วิธีลดน้ำหนัก ให้หายไปได้กว่า 12 กิโลกรัม ภายในเวลาเพียงแค่ 2 เดือนของอดีตสาวเคยอ้วน เธอคนนี้จะทำได้อย่างไร และมีเคล็ดลับอะไรบ้าง ตามมาดูกันเลยค่ะ
เรื่องจริงของคนอ้วนลดน้ำหนัก คงจะไม่มีสาว ๆ คนไหนกล้าปฏิเสธว่าหนทางของการลดน้ำหนักนั้นมันช่างยากเย็นแสนเข็ญเหลือเกิน และด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้ใครหลายคนยอมพ่ายแพ้ให้กับความอ้วนกันอยู่บ่อย ๆ เพราะด้วยความที่ใจยังไม่มีความมุ่งมั่นพอ ซึ่งก็เหมือนกับเธอคนนี้ ที่เมื่อก่อนปล่อยให้น้ำหนักพุ่งเพราะตามใจปาก แต่อีกใจก็อยากผอมจึงหันไปกินยาลดความอ้วน ผลสุดท้ายก็กลายเป็นโยโย่น้ำหนักขึ้นมากกว่าเดิม และเมื่อกลับมาชั่งน้ำหนักอีกครั้งก็ทำให้เธอพบกับความจริงที่แสนเจ็บปวด เพราะน้ำหนักในตอนนั้นของเธอพุ่งขึ้นเกือบ 80 กิโลกรัมเข้าไปแล้ว ซึ่งถือว่ามากที่สุดในชีวิตของเธอเลยก็ว่าได้ และด้วยเหตุนี้จึงทำให้เธอตัดสินใจที่จะลดน้ำหนักอย่างจริง ๆ จัง ๆ ขึ้นมาทันที และด้วยความตั้งใจจริงในครั้งนี้จึงทำให้เธอได้พบกับความภาคภูมิใจในตัวเอง เพราะเธอสามารถลดน้ำหนักได้ถึง 12 กิโลกรัม ภายในเวลาเพียงแค่ 2 เดือนเท่านั้น !
และสำหรับคุณสาว ๆ คนไหนที่อยากจะรู้ว่าเธอคนนี้เอาชนะตัวเองได้อย่างไร และใช้วิธีไหนถึงสามารถลดน้ำหนักไปได้ถึง 12 กิโลกรัมภายในเวลาอันรวดเร็วได้แบบนี้ มาติดตามเรื่องราวของคุณ missnichy สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอมไปพร้อม ๆ กันเลยค่ะ
ก่อนอื่นต้องขอสวัสดีผู้อ่านทุกท่านนะคะ เราชื่อ "อาย" อายุ 22 ปี สูง 157 เซนติเมตร และปัจจุบันทำงานประจำค่ะ (แน่นอนว่าต้องเข้างานเช้าและบางทีก็เลิกดึก)
เกริ่นก่อนว่าอายตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาด้วยภาวะอารมณ์ที่หลากหลาย ทั้งดีใจ ปลื้มใจ จนตอนนี้น้ำตาปริ่มขึ้นมานิด ๆ (จริง ๆ ไม่ได้เว่อร์เลยนะคะ) เพราะอยากจะแบ่งปันประสบการณ์การลองผิดลองถูกของตัวเอง ที่ทำร้ายร่างกายจนบวมเป่งเป็นโอ่งราชบุรี จนมาถึงวันนี้
อายเคยใช้วิธีผิด ๆ ในการลดความอ้วนและสัดส่วนมามากมายค่ะ ทั้งกินยาลดเฉพาะส่วนที่มีขายใน IG สมัยก่อน หรือกินยาลดความอ้วนยี่ห้อต่าง ๆ ที่พวกพริตตี้มาโฆษณาบ้าง ดารามาโฆษณาบ้าง ผลสุดท้ายคือต้องมานั่งร้องไห้เงียบ ๆ คนเดียว เพราะนอกจากน้ำหนักจะลดอย่างน่ากลัวแล้ว การที่มันกลับมาโยโย่ทำให้น่ากลัวยิ่งกว่าอีกค่ะ
บอกอีกนิดว่าอายอ้วนมาตั้งแต่เด็กค่ะ เรียกได้ว่าเกิดมาก็ไม่รู้จักคำว่า "ผอม" เลย ชอบทานเบเกอรี่ น้ำหวาน นมข้นหวาน ชอบทานแป้ง พิซซ่า มักกะโรนีอบชีส อะไรที่ไม่อยู่ในคำนิยามของ "อาหารคลีน" อายโปรดปรานมากเลยค่ะ
เชิญรับชมภาพค่ะ (ช่วงเด็ก ๆ/มัธยม)
แต่ !! วิธีการลดของอายคืออดอาหารบ้าง สั่งซื้อยาทาง IG บ้าง ตอนนี้ก็มานั่งคิดว่าทำไมเราถึงได้โง่แบบนี้ ผลคือลดจริง ๆ ค่ะ แต่ !!!!!!!
