คงไม่ดีแน่ถ้าฉลองวันสงกรานต์แบบไม่ระมัดระวังตัวเอง แล้วเกิดป่วยหรือประสบอุบัติเหตุขึ้นมา เราจึงขอเตือนให้ทุกคนรู้ทัน 6 อันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ง่าย ๆ ในวันสงกรานต์นี้
ภาพจาก I love photo/shutterstock
อันตรายจากน้ำไม่สะอาด
ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่ไม่มีใครกลัว "เปียก" แม้แต่คนไม่รู้จักกัน ต่างก็พากันสาดน้ำ สู้กันยกใหญ่ ถือเป็นความสนุกอย่างหนึ่งของเทศกาลนี้ แต่ทว่าก็มีภัยหลายอย่างที่ต้องระวังจากการเล่นน้ำอย่างนี้ด้วย อย่างเช่น
* น้ำเข้าตา นี่คืออวัยวะที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคมากที่สุดในเทศกาลแห่งความสุขนี้ เพราะน้ำหรือเชื้อโรคต่าง ๆ สามารถเข้าสู่ดวงตาได้ง่ายกว่าส่วนอื่น ๆ หากน้ำที่ใช้นั้นไม่สะอาด ถ้าเป็นน้ำคลองยิ่งแล้วใหญ่ เพราะดวงตาอาจเกิดการติดเชื้อรุนแรง ลุกลามจนทำให้ลูกตาอักเสบ หรือรุนแรงถึงขั้นตาบอดได้ ยิ่งถ้ามีสิ่งแปลกปลอมอื่น ๆ เช่น ฝุ่น หิน ดิน ทราย เศษเหล็ก ฯลฯ ปะปนมาด้วย แล้วไปเกาะติดอยู่กับเยื่อบุตา ก็จะทำให้เกิดแผลและติดเชื้อบนกระจกตาซ้ำเข้าไปอีก
หากใครเจอเหตุการณ์เช่นนี้ ก็ต้องรีบล้างตาด้วยน้ำสะอาดทันที โดยอาจลืมตาในน้ำและกลอกตาไปมา เพื่อให้สิ่งแปลกปลอมหลุดออก แต่ถ้าสิ่งแปลกปลอมนั้นมีสารเคมีปนเปื้อนอยู่ด้วย ควรล้างน้ำโดยให้น้ำไหลผ่านเข้าตา หรือถ้าอาการไม่ดีขึ้น ควรรีบไปพบแพทย์ เพื่อตรวจดูอาการและรับการรักษาอย่างทันท่วงที
ส่วนวัยรุ่นที่ใส่คอนแทคเลนส์บิ๊กอาย ควรถอดคอนแทคเลนส์ออกก่อน เพื่อป้องกันเชื้อที่อยู่ในน้ำเข้าตา หรือปัญหาตาแห้ง จากการถูกแสงแดดเป็นเวลานาน จะมีผลทำให้เกิดการระคายเคือง ทำให้กระจกตาเป็นแผลและอักเสบได้
* น้ำเข้าปาก-จมูก อีกเรื่องที่ต้องระวังคือการสำลักน้ำเข้าทางปากและจมูก เพราะน้ำที่สำลักเข้าไปอาจมีเชื้อโรคปนเปื้อนอยู่ จนกลายเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการเจ็บป่วย เช่น โรคอุจจาระร่วง
อันตรายจากน้ำไม่สะอาดอาจไม่ได้แสดงอาการออกมาให้เห็นฉับพลันทันด่วน ดังนั้น หลังเล่นสงกรานต์ไปแล้วก็ควรสังเกตอาการด้วยสัก 1 สัปดาห์ ถ้ามีไข้ คัดจมูก และปวดศีรษะ จะได้รีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจรักษาค่ะ
อันตรายจากการใช้น้ำแข็ง
