รับประทานเป็นยาขับลมในลำไส้ ทำให้ผายลมหรือเรอ คุมธาตุอ่อน ๆ (ตัดต้นลมดีมาก) แพทย์ตามชนบทจะใช้เปลือกมะรุมสด ๆ ตำบุบพอแตก ๆ อมไว้ข้างแก้ม แล้วดื่มสุราจะไม่รู้สึกเมา

          - กระพี้ แก้ไข้สันนิบาตเพื่อลม

          - ใบสด มีวิตามินซีสูง ช่วยแก้เลือดออกตามไรฟัน แก้เยื่อเมือกอักเสบ ใบสดมีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อน ๆ มีแคลเซียม แร่ธาตุและสารต้านอนุมูลอิสระสูงมาก นอกจากนี้ยังมีการค้นพบว่า ใบมะรุมมีโปรตีนสูงกว่านมสด 2 เท่า การกินใบมะรุมตามชนบทของประเทศกำลังพัฒนา และประเทศโลกที่ 3 เป็นการเพิ่มโปรตีนคุณภาพสูงราคาถูกให้กับอาหารพื้นบ้าน

          - ดอก ช่วยบำรุงร่างกาย ขับปัสสาวะ ขับน้ำตา ใช้ต้มทำน้ำชาดื่มช่วยให้นอนหลับสบาย

          - ฝัก รสหวาน เย็น แก้ไข้หรือลดไข้  

          - เมล็ด นำเมล็ดมะรุมมาสกัดน้ำมัน สามารถใช้ทำอาหาร รักษาโรคปวดตามข้อ โรคเกาต์ รักษาโรครูมาติสซั่ม และรักษาโรคผิวหนัง แก้ผิวแห้ง ใช้แทนยารักษาผิวให้ชุ่มชื้น รักษาโรคอันเกิดจากเชื้อรา

          - เนื้อในเมล็ดมะรุม ใช้แก้ไอได้ดี การรับประทานเนื้อในเมล็ดเป็นประจำสามารถเพิ่มภูมิต้านทานให้ร่างกายได้

          นอกจากนี้ กากของเมล็ดมะรุมที่เหลือจากการทำน้ำมัน สามารถนำมาใช้ในการกรอง หรือทำน้ำให้บริสุทธิ์เป็นน้ำดื่มได้ กากของเมล็ดมีคุณสมบัติเป็นยาฆ่าเชื้อที่มีประสิทธิภาพสูงเป็นอย่างยิ่ง และยังสามารถนำมาทำปุ๋ยต่อได้อีกด้วย

มะรุม

* ประโยชน์ของมะรุม ในทางการแพทย์

          ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ ในระดับเซลล์และสัตว์ทดลอง พบว่ามะรุมมีฤทธิ์ที่น่าสนใจมากมาย ดังนี้

          1. ลดความดันโลหิต

          สารสกัดน้ำและเอทานอลของใบมะรุม รวมไปถึงสารสกัดเอทานอลของผลและฝักของมะรุม และสารในกลุ่ม Glycosides ที่พบในสารสกัดเมทานอลของฝักมะรุมแห้ง และเมล็ดมะรุม มีฤทธิ์ลดความดันโลหิตในสัตว์ทดลอง เช่น หนูแรท และสุนัข

          2. ต้านการเกิดเนื้องอกและมะเร็ง

          โดยเฉพาะมะเร็งลำไส้ ซึ่งทางสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้วิจัยศักยภาพของฝักมะรุมต่อการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ ในหนูเมาส์ที่ถูกชักนำด้วยอะซอกซีมีเทน และเด็กซ์แทรนโซเดียมซัลเฟต และพบว่าในเชิงป้องกันมะเร็ง หนูเมาส์ที่ได้รับอาหารผสมผงฝักมะรุมในความเข้มข้นทุกขนาด สามารถป้องกันการเกิดมะเร็งลำไส้ได้ แต่กลุ่มหนูเมาส์ที่ได้รับอาหารผสมผงฝักมะรุมในความเข้มข้นสูง สามารถป้องกันการเกิดมะเร็งลำไส้ได้ดีกว่ากลุ่มอื่น ๆ

          ส่วนในเชิงรักษา กลับพบว่าหนูเมาส์ที่ได้รับอาหารผสมผงฝักมะรุมในความเข้มข้นต่ำ มีจำนวนก้อนมะเร็งลำไส้ลดลงมากกว่ากลุ่มที่ได้รับผงฝักมะรุมในโดสสูง