พอช่วงปี 3 มันโยโย่ขึ้นค่ะ จากหนักประมาณ 57-58 กิโลกรัม ค่อย ๆ พุ่งขึ้นมาเป็น 60 และไม่ลดลงอีกเลย
นี่คือภาพช่วงประมาณปี 3 ค่ะ (หนักประมาณ 60 กิโลกรัม)
น้ำหนักพุ่งมาอยู่ที่ 77 กิโลกรัม !!! ตอนแรกอายไม่ยอมชั่งน้ำหนักเลยค่ะ มโนว่ายังหนัก 70 กิโลกรัมเท่าเดิม จนที่ทำงานมีรับสมัครแข่งขันลดความอ้วน ที่จัดโดยรุ่นพี่เป็นเหมือนอีเว้นท์เล็ก ๆ ค่ะ (ขอขอบคุณพี่ ๆ มา ณ โอกาสนี้)
อายถึงได้ฤกษ์ชั่งน้ำหนักค่ะ หลังจากไม่ได้ชั่งไป 2-3 เดือน วินาทีนั้นเหมือนโลกหมุนค่ะ เหมือนเราเป็นคนทำให้ทุกอย่างพังทลายลงกับมือที่จับช้อน และปากที่กินเข้าไป
อายเลยตั้งเป้าหมายกับตัวเองอีกครั้งค่ะ และครั้งนี้ ยาลดความอ้วน/อาหารเสริม ไม่ได้แอ้มขาอ่อนฉันหรอกย่ะ !! แต่รู้ไหมคะว่าอะไรคือสิ่งที่ตอกย้ำหัวใจดวงน้อย ๆ ของอายให้พังทลายลงไปอีก
รูปนี้ค่ะ
โอ้พระเจ้า อะไรทำให้ฉันเป็นได้ขนาดนี้นะพี่ชาย !!!!
โอ้พระเจ้า อะไรทำให้ฉันเป็นได้ขนาดนี้นะพี่ชาย !!!!
สังเกตพี่ผู้ชายคนข้าง ๆ ตัวลีบเลยค่ะ เหมือนตะเกียบกับลูกชิ้นเส้นปลาแบบอวบอูมน่าหม่ำไม่มีผิด
และภาพนี้
ต่อด้วยภาพนี้
ต่อด้วยภาพนี้
เอาล่ะค่ะ เราเจ็บช้ำมามากเกินพอแล้ว !! ถึงเวลาที่จะควบคุมอาหารและออกกำลังกายกันสักที (วิธีการเป็นอย่างไร จะเล่าต่อไปนะคะ)
ขอลงภาพช่วงออกกำลังกายและภาพตัวอย่างอาหารก่อนนะคะ
ถ้าคุณคิดว่านี่พีคแล้ว คุณ คิด ผิด ค่ะ !!!