บางคนนึกสนุกใช้น้ำแข็งเย็น ๆ มาผสมในขัน ในถัง แล้วสาดใส่คนอื่น เพื่อให้รู้สึกเย็นจับใจท่ามกลางวันอากาศร้อน ๆ แต่พฤติกรรมนี้อาจทำให้ผู้ถูกสาดน้ำแข็งใส่ป่วยได้ เพราะอุณหภูมิของร่างกายเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว มีโอกาสที่จะเป็นหวัด ไอ เป็นไข้ และถ้าเป็นหนัก ๆ อาจมีอาการปอดบวม หรือหลอดลมอักเสบ ถ้าปล่อยไว้อาจทำให้ระบบหายใจล้มเหลว จนเกิดภาวะขาดออกซิเจนหรือติดเชื้อในกระแสเลือด และเสียชีวิตในที่สุด น่ากลัวไม่ใช่เล่น ๆ เลยนะเนี่ย
อันตรายจากการเล่นแป้งและดินสอพอง
แป้งและดินสอพองเป็นของที่อยู่คู่กับการเล่นน้ำสงกรานต์เลย แต่ใช่ว่าจะปลอดภัย เพราะเมื่อแป้งและดินสอพองเข้าตา อาจทำให้ดวงตาระคายเคืองและติดเชื้อได้เหมือนกัน ยิ่งถ้าเป็นแป้งหรือดินสอพองที่ผลิตอย่างไม่ได้มาตรฐานก็ยิ่งอันตรายคูณสอง
หากยังจำกันได้ ทุกปีกระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะลงพื้นที่เก็บตัวอย่างดินสอพองมาตรวจสอบ และมักพบดินสอพองจำนวนหนึ่งปนเปื้อนจุลินทรีย์ และโลหะหนักเกินมาตรฐาน หากดินสอพองเหล่านี้เข้าตา หรือผ่านบาดแผล แม้กระทั่งสิว ก็ทำให้ตาอักเสบหรือบอดได้เลย โดยเฉพาะเชื้อซูโดโมแนส แอรูจิโนซา จะทำให้มีอาการอักเสบรุนแรง หากเป็นเชื้อ อี.โคไล ซาโมเนลล่า และเชื้อคลอสตริเดียม ถ้าเข้าปากอาจทำให้เกิดโรคอาหารเป็นพิษ มีอาการคลื่นไส้อาเจียน ท้องเสียภายใน 8-22 ชั่วโมง หรือมีการติดเชื้อในกระแสเลือด จนทำให้เสียชีวิตได้
ดังนั้นการเล่นดินสอพองจึงควรระวังให้มาก และหลังเล่นน้ำเสร็จก็ควรล้างเนื้อล้างตัวให้สะอาดก่อนกลับ เพราะการที่ตัวเราเปียกชื้นและสกปรก อาจทำให้เกิดผื่นคันได้อีกต่างหากค่ะ
อันตรายจากการดื่มเหล้า เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
รณรงค์กันทุกปีว่า "เมาไม่ขับ" แต่ตัวเลขอุบัติเหตุบนท้องถนนที่มีสาเหตุมาจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ยังคงสูงเป็นอันดับ 1 เราเชื่อว่าทุกคนรู้กันดีอยู่แล้วล่ะถึงพิษภัยของเครื่องดื่มมึนเมาที่ทำให้ขาดสติ ความสามารถในการตัดสินใจและการขับขี่ช้าลง จึงขอเตือนดัง ๆ อีกครั้งว่า "เมาไม่ขับ" คือทางป้องกันที่ดีที่สุด
ส่วนคนที่ไม่ขับรถ ก็ไม่ใช่ว่าดื่มกันแบบไม่ยั้งคิด เพราะอย่างที่รู้ว่าดื่มเหล้าทำให้ขาดสติ อาจไปมีเรื่องมีราวกับใครไม่รู้ตัว นอกจากนี้ การดื่มเหล้าท่ามกลางอากาศที่ร้อนจัด อาจทำให้เกิดภาวะช็อกจนเสียชีวิตได้เลย เพราะอากาศร้อน ๆ จะทำให้แอลกอฮอล์ถูกดูดซึมผ่านเข้าสู่กระแสโลหิตได้เร็ว เพิ่มแรงดันโลหิตให้สูงขึ้น ทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำและเกลือแร่ผ่านทางเหงื่อและทางปัสสาวะได้ง่ายขึ้นไปอีก ส่งผลให้ร่างกายขาดน้ำรุนแรง โดยเฉพาะคนมีโรคประจำตัวมีความเสี่ยงถึงขั้นเสียชีวิต