          นอกจากนี้ ผลการศึกษาชิ้นอื่น ๆ ยังพบว่า สารสกัดสำคัญจากใบมะรุม ยังแสดงฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโด และทำลายเซลล์มะเร็งของหนูเมาส์ที่เป็นมะเร็งผิวหนังได้อีกด้วย

          3. ลดระดับคอเลสเตอรอล

          สารสกัดน้ำของใบมะรุมมีผลลดระดับคอเลสเตอรอลและลดการเกิดพลัคในหลอดเลือดของหนูแรทและกระต่าย ที่ถูกกระตุ้นให้ได้รับอาหารไขมันสูง

          4. ต้านการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร

          สารสกัดเมทานอลของใบ และดอกของมะรุม สามารถยับยั้งการเกิดแผลในกระเพาะอาหารของหนูทดลองได้ และสารสกัดใบมะรุมยังมีฤทธิ์ป้องกันการเกิดแผลในกระเพาะอาหารด้วย

          5. ป้องกันตับอักเสบ

          จากการศึกษาพบว่า สารสกัดเอทานอลจากใบมะรุม สารสกัดน้ำและเอทานอลจากดอกมะรุม มีฤทธิ์ป้องกันเซลล์ตับของหนูทดลองได้

          6. ต้านและกำจัดอนุมูลอิสระ

          งานวิจัยพบสรรพคุณต้านออกซิเดชั่นของใบ เมล็ดและรากของมะรุม โดยพบสารสำคัญในการต้านและกำจัดอนุมูลอิสระในระดับเซลล์และสัตว์ทดลอง

          7. ต้านเชื้อแบคทีเรีย

          สารสกัดจากใบ เมล็ด เปลือกต้น เปลือกราก ของมะรุม มีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียได้หลายชนิดเลยทีเดียว

          8. ลดน้ำตาลในเลือด

          จากการศึกษาสรรพคุณลดน้ำตาลในเลือดของมะรุม พบว่า ผงใบแห้ง สารสกัด 95% เอทานอล และเถ้าจากเปลือกต้นมะรุม มีผลลดระดับน้ำตาลในเลือดของหนูแรทปกติ และหนูที่เป็นเบาหวาน ส่วนสารสกัดเมทานอลจากเปลือกรากแสดงฤทธิ์ลดระดับน้ำตาลในหนูเมาส์ได้

          9. ต้านการอักเสบ

          ชาชงน้ำร้อน และสารสกัดเมทานอลจากรากมะรุม มีสรรพคุณยับยั้งอาการบวมจากการอักเสบที่อุ้งเท้าของหนูแรทและหนูเมาส์ ส่วนเมล็ดแก่สีเขียว สารสกัดเอทานอลจากเมล็ดแห้ง และสารสกัดเอทานอลจากเมล็ดมะรุม มีผลลดการอักเสบของทางเดินหายใจในหนูตะเภา ซึ่งตำรับยาพื้นบ้านได้นำสรรพคุณนี้ไปใช้บำบัดอาการผิดปกติจากภูมิแพ้อีกด้วย

          ย้ำกันอีกครั้งว่าสรรพคุณมะรุมข้างต้นเป็นการศึกษาในระดับเซลล์และสัตว์ทดลองเท่านั้น แต่อย่างน้อยก็แสดงให้เห็นว่า มะรุมเป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณน่าสนใจหลายอย่าง ที่ทางการแพทย์มีความพยายามจะศึกษาสรรพคุณของมะรุมต่อไป เพื่อหวังว่าจะใช้ประโยชน์ของมะรุมในการรักษาโรคได้จริง ๆ ในสักวัน

* มะรุม ลดน้ำหนักได้จริงไหม

          ปัจจุบันยังไม่มีการศึกษาในคนที่แน่ชัดว่ามะรุมมีสรรพคุณลดน้ำหนักได้ ทว่ามะรุมก็เป็นผักพื้นบ้านที่มีไฟเบอร์เยอะ ให้พลังงานต่ำ และยังมีสารสำคัญและแร่ธาตุอื่น ๆ อีกมากมาย แถมในการทดลองกับหนูยังพบฤทธิ์ลดคอเลสเตอรอลในเลือดด้วย ดังนั้น หากจะกินมะรุมเป็นอาหารในบางมื้อ ก็ถือว่าเป็นเมนูสุขภาพที่น่าสนใจ แต่หากหวังผลในการลดน้ำหนักอย่างจริงจัง คงต้องลดน้ำหนักด้วยวิธีอื่นควบคู่ไปด้วยนะคะ

* มะรุม ทำอาหารอะไรได้บ้าง

มะรุม

          เมนูมะรุมทำอาหารได้หลายอย่าง ทั้งต้ม ผัด แกง ทอด ยำ เช่น...