และนี่คือที่พีคที่สุดของที่สุดในชีวิตอายแล้ว (หวังว่าจะไม่ทำให้ผู้อ่านอวสานอาหารเย็นนะคะ)
และเรื่อย ๆ
เหนียงเริ่มหาย และจนถึงวันนี้ ระยะเวลา 2 เดือน 15 วัน ลดไปทั้งสิ้น 12 กิโลกรัม ปัจจุบัน 65 กิโลกรัมค่ะ (และเราจะไม่หยุด)
เปรียบเทียบค่ะ
1. สำรวจตัวเอง
เชื่อว่าทั้งวัยเรียนและวัยทำงาน ต่างเสาะหาของอร่อยทานกันทั้งนั้นใช่ไหมล่ะคะ เดี๋ยวนี้ทั้งบุฟเฟ่ต์ ชาบู โปรโมชั่นอาหารเด็ด ๆ ออกมาให้ว่อนทุกวัน ใครจะทนได้ จริงไหมคะ ? ไหนจะปาร์ตี้หลังเลิกงาน กินเลี้ยงปิดโปรเจคท์ กินเลี้ยงวันเกิด กินเลี้ยง ฯลฯ สรุปกินเลี้ยงทุกวันเลยค่ะ
แต่ ! อยากให้ทุกท่านลองสำรวจตัวเองค่ะ ว่าเป็นคนประเภทไหน สำหรับอาย อายเป็นคนชอบทานของจุกจิก ชอบทานหวาน เติมน้ำตาลในกาแฟทีก็ 3-4 ช้อนชาพูน ๆ ชอบทานเค้กมาก น้ำตาลนี่ตัวดีเลยค่ะ แป้งอีก สิ่งที่อายทำหลังจากตั้งเป้าหมายว่าจะลดน้ำหนักคือ "เปลี่ยนอาหาร" ค่ะ
อายจะแบ่งสัดส่วนอาหารตัวเอง โชคดีที่อายเป็นคนไม่หิวมากในตอนเช้า ตอนเช้าเลยจะทานพวกกาแฟดำ + ไข่ต้ม 2 ฟอง หรืออาหารเบาอื่น ๆ และกลางวันจะแบ่งสัดส่วนการทานเป็น 3 ส่วนค่ะ (คิดเป็น 100 เปอร์เซ็นต์) ข้าวกล้อง 20/ โปรตีน 30/ ผัก 50 ให้ได้ประมาณนี้ทุกวันค่ะ อายว่าเรื่องอาหาร แต่ละคนสามารถปรับใช้ได้ด้วยตนเองค่ะ สำคัญที่วัตถุดิบมากกว่า
ยกตัวอย่าง จากน้ำมันพืชทั่วไป เปลี่ยนเป็นน้ำมันมะกอก จากหมู/อาหารทะเล เปลี่ยนเป็น อกไก่ หรือไข่ โดยตอนเช้าอายจะตื่นมาทำกับข้าวทุกวันค่ะ ยากหน่อย แต่เราต้องอดทน ไม่มีใครตายเพราะเปลี่ยนมื้ออาหารหรอกค่ะ เราไม่ได้อดกินสักหน่อย
มีคนถามว่าไม่มีมื้อหลุดบ้างเลยเหรอ มีค่ะ แต่อย่างที่บอกว่าต้องคุมตัวเองไม่ให้หลุดมาก อาจจะเป็นอาทิตย์หนึ่งทานเค้ก 1-2 มื้อ ถ้าหิวมากก็ทานผลไม้พวกฝรั่ง ชมพู่ หรือแอปเปิลเขียวแทนค่ะ
2. การออกกำลังกาย
มีคนเคยบอกว่า "ยิ่งออกกำลังกายมาก ยิ่งผอมเร็ว" อายว่ามันใช้ไม่ได้ผลกับอายค่ะ อายว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจริงสำหรับคนที่มีน้ำหนักตัวมากคือ ยิ่งออกมาก ยิ่งเหนื่อยมาก และเมื่อเหนื่อยมาก ก็จะไม่ออกเลย !!! จงจำไว้ว่า อะไรที่ตึงไป มันไม่ดีหรอกค่ะ เราต้องปรับตัวให้สมดุลที่สุด
เอาล่ะ !! อย่างที่เกริ่นไป ว่าอายทำงานประจำแล้ว และกว่าจะฝ่ารถติดจากบ้านถึงที่ทำงาน (ที่เข้างาน 09.00 น.) ก็ประมาณ 1 ชั่วโมงกว่า ๆ ค่ะ
การออกกำลังในตอนเช้าที่หลายคนว่าดีมาก จึงกลายเป็นเรื่องยากพอสมควรเมื่อคำนวณแล้วต้องตื่นตั้งแต่ตี 4 กว่า ๆ คิดว่าอายจะไปออกกำลังตอนเย็นแทนใช่ไหมคะ ผิดค่ะ