ส่วนคนที่ไม่มีโรคประจำตัว ก็ได้รับผลกระทบจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์เช่นกัน เพราะแอลกอฮอล์จะไปกระทบกับตับ ไต หัวใจ ระบบประสาท สมอง เมื่อบวกกับอากาศร้อนก็จะยิ่งกระตุ้นให้เกิดอารมณ์หงุดหงิดได้ง่าย กลายเป็นปัญหาตามมา
ภาพจาก GOLFX/shutterstock
อันตรายจากอากาศร้อน ๆ
เดือนเมษายนนี่ล่ะที่อากาศร้อนอบอ้าวที่สุด ถ้าเล่นน้ำตากแดดนาน ๆ โดยไม่ป้องกันตัวเอง ก็ต้องระวังปัญหาสุขภาพที่อาจจะเกิดขึ้น อย่างเช่น
* โรคผิวหนัง การเล่นสงกรานต์ท่ามกลางแสงแดดร้อนระอุ ทำให้ผิวพรรณคล้ำเสีย และเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งผิวหนังได้ง่ายขึ้น ดังนั้นก่อนออกไปเล่นน้ำ ควรทาครีมกันแดดไว้บ้าง หรือใส่เสื้อแขนยาวคลุมเลยก็ได้ นอกจากนี้ยังต้องระวังเรื่องโรคผิวหนัง เพราะหากร่างกายของเราถูกสารเคมี สารอันตรายที่ปนเปื้อนมากับน้ำ ดินสอพองผสมสี ก็ทำให้ผิวหนังระคายเคือง เกิดสิว ผดผื่น ถ้าได้รับพิษแรงก็อาจไปทำลายภูมิคุ้มกันผิวหนังได้เลย
* ฮีทสโตรก เคยได้ยินข่าวคนเป็นลมจากการตากแดดจัด ๆ แล้วเสียชีวิตไหมคะ นี่ล่ะคือโรคฮีทสโตรกหรือโรคลมแดด ที่เกิดจากการอยู่กลางแดดนาน ๆ ทำให้อุณหภูมิภายในร่างกายเกิน 40 องศาเซลเซียส จนเราเกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน อ่อนเพลียมาก เนื้อตัวจะแดง ถึงจะร้อนก็ไม่มีเหงื่อ จากนั้นจะเริ่มหอบ หายใจเร็ว หัวใจเต้นเร็ว มีอาการเบลอ เห็นภาพหลอน ถึงขั้นชักหมดสติ และถ้ารุนแรงมาก ๆ เข้าก็สามารถทำให้เกิดอาการตับวาย ไตวาย หัวใจเต้นผิดจังหวะ จนสุดท้ายก็เสียชีวิตได้เลย เพราะฉะนั้น ควรเล่นน้ำในที่ร่ม แต่หากจำเป็นต้องตากแดดก็ควรหลบพักเข้าที่ร่มบ้าง และดื่มน้ำมาก ๆ
อันตรายจากการขับรถ
นอกจากเรื่อง "เมาไม่ขับ" แล้ว อีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุรถชนในช่วงสงกรานต์ก็คือ อาการหลับใน ที่เกิดจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ เพราะเที่ยวเล่นมาตลอดต่อเนื่องหลายวัน แถมยังมาเจอรถติดสาหัส ชวนให้เกิดอาการง่วงได้ง่าย ๆ อีกต่างหาก ดังนั้นทางที่จะป้องกันได้ดีที่สุดก็คือ
* ถ้ารู้ว่าตัวเองนอนไม่พอ อ่อนเพลียมาก ห้ามขับรถเด็ดขาด
* หากขับรถอยู่แล้วรู้สึกง่วงควรจอดพักข้างทาง อย่าฝืนขับต่อ เพราะอาจเกิดอุบัติเหตุ
* ถ้าต้องขับรถ 3-4 ชั่วโมงติดต่อกัน ควรแวะพักเพื่อเปลี่ยนอิริยาบถ ยืดเส้นยืดสายสัก 15 นาที ค่อยขับรถต่อไป
* ห้ามทานยาที่ก่อให้เกิดอาการง่วงก่อนขับรถ เช่น ยาแก้แพ้ ยาลดน้ำมูก หากจำเป็นต้องทาน ต้องจำไว้ว่าอย่าขับรถเด็ดขาด
