โรคหนังแข็ง โรคชื่อประหลาดที่อาจเกิดขึ้นกับใครก็ได้ เพราะเป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน และที่ร้ายกาจก็คือไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้
โรคหนังแข็ง
เมื่อได้ยินชื่อนี้หลายคนก็อาจจะเกิดความสงสัยว่าเจ้าโรคชื่อประหลาดนี้คือโรคอะไรกันแน่
หลายคนอาจจะคิดว่าไม่ใช่โรคที่ร้ายแรงอะไร
เพราะชื่อของโรคก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด แต่หารู้ไม่ว่าจริง ๆ
แล้วโรคนี้มีความอันตรายและความน่ากลัวไม่น้อยเลยเชียวละค่ะ
แต่ความอันตรายและความน่ากลัวจะมีมากขนาดไหนนั้น
วันนี้กระปุกดอทคอมมีคำตอบให้ทุกท่านได้มาเรียนรู้กันค่ะ
ถึงอาจจะไม่ใช่โรคใกล้ตัว แต่รู้เอาไว้ระวังภัยดีกว่าเนอะ
โรคหนังแข็งคืออะไร
โรคหนังแข็ง (Scleroderma) เป็นโรคเรื้อรังที่ไม่ติดต่อ
โดยจัดเป็นโรคที่อยู่ในกลุ่มของโรคที่มีความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
ซึ่งมีโอกาสเป็นเพียง 1,000 ต่อ 67 ล้านคนเท่านั้น
ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของโรค
แต่ลักษณะของโรคนั้นจะเกิดจากการสะสมของเส้นใยคอลลาเจนที่มากผิดปกติที่บริเวณหนังแท้และผนังหลอดเลือด
ทำให้อวัยวะภายในเกิดการแข็งตัวและหนา รวมทั้งผิวหนังภายนอกก็จะเกิดการบวม
ตึง และแข็งเป็นบริเวณกว้าง
จนดูคล้ายผิวขิงหุ่นขี้ผึ้งที่แข็งตึงจนหยิบไม่ขึ้น
รวมทั้งขาดความยืดหยุ่นอีกด้วย
อาการของโรคหนังแข็ง
โรคหนังแข็งเมื่อเกิดขึ้นแล้วจะส่งผลกระทบทั้งทางผิวหนังภายนอกและอวัยวะภายใน โดยมีอาการดังนี้
อาการทางผิวหนัง
ผิวหนังจะกลายเป็นสีดำ ไม่สามารถกำมือได้
มือจะขาวหรือสีซีดเนื่องจากเส้นเลือดหดตัว
หลังจากนั้นมือจะกลายเป็นสีม่วงหรือคล้ำเนื่องจากภาวะผิวหนังขาดออกซิเจน
ต่อมามือจะเป็นสีแดงเพราะเลือดที่ไหลไปเลี้ยงเพิ่มขึ้น และอาจพบแผลจุดเล็ก
ๆ ที่บริเวณปลายนิ้วอีกด้วย
โดยอาการเหล่านี้จะเริ่มขึ้นที่มือก่อนแล้วจึงลามไปที่แขน ใบหน้า ลำตัว
เมื่อกระจายไปที่บริเวณหน้าจะเกิดหน้าผากย่น ยิ้มยาก
หากกระจายไปตามลำตัวจะพบด่างขาวเป็นจุด ๆ
อาการกับอวัยวะภายใน
หลอดอาหาร : 80 %
ของผู้ป่วยโรคหนังแข็งจะมีอาการทางหลอดอาหาร ทำให้เวลากลืนอาหารทำได้ลำบาก
และรู้สึกเจ็บเวลากลืนอาหาร เนื่องจากการเคลื่อนไหวของหลอดอาหารน้อยลง
เกิดกรดไหลย้อน หรือหลอดอาหารอักเสบ แสบร้อนกลางอก
หากเกิดที่ลำไส้จะทำให้ระบบการทำงานของลำไส้ผิดปกติจนเกิดอาการท้องผูกหรือถ่ายเหลว
รวมทั้งจะเรอบ่อยผิดปกติหลังจากรับประทานอาหาร
- พังผืดที่ปอด :
เป็นอาการที่พบได้บ่อยรองจากระบบทางเดินอาหาร พบได้ 40 - 90% ของผู้ป่วย
โดยจะทำให้เหนื่อยง่าย มีอาการไอแห้ง ๆ ไม่มีเสมหะ และเหนื่อยง่าย
- หัวใจและหลอดเลือด :
โดยส่วนใหญ่แล้วมักไม่มีอาการแต่หากมีอาการเกิดขึ้นกับหัวใจแล้ว
อัตราการเสียชีวิตจะเพิ่มขึ้นเป็น 70% ภายใน 5 ปี
- ไต :
อาการเกี่ยวกับไตนั้นแทบจะเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เสี่ยงเสียชีวิตสูง
โดยอาการของโรคไตแบ่งเป็น 2 ชนิดคือ แบบเฉียบพลัน และเรื้อรัง
โดยแบบเฉียบพลันจะมีอาการปวดศีรษะ ความดันโลหิตสูง ตามัวลง
และแบบเรื้อรังก็อาจจะทำให้กลายเป็นไตวายในที่สุดค่ะ
- กล้ามเนื้อและข้อต่อต่าง ๆ :
ผู้ป่วยด้วยโรคหนังแข็งจะมีอาการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อ
นอกจากนี้ก็อาจจะมีอาการกล้ามเนื้ออักเสบ
หรือมีพังผืดเข้าแทรกในมัดกล้ามเนื้อได้
โดยเฉพาะบริเวณกล้ามเนื้อต้นแขนหรือกล้ามเนื้อต้นขา
- ระบบสืบพันธุ์ :
ในผู้ป่วยโรคหนังแข็งเพศชายอาจจะมีอาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศเนื่องจากอวัยวะเพศไม่แข็งตัว
เนื่องจากหลอดเลือดและผิวหนังเกิดการผิดปกติค่ะ
ทั้งนี้ยังมีอาการอื่น ๆ อีกเช่น อาการตาแห้ง ปากแห้ง
เนื่องจากใยคอลลาเจนเข้าไปแทรกอยู่ในต่อมน้ำตา และต่อมน้ำลาย
มีอาการชาตามปลายมือปลายเท้า
เนื่องจากปลายประสาทบริเวณนิ้วมือหรือข้อมือถูกเบียดรัด
กลุ่มเสี่ยงโรคหนังแข็งคือใคร ?
