วิธีดูแลสุขภาพในช่วงถือศีลอด สำหรับพี่น้องชาวมุสลิมที่ต้องถือศีลอดตามประเพณีทางศาสนา ควรต้องดูแลสุขภาพช่วงถือศีลอดอย่างไรให้ยังเฮลธ์ตี้
เนื่องจากในช่วงนี้เป็นช่วงที่พี่น้องชาวมุสลิมเข้าสู่การถือศีลอด ตลอดทั้งเดือนในการถือศีลอดจึงต้องดูแลสุขภาพมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะกับผู้ที่มีโรคประจำตัวหรือเป็นโรคเรื้อรังบางชนิด เช่น โรคเบาหวาน โรคไต หรือโรคเรื้อรังชนิดอื่น ซึ่งเราอยากให้มาอ่านวิธีดูแลสุขภาพในช่วงถือศีลอดจากคำแนะนำของ สสส. ไว้ก่อนค่ะ จะได้ถือศีลอดตลอดทั้งเดือนรอมฎอนได้อย่างชิล ๆ
ทั้งนี้ จากข้อมูลของ นพ.ปรีชา วงศ์ศิลารัตน์ อดีตผู้อำนวยการโรงพยาบาลสงขลา ระบุว่า การถือศีลอดตามความหมายทางศาสนาของอิสลาม คือ การงดเว้นจากการกิน การดื่ม การเสพ การร่วมประเวณีระหว่างสามีภรรยา ตลอดจนการกระทำที่ขัดกับคุณธรรม ตั้งแต่ดวงอาทิตย์ขึ้นจนถึงดวงอาทิตย์ตก ซึ่งช่วงเวลาที่อดอาหาร อดน้ำในแต่ละวัน และพฤติกรรมการรับประทานที่แตกต่างกันของแต่ละคน อาจทำให้ช่วงเวลาถือศีลอดยาวนานได้ตั้งแต่ 13 ถึง 20 ชั่วโมงต่อวัน เป็นเช่นนี้ต่อเนื่องกันไป 29-30 วัน จึงอาจมีผลกระทบต่อสุขภาพโดยเฉพาะผู้ป่วยโรคเรื้อรัง
วิธีการดูแลสุขภาพในเดือนถือศีลอดสำหรับประชาชนทั่วไป
- รับประทานอาหารสุกใหม่ ๆ หลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสเค็มจัด เพราะจะทำให้กระหายน้ำระหว่างการถือศีลอดในตอนกลางวันได้
- สำหรับอาหารมื้อเย็นควรเริ่มด้วยอาหารเหลวย่อยง่าย หลีกเลี่ยงอาหารที่ย่อยยาก เพราะจะทำให้กระเพาะอาหารทำงานหนักขึ้น
- อาหารมื้อเย็น ควรหลีกเลี่ยงการกินอาหารมากเกินไป เพราะในช่วงเวลาดังกล่าวกระเพาะอาหารจะมีน้ำย่อยออกมามาก การรับประทานอาหารอย่างรวดเร็วจะทำให้กระเพาะอาหารปรับตัวไม่ทัน ระบบย่อยอาหารแปรปรวน เกิดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ หากเกิดขึ้นบ่อย ๆ อาจทำให้เกิดโรคกระเพาะอาหารเรื้อรังต่อไปได้
- หลีกเลี่ยงการนอนทันทีหลังรับประทานอาหาร ต้องรออย่างน้อย 2-4 ชั่วโมง เพราะการนอนหลังรับประทานอาหารทันที อาจทำให้น้ำย่อยในกระเพาะอาหารไหลย้อนกลับ ทำให้ระบบย่อยอาหารแปรปรวน เกิดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ
- ก่อนรับประทานอาหารหรือปรุงอาหาร ควรล้างมือให้สะอาดทุกครั้ง สำหรับน้ำดื่มควรเป็นน้ำที่สะอาด เช่น น้ำต้มสุก หรือน้ำบรรจุขวดที่ได้มาตรฐาน
นพ.ปรีชา ย้ำว่า โรคเบาหวาน เป็นโรคที่ไม่เหมาะกับการอดอาหารมากที่สุด เนื่องจากจะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำจากการอดอาหาร หรือเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดสูง จากการงดทานยารักษาเบาหวาน ดังนั้นควรให้ความใส่ใจและดูแลตนเองเป็นพิเศษ ซึ่งการถือศีลอดในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 นั้นมีความปลอดภัย หากผู้ป่วยรู้สภาวะโรคของตนเอง และสามารถปรับพฤติกรรมการกินอาหาร ปรับเปลี่ยนการใช้ยาอย่างถูกต้อง แต่ในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1 หากผู้ป่วยมีความต้องการถือศีลอด ต้องตรวจสอบระดับน้ำตาลในเลือดช่วงตลอดวันที่ถือศีลอด รวมทั้งปฏิบัติตามคำสั่งของแพทย์อย่างเคร่งครัด
รักษาสุขอนามัยส่วนบุคคล หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยระบบทางเดินหายใจหรือผู้ที่มีอาการไอจาม ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยสบู่ หลีกเลี่ยงการเข้าไปสัมผัสกับอูฐ หรือดื่มนมอูฐดิบ เพราะอาจเสี่ยงต่อโรคไวรัสโคโรน่าได้
สำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน โรคปอดเรื้อรัง โรคไตวาย หรือผู้ที่มีภูมิต้านทานต่ำ ควรระวังเป็นพิเศษ ผู้ที่เดินทางกลับจากประเทศที่มีความเสี่ยงเป็นเวลา 14 วัน ถ้ามีอาการไข้ ไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ ควรหลีกเลี่ยงการคลุกคลีกับบุคคลอื่น สวมหน้ากากอนามัยป้องกันโรค ล้างมือให้สะอาด และรีบไปพบแพทย์
“ไม่เพียงแต่พี่น้องชาวมุสลิมเท่านั้น การรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงเป็นสิ่งที่ทุกคนควรปฏิบัติ เพื่อการมีสุขภาพดี สร้างภูมิคุ้มกัน ปราศจากโรคภัยทั้งโรคติดต่อ และโรคไม่ติดต่อได้" นพ.ปรีชา กล่าวทิ้งท้าย
พี่น้องชาวมุสลิมที่กำลังเข้าสู่ช่วงถือศีลอด อย่าลืมดูแลสุขภาพให้ดีตามคำแนะนำเหล่านี้ด้วยนะคะ
***หมายเหตุ : อัปเดตข้อมูลล่าสุดวันที่ 16 พฤษภาคม 2561
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
โดย กิดานัล กังแฮ