* กินผลไม้รสเปรี้ยวแก้ง่วง เพราะผลไม้รสเปรี้ยวจะช่วยกระตุ้นประสาทให้สดชื่นขึ้น
* อมน้ำแข็งเย็น ๆ หรือใช้น้ำแข็งถูขมับ หรือดื่มเครื่องดื่มเย็น ๆ จะช่วยทำให้สดชื่นตื่นตัวขึ้น
* เปิดเพลงดัง ๆ จังหวะเร็ว ๆ แล้วร้องตามไปด้วย ช่วยแก้ง่วงนอนได้ (แต่อย่าเปิดเพลงช้าเชียว จะยิ่งทำให้ง่วงนอนมากขึ้นไปอีก)
* ปิดแอร์ในรถ แล้วเปิดกระจกให้อากาศถ่ายเท ช่วยลดปริมาณก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ในรถ และลมจากธรรมชาติจะช่วยให้คนขับรถรู้สึกสดชื่นขึ้น
ส่วนใครขับรถจักรยานยนต์ ก็ต้องสวมหมวกกันน็อก เพราะช่วยลดความรุนแรงของอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นได้ จากการขับขี่รถไปตามเส้นทางที่มีคนเล่นน้ำสงกรานต์ ซึ่งทำให้พื้นถนนลื่น เสี่ยงต่ออุบัติเหตุได้ง่ายกว่าปกติ และที่สำคัญเช่นกันก็คือ ถ้าง่วงและเมา ห้ามขับขี่รถเด็ดขาด
6 เรื่องอันตรายนี้ไม่ได้อยู่ไกลตัวเลย แถมยังมีความเสี่ยงที่จะเกิดมากขึ้นด้วยในช่วงวันเทศกาล การระมัดระวังและดูแลตัวเองให้มากขึ้น เป็นทางหนึ่งที่จะช่วยให้เราฉลองเทศกาลวันสงกรานต์ และเริ่มต้นปีใหม่ของไทยได้อย่างปลอดภัยและมีความสุข
ภาพจาก I love photo/shutterstock
มีคำแนะนำอยู่ทุกปีก่อนถึงวันสงกรานต์ว่าควรฉลองเทศกาลแห่งความสุขเช่นนี้อย่างไรให้ปลอดภัยต่อตัวเองและคนรอบข้าง
เพราะถ้าเล่นเพลิน เที่ยวเพลินจนลืมดูแลตัวเอง
ก็อาจได้อาการป่วยไข้เป็นของแถม หรือประสบเหตุรุนแรงกว่านั้น
ดังนั้นวันสงกรานต์นี้ กระปุกดอทคอม ก็ขอย้ำเตือนอีกครั้งว่าก่อนจะไปฉลองเทศกาลสงกรานต์ที่ไหน ควรระมัดระวังในเรื่องอะไรบ้างที่อาจกระทบต่อสุขภาพ โดยเฉพาะ 6 เรื่องอันตรายต่อไปนี้
อันตรายจากน้ำไม่สะอาด
ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่ไม่มีใครกลัว "เปียก" แม้แต่คนไม่รู้จักกัน ต่างก็พากันสาดน้ำ สู้กันยกใหญ่ ถือเป็นความสนุกอย่างหนึ่งของเทศกาลนี้ แต่ทว่าก็มีภัยหลายอย่างที่ต้องระวังจากการเล่นน้ำอย่างนี้ด้วย อย่างเช่น
* น้ำเข้าตา นี่คืออวัยวะที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคมากที่สุดในเทศกาลแห่งความสุขนี้ เพราะน้ำหรือเชื้อโรคต่าง ๆ สามารถเข้าสู่ดวงตาได้ง่ายกว่าส่วนอื่น ๆ หากน้ำที่ใช้นั้นไม่สะอาด ถ้าเป็นน้ำคลองยิ่งแล้วใหญ่ เพราะดวงตาอาจเกิดการติดเชื้อรุนแรง ลุกลามจนทำให้ลูกตาอักเสบ หรือรุนแรงถึงขั้นตาบอดได้ ยิ่งถ้ามีสิ่งแปลกปลอมอื่น ๆ เช่น ฝุ่น หิน ดิน ทราย เศษเหล็ก ฯลฯ ปะปนมาด้วย แล้วไปเกาะติดอยู่กับเยื่อบุตา ก็จะทำให้เกิดแผลและติดเชื้อบนกระจกตาซ้ำเข้าไปอีก