          - แกงส้มมะรุม

          - ยำฟักมะรุม

          - ดอกหรือฝักมะรุมชุบแป้งทอด

          - ไข่เจียวใบมะรุม

          - แกงอ่อมมะรุม

          - มะรุมต้มจิ้มน้ำพริก

          - ต้มจืดหมูสับใบมะรุมอ่อน

          - ยอดมะรุมผัดไฟแดง

          - แกงใบมะรุมใส่ปลาย่าง

          ใครมีต้นมะรุมอยู่ที่บ้านต้องลองจัดสักเมนูแล้วล่ะเนอะ โดยหากจะรับประทานใบมะรุม ควรใช้ใบสดที่ไม่แก่หรืออ่อนจนเกินไป นำไปลวกแต่พอดี ไม่ต้องสุกมาก เพราะหากถูกความร้อนนานเกินไปอาจสูญเสียคุณค่าทางอาหาร ถ้ารับประทานสดได้ก็จะดีมาก

* มะรุม กับโทษที่ควรระวัง

มะรุม

          แม้มะรุมจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพมาก แต่ก็มีข้อควรระวังในการรับประทานด้วยเหมือนกัน ดังนี้

          1. ไม่ควรกินมะรุมในปริมาณมากเกินไป

          จากการศึกษาพบว่า การได้รับมะรุมในปริมาณมากอาจไม่ได้ให้ผลดีเสมอไป และอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการสะสมของสารบางอย่างที่อาจเป็นพิษต่อร่างกายได้ ดังนั้นจึงควรกินมะรุมอย่างพอเหมาะ โดยแนะนำให้กินมะรุมเป็นอาหาร ร่วมกับอาหารที่หลากหลาย เพื่อให้ได้รับสารอาหารชนิดอื่น ๆ อย่างครบถ้วน

          2. สตรีมีครรภ์ควรระมัดระวังการรับประทานมะรุมในทุก ๆ ส่วน

          เพราะจากการทดลองความเป็นพิษในสัตว์ทดลอง พบว่าการรับประทานมะรุมเป็นเวลานาน ๆ อาจเกิดการสะสมของสารบางอย่าง ซึ่งอาจเป็นพิษและทำให้เกิดการแท้งได้

          3. ผู้ป่วยที่กินมะรุมติดต่อกันเป็นเวลานาน ควรหมั่นตรวจการทำงานของตับ

          เนื่องจากผู้ป่วยบางรายที่ใช้มะรุมติดต่อกันเป็นเวลานาน ตรวจพบว่ามีค่าเอนไซม์ตับเพิ่มสูงขึ้น

          4. ผู้ป่วยโรคเลือดควรหลีกเลี่ยงมะรุม

          มะรุมอาจส่งผลให้เม็ดเลือดแตกง่าย อันตรายต่อผู้ป่วยโรคเลือด

          5. ผู้ป่วยโรคเกาต์ไม่ควรรับประทาน

          มะรุมเป็นผักที่มีโปรตีนสูง อาจทำให้อาการโรคเกาต์กำเริบได้

          การรับประทานมะรุมเป็นอาหารเมนูต่าง ๆ คงไม่น่าเป็นห่วงเท่าไร เพราะปริมาณที่เรารับประทานได้อาจไม่มากจนเกินไป แต่สำหรับคนที่รับประทานมะรุมในรูปแบบอาหารเสริม หรือยาสมุนไพร ควรต้องเลือกใช้อย่างระมัดระวัง และทางที่ดีต้องปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนกินสมุนไพรหรืออาหารเสริมทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นมะรุมหรือสมุนไพรชนิดอื่นก็ตาม


          *หมายเหตุ : อัปเดตข้อมูลล่าสุดวันที่ 25 มกราคม 2564


ขอบคุณข้อมูลจาก
กองโภชนาการ กรมอนามัย, ฐานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี, คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล, มหิดล แชนแนล, สถาบันค้นคว้าและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหาร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
มะรุม สรรพคุณดียังไง รักษาโรคอะไรได้บ้าง อัปเดตล่าสุด 17 พฤศจิกายน 2566 เวลา 09:56:19 95,673 อ่าน
TOP