อายก็ตื่นตี 4 มาออกตอนเช้านี่แหละค่ะ !!! แต่อายไม่ได้ตื่นมาออกกำลังทุกวันหรอกนะ บางวันงานดึก กลับถึงบ้านช้า เมื่อคำนวณแล้วว่าตื่นเช้าไม่ทันชัวร์ อายก็ออกตอนเย็นเลยค่ะ เป้าหมายมีไว้พุ่งชนค่ะ ทำไหวก็ทำ ทำไม่ไหวก็หาทางปรับ เท่านั้นเองค่ะ
อายจะออกกำลังครั้งละประมาณ 40-50 นาทีค่ะ แต่ออกทุกวัน เว้นวันศุกร์วันเดียว เริ่มจากการเวทค่ะ ที่บ้านจะมีดัมเบลลูก ๆ ขนาด 2 กิโลกรัม อายจะเริ่มจาก Squat เซตละ 20 วินาที/5 เซ็ต ต่อด้วยท่า plank ทำเซตละ 30 วินาที/5 เซ็ต พอเริ่มได้เหงื่อ อายค่อยคาร์ดิโอด้วยการวิ่ง/เดินเร็วบนลู่วิ่ง ครั้งละ 25-30 นาทีค่ะ
วันแรกจะบอกว่า วิ่งได้ไม่ถึง 5 นาที รู้สึกแบบวิ่งต่อไม่ไหว รู้สึกขามันเปลี้ย ร่างกายมันไม่อยากขยับ วันนั้นเป็นวันเดียวที่ร้องไห้ค่ะ จำได้ว่ามีนั่งบนพื้นบ้าน ปาดน้ำตาแล้วร้องเงียบ ๆ อยู่คนเดียว แต่คิดไว้ว่า "ถ้าเรายอมแพ้วันนี้ แล้วเมื่อไรจะชนะ เรายอมแพ้กับความอ้วนมาทั้งชีวิต ขอแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว ขอให้ร่างกายสู้ไปด้วยกัน" จากนั้นก็ไม่ร้องอีกเลย และค่อย ๆ วิ่งได้นานจนเท่าทุกวันนี้ค่ะ
3. การบริหารเวลา
อายทราบดีว่าหลายท่านเป็นพนักงานออฟฟิศ บางท่านยังอยู่ในวัยเรียน จะมีข้ออ้างต่าง ๆ นานาเรื่องเวลาค่ะ แต่รู้ไหมคะ คนเรามีเวลา 24 ชั่วโมงเท่ากัน เราไม่ได้มีปัญหาเรื่อง "ไม่มีเวลา" ค่ะ แต่เรามีปัญหาเรื่อง "การจัดสรรเวลา" ตอนนี้มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ทั้งอาหารคลีนแบบเดลิเวอรี่ ทั้งฟิตเนส อายว่าคนเราย่อมมีตัวเลือกเสมอแหละค่ะ ขอแค่ใจเราสู้อย่างเดียวพอ เวลาไม่ได้เป็นอุปสรรคอะไรหรอกค่ะ
สำหรับอาย อย่างที่บอกว่าส่วนใหญ่ตื่นตั้งแต่ 04.30 น. ออกกำลังเสร็จก็ ตี 5 กว่า ๆ พักสัก 10 นาที ทำกับข้าวเตรียมไปตอนกลางวัน เสร็จแล้วค่อยอาบน้ำ แต่งตัว ออกจากบ้านอย่างช้าก็ 07.00 น.
สิ่งที่ได้กลับมามันยิ่งกว่าคุ้มนะคะ มันคือสุขภาพ คือชีวิตเราทั้งชีวิต ทางเดินเส้นนี้ของอายคงไม่ได้จบแค่ตรงนี้ พอถึงเป้าหมายนี้แล้ว อายก็มีเป้าหมายใหม่ค่ะ แต่คงต้องใช้เวลาไปอีกสักพัก ไว้จะมาอัพเดทความคืบหน้านะคะ
การลดน้ำหนักให้ได้ผล นอกจากจะต้องใช้วิธีออกกำลังกายและคุมอาหารแล้ว สิ่งหนึ่งที่สำคัญมากกว่าก็คือใจของเราเอง เพราะถ้าหากเราไม่ยอมแพ้ เป้าหมายการลดน้ำหนักและหุ่นสวย ๆ ก็จะอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม ดังนั้นสาว ๆ ที่กำลังตั้งใจจะลดน้ำหนักทั้งหลาย ก่อนที่จะเริ่มลดอย่างจริงจังให้คิดเอาไว้เสมอว่า "ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จก็มักจะอยู่ที่นั่น" แล้วสักวันคุณก็จะประสบความสำเร็จได้ไม่ต่างจากเธอคนนี้แน่นอนค่ะ