หากใครเจอเหตุการณ์เช่นนี้ ก็ต้องรีบล้างตาด้วยน้ำสะอาดทันที โดยอาจลืมตาในน้ำและกลอกตาไปมา เพื่อให้สิ่งแปลกปลอมหลุดออก แต่ถ้าสิ่งแปลกปลอมนั้นมีสารเคมีปนเปื้อนอยู่ด้วย ควรล้างน้ำโดยให้น้ำไหลผ่านเข้าตา หรือถ้าอาการไม่ดีขึ้น ควรรีบไปพบแพทย์ เพื่อตรวจดูอาการและรับการรักษาอย่างทันท่วงที
ส่วนวัยรุ่นที่ใส่คอนแทคเลนส์บิ๊กอาย ควรถอดคอนแทคเลนส์ออกก่อน เพื่อป้องกันเชื้อที่อยู่ในน้ำเข้าตา หรือปัญหาตาแห้ง จากการถูกแสงแดดเป็นเวลานาน จะมีผลทำให้เกิดการระคายเคือง ทำให้กระจกตาเป็นแผลและอักเสบได้
* น้ำเข้าปาก-จมูก อีกเรื่องที่ต้องระวังคือการสำลักน้ำเข้าทางปากและจมูก เพราะน้ำที่สำลักเข้าไปอาจมีเชื้อโรคปนเปื้อนอยู่ จนกลายเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการเจ็บป่วย เช่น โรคอุจจาระร่วง
อันตรายจากน้ำไม่สะอาดอาจไม่ได้แสดงอาการออกมาให้เห็นฉับพลันทันด่วน ดังนั้น หลังเล่นสงกรานต์ไปแล้วก็ควรสังเกตอาการด้วยสัก 1 สัปดาห์ ถ้ามีไข้ คัดจมูก และปวดศีรษะ จะได้รีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจรักษาค่ะ
อันตรายจากการใช้น้ำแข็ง
บางคนนึกสนุกใช้น้ำแข็งเย็น ๆ มาผสมในขัน ในถัง แล้วสาดใส่คนอื่น เพื่อให้รู้สึกเย็นจับใจท่ามกลางวันอากาศร้อน ๆ แต่พฤติกรรมนี้อาจทำให้ผู้ถูกสาดน้ำแข็งใส่ป่วยได้ เพราะอุณหภูมิของร่างกายเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว มีโอกาสที่จะเป็นหวัด ไอ เป็นไข้ และถ้าเป็นหนัก ๆ อาจมีอาการปอดบวม หรือหลอดลมอักเสบ ถ้าปล่อยไว้อาจทำให้ระบบหายใจล้มเหลว จนเกิดภาวะขาดออกซิเจนหรือติดเชื้อในกระแสเลือด และเสียชีวิตในที่สุด น่ากลัวไม่ใช่เล่น ๆ เลยนะเนี่ย
อันตรายจากการเล่นแป้งและดินสอพอง
แป้งและดินสอพองเป็นของที่อยู่คู่กับการเล่นน้ำสงกรานต์เลย แต่ใช่ว่าจะปลอดภัย เพราะเมื่อแป้งและดินสอพองเข้าตา อาจทำให้ดวงตาระคายเคืองและติดเชื้อได้เหมือนกัน ยิ่งถ้าเป็นแป้งหรือดินสอพองที่ผลิตอย่างไม่ได้มาตรฐานก็ยิ่งอันตรายคูณสอง
หากยังจำกันได้ ทุกปีกระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะลงพื้นที่เก็บตัวอย่างดินสอพองมาตรวจสอบ และมักพบดินสอพองจำนวนหนึ่งปนเปื้อนจุลินทรีย์ และโลหะหนักเกินมาตรฐาน หากดินสอพองเหล่านี้เข้าตา หรือผ่านบาดแผล แม้กระทั่งสิว ก็ทำให้ตาอักเสบหรือบอดได้เลย โดยเฉพาะเชื้อซูโดโมแนส แอรูจิโนซา จะทำให้มีอาการอักเสบรุนแรง หากเป็นเชื้อ อี.โคไล ซาโมเนลล่า และเชื้อคลอสตริเดียม ถ้าเข้าปากอาจทำให้เกิดโรคอาหารเป็นพิษ มีอาการคลื่นไส้อาเจียน ท้องเสียภายใน 8-22 ชั่วโมง หรือมีการติดเชื้อในกระแสเลือด จนทำให้เสียชีวิตได้