โดยส่วนใหญ่แล้วโรคหนังแข็งมักจะพบบ่อยในคนที่มีเชื้อสายอยู่ทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
มีการสันนิฐานว่าอาจจะเกี่ยวข้องกับลักษณะทางพันธุกรรมบางอย่าง
นอกจากนี้ยังพบในผู้ใหญ่วัยตั้งแต่ 30 - 60 ปีขึ้นไป
ซึ่งเพศหญิงจะมีความเสี่ยงกว่าเพศชายอยู่เล็กน้อย
และสามารถพบได้ในครอบครัวเดียวกัน
อย่างเช่นหากแม่เป็น ลูกก็มีสิทธิ์จะเป็นได้เช่นกัน หรือ
พี่น้องหากมีคนใดเป็นโรคหนังแข็ง
พี่น้องร่วมสายเลือดก็มีสิทธิ์เป็นได้เช่นกัน แต่ก็มีการพบไม่บ่อยนัก
ไม่เพียงเท่านั้นโรคหนังแข็งสามารถเกิดร่วมกับโรคภูมิแพ้ตนเองอื่น ๆ
เช่น โรคเอสแอลอี กลุ่มอาการโจเกรน หรือโรคกล้ามเนื้ออักเสบได้อีกด้วยค่ะ
วิธีการรักษาโรคหนังแข็ง
โรคหนังแข็งมีวิธีการรักษา
2 แบบได้แก่การใช้ยา และการไม่ใช้ยา แต่ทั้ง 2
แบบก็เป็นการรักษาประคับประคองตามอาการเพียงเท่านั้น
โดยการใช้ยาจะให้ยาที่มีฤทธิ์ในการช่วยยับยั้งและการสะสมตัวของเนื้อเยื่อเกี่ยวพันในอวัยวะต่าง
ๆ รวมทั้งให้ยาขยายหลอดเลือดอาการปลายนิ้วซีด รวมทั้งลดอาการปวด
นอกจากนี้อาจจะเป็นยาที่ช่วยในการเคลื่อนไหวของทางเดินอาหาร
โดยการรักษานั้นสามารถหยุดได้เมื่ออาการสงบลง
แต่ถ้าหากมีอาการกำเริบอีกก็จะเป็นที่จะต้องรักษาตามอาการกันต่อไป
และในปัจจุบันยังไม่มีวิธีการรักษาให้หายขาดแต่อย่างใด
ผู้ป่วยควรปฏิบัติตัวอย่างไร
ผศ.พญ.ปภาพิต ตู้จินดา ภาควิชาตจวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล ให้ข้อมูลว่า ผู้ป่วยโรคนี้ควรปฏิบัติตัวดังนี้
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสความเย็น
- ควรใส่เสื้อผ้าที่หนาเพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้กับร่างกาย เนื่องจากอากาศเย็นจะทำให้หลอดเลือดบริเวณปลายนิ้วหดตัวมากขึ้น อาการของโรค เช่น ปลายนิ้วมือซีด เขียว ปวด จะกำเริบมากขึ้น
- หยุดสูบบุหรี่ เนื่องจากจะทำให้หลอดเลือดบริเวณปลายนิ้วหดตัวมากขึ้น
- ควรทำกายภาพบำบัดนิ้วมือเพื่อป้องกันการติดยึด และข้อผิดรูปของนิ้วมือ
- หลีกเลี่ยงกิจกรรมหรือการทำงานที่จะก่อให้แผลบริเวณปลายนิ้ว
- ออกกำลังกายบริเวณหัวไหล่ โดยการหมุนหัวไหล่ในท่าขว้างลูกบอล เพื่อเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปยังบริเวณปลายนิ้ว
- ถ้ามีอาการผิดปกติ เช่น กลืนลำบาก, หายใจลำบากอึดอัด เป็นต้น ควรแจ้งให้แพทย์ทราบ มารับการตรวจ และรับประทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างสม่ำเสมอ
วิธีการป้องกัน
เนื่องจากโรคหนังแข็งนี้ยังเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับภูมิคุ้มกันซึ่งแพทย์ยังไม่สามารถหาสาเหตุได้อย่างแน่ชัดถึงความผิดปกติ
จึงทำให้ยังไม่มีวิธีการป้องกันโรคนี้เช่นเดียวกับโรคแพ้ภูมิคุ้มกันตนเองค่ะ
ได้ทราบถึงข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับโรคหนังแข็งกันไปแล้ว
หลายคนที่ไม่เคยได้ยินชื่อโรคนี้ก็คงจะพอรู้จักกันมาขึ้นแล้วใช่ไหมคะ
ในเมื่อโรคนี้เราไม่สามารถป้องกันหรือรักษาให้หายขาดได้
เราก็ควรจะใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง และหากมีคนใกล้ชิดป่วยด้วยโรคนี้ละก็
ควรจะหมั่นให้กำลังใจเสมอ
เพื่อที่ผู้ป่วยจะได้มีกำลังใจและมองโลกในแง่บวกมากขึ้นค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก
ไทยโพสต์