ดังนั้นการเล่นดินสอพองจึงควรระวังให้มาก และหลังเล่นน้ำเสร็จก็ควรล้างเนื้อล้างตัวให้สะอาดก่อนกลับ เพราะการที่ตัวเราเปียกชื้นและสกปรก อาจทำให้เกิดผื่นคันได้อีกต่างหากค่ะ
อันตรายจากการดื่มเหล้า เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
รณรงค์กันทุกปีว่า "เมาไม่ขับ" แต่ตัวเลขอุบัติเหตุบนท้องถนนที่มีสาเหตุมาจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ยังคงสูงเป็นอันดับ 1 เราเชื่อว่าทุกคนรู้กันดีอยู่แล้วล่ะถึงพิษภัยของเครื่องดื่มมึนเมาที่ทำให้ขาดสติ ความสามารถในการตัดสินใจและการขับขี่ช้าลง จึงขอเตือนดัง ๆ อีกครั้งว่า "เมาไม่ขับ" คือทางป้องกันที่ดีที่สุด
ส่วนคนที่ไม่ขับรถ ก็ไม่ใช่ว่าดื่มกันแบบไม่ยั้งคิด เพราะอย่างที่รู้ว่าดื่มเหล้าทำให้ขาดสติ อาจไปมีเรื่องมีราวกับใครไม่รู้ตัว นอกจากนี้ การดื่มเหล้าท่ามกลางอากาศที่ร้อนจัด อาจทำให้เกิดภาวะช็อกจนเสียชีวิตได้เลย เพราะอากาศร้อน ๆ จะทำให้แอลกอฮอล์ถูกดูดซึมผ่านเข้าสู่กระแสโลหิตได้เร็ว เพิ่มแรงดันโลหิตให้สูงขึ้น ทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำและเกลือแร่ผ่านทางเหงื่อและทางปัสสาวะได้ง่ายขึ้นไปอีก ส่งผลให้ร่างกายขาดน้ำรุนแรง โดยเฉพาะคนมีโรคประจำตัวมีความเสี่ยงถึงขั้นเสียชีวิต
ส่วนคนที่ไม่มีโรคประจำตัว ก็ได้รับผลกระทบจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์เช่นกัน เพราะแอลกอฮอล์จะไปกระทบกับตับ ไต หัวใจ ระบบประสาท สมอง เมื่อบวกกับอากาศร้อนก็จะยิ่งกระตุ้นให้เกิดอารมณ์หงุดหงิดได้ง่าย กลายเป็นปัญหาตามมา
ภาพจาก GOLFX/shutterstock
เดือนเมษายนนี่ล่ะที่อากาศร้อนอบอ้าวที่สุด ถ้าเล่นน้ำตากแดดนาน ๆ โดยไม่ป้องกันตัวเอง ก็ต้องระวังปัญหาสุขภาพที่อาจจะเกิดขึ้น อย่างเช่น
* โรคผิวหนัง การเล่นสงกรานต์ท่ามกลางแสงแดดร้อนระอุ ทำให้ผิวพรรณคล้ำเสีย และเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งผิวหนังได้ง่ายขึ้น ดังนั้นก่อนออกไปเล่นน้ำ ควรทาครีมกันแดดไว้บ้าง หรือใส่เสื้อแขนยาวคลุมเลยก็ได้ นอกจากนี้ยังต้องระวังเรื่องโรคผิวหนัง เพราะหากร่างกายของเราถูกสารเคมี สารอันตรายที่ปนเปื้อนมากับน้ำ ดินสอพองผสมสี ก็ทำให้ผิวหนังระคายเคือง เกิดสิว ผดผื่น ถ้าได้รับพิษแรงก็อาจไปทำลายภูมิคุ้มกันผิวหนังได้เลย
* ฮีทสโตรก เคยได้ยินข่าวคนเป็นลมจากการตากแดดจัด ๆ แล้วเสียชีวิตไหมคะ นี่ล่ะคือโรคฮีทสโตรกหรือโรคลมแดด ที่เกิดจากการอยู่กลางแดดนาน ๆ ทำให้อุณหภูมิภายในร่างกายเกิน 40 องศาเซลเซียส จนเราเกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน อ่อนเพลียมาก เนื้อตัวจะแดง ถึงจะร้อนก็ไม่มีเหงื่อ จากนั้นจะเริ่มหอบ หายใจเร็ว หัวใจเต้นเร็ว มีอาการเบลอ เห็นภาพหลอน ถึงขั้นชักหมดสติ และถ้ารุนแรงมาก ๆ เข้าก็สามารถทำให้เกิดอาการตับวาย ไตวาย หัวใจเต้นผิดจังหวะ จนสุดท้ายก็เสียชีวิตได้เลย เพราะฉะนั้น ควรเล่นน้ำในที่ร่ม แต่หากจำเป็นต้องตากแดดก็ควรหลบพักเข้าที่ร่มบ้าง และดื่มน้ำมาก ๆ
อันตรายจากการขับรถ
นอกจากเรื่อง "เมาไม่ขับ" แล้ว อีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุรถชนในช่วงสงกรานต์ก็คือ อาการหลับใน ที่เกิดจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ เพราะเที่ยวเล่นมาตลอดต่อเนื่องหลายวัน แถมยังมาเจอรถติดสาหัส ชวนให้เกิดอาการง่วงได้ง่าย ๆ อีกต่างหาก ดังนั้นทางที่จะป้องกันได้ดีที่สุดก็คือ
* ถ้ารู้ว่าตัวเองนอนไม่พอ อ่อนเพลียมาก ห้ามขับรถเด็ดขาด
* หากขับรถอยู่แล้วรู้สึกง่วงควรจอดพักข้างทาง อย่าฝืนขับต่อ เพราะอาจเกิดอุบัติเหตุ
* ถ้าต้องขับรถ 3-4 ชั่วโมงติดต่อกัน ควรแวะพักเพื่อเปลี่ยนอิริยาบถ ยืดเส้นยืดสายสัก 15 นาที ค่อยขับรถต่อไป
* ห้ามทานยาที่ก่อให้เกิดอาการง่วงก่อนขับรถ เช่น ยาแก้แพ้ ยาลดน้ำมูก หากจำเป็นต้องทาน ต้องจำไว้ว่าอย่าขับรถเด็ดขาด
* กินผลไม้รสเปรี้ยวแก้ง่วง เพราะผลไม้รสเปรี้ยวจะช่วยกระตุ้นประสาทให้สดชื่นขึ้น
* อมน้ำแข็งเย็น ๆ หรือใช้น้ำแข็งถูขมับ หรือดื่มเครื่องดื่มเย็น ๆ จะช่วยทำให้สดชื่นตื่นตัวขึ้น
* เปิดเพลงดัง ๆ จังหวะเร็ว ๆ แล้วร้องตามไปด้วย ช่วยแก้ง่วงนอนได้ (แต่อย่าเปิดเพลงช้าเชียว จะยิ่งทำให้ง่วงนอนมากขึ้นไปอีก)
* ปิดแอร์ในรถ แล้วเปิดกระจกให้อากาศถ่ายเท ช่วยลดปริมาณก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ในรถ และลมจากธรรมชาติจะช่วยให้คนขับรถรู้สึกสดชื่นขึ้น
ส่วนใครขับรถจักรยานยนต์ ก็ต้องสวมหมวกกันน็อก เพราะช่วยลดความรุนแรงของอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นได้ จากการขับขี่รถไปตามเส้นทางที่มีคนเล่นน้ำสงกรานต์ ซึ่งทำให้พื้นถนนลื่น เสี่ยงต่ออุบัติเหตุได้ง่ายกว่าปกติ และที่สำคัญเช่นกันก็คือ ถ้าง่วงและเมา ห้ามขับขี่รถเด็ดขาด
6 เรื่องอันตรายนี้ไม่ได้อยู่ไกลตัวเลย แถมยังมีความเสี่ยงที่จะเกิดมากขึ้นด้วยในช่วงวันเทศกาล การระมัดระวังและดูแลตัวเองให้มากขึ้น เป็นทางหนึ่งที่จะช่วยให้เราฉลองเทศกาลวันสงกรานต์ และเริ่มต้นปีใหม่ของไทยได้อย่างปลอดภัยและมีความสุข