วิธีดูแลสุขภาพ ให้แข็งแรงในทุกฤดู สำหรับคนที่อยากฟิตเฟิร์มสุขภาพของตัวเองให้แข็งแรงดี ไม่ต้องหนาว ๆ ร้อน ๆ กับโรคภัยในแต่ละซีซั่น ลองทำตามเคล็ดลับสุขภาพดีที่เรานำมาฝากกันค่ะ
รู้สึกไหมคะว่าโลกเราชักจะปรวนแปรมากขึ้นทุกวัน ดูอย่างสภาพอากาศสิ เดี๋ยวก็ร้อน แปบ ๆ ฝนเทลงมาอีกแล้ว แหม ! สถานการณ์อย่างนี้ถ้าไม่ดูแลสุขภาพให้ดีคงมีโอกาสล้มหมอนนอนเสื่อกันบ้างแน่ ๆ ถ้าอย่างนั้นก่อนจะป่วยจนต้องหาหยูกยามารักษา เรามาดูแลสุขภาพให้ฟิตเฟิร์มตามวิธีที่ Lisa บอกต่อกันเถอะ
ลำพังฝนตกอย่างเดียวก็ทำสุขภาพเสียได้แล้ว พอมาเจอสภาวะฝน ๆ ร้อน ๆ ตามธรรมชาติของบ้านเรา บวกกับความเครียดจากการทำงานเข้าไปด้วยเลยยิ่งแย่ไปกันใหญ่ อย่างนี้มาฟิตภูมิคุ้มกันให้กล้าแกร่งกันดีไหม ไม่ว่าจะวันไหน ๆ ก็จะได้มีแรงสู้งานไว้ใช้ และไม่มีอาการจามอย่างที่ผ่านมา
กิจกรรมดูแลสุขภาพ
ก่อนที่จะกินอะไรเพื่อเสริมภูมิคุ้มกัน เราขอพูดถึงหลักปฏิบัติง่าย ๆ กันก่อน
นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ มีผลการศึกษาออกมาแล้วว่าคนที่นอนหลับไม่เพียงพอติดต่อกัน 3 วัน ร่างกายจะอ่อนแอ มีโอกาสติดเชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัสได้ง่าย ในขณะที่คนนอนหลับประมาณ 7-8 ชม. จะมีอายุยืนยาวมากกว่า นั่นเป็นเพราะการนอนหลับในเวลากลางคืนจะช่วยกระตุ้นให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง และสำหรับใครที่นอนในห้องปรับอากาศ อย่าปล่อยให้อุณหภูมิห้องแห้งเกินไป เพราะอาจมีผลกระทบกับจมูกและเนื้อเยื่อในระบบทางเดินหายใจได้
แช่เท้าในน้ำอุ่น วิธีนี้ช่วยป้องกันโรคภัยไข้เจ็บได้ เพราะเป็นการปลุกภูมิคุ้มกันให้ตื่นตัว โดยแช่ตั้งแต่ข้อเท้าลงไปในน้ำอุ่นที่อุณหภูมิ 35-40 องศาเซลเซียส ประมาณ 10 นาที จากนั้นเช็ดเท้าให้แห้งทันทีแล้วห่อด้วยผ้าสะอาด ปล่อยให้อุณหภูมิค่อย ๆ เย็นลงจึงค่อยทาโลชั่นบำรุงผิว
ชีวิตคิดบวก สังเกตไหมว่าคนที่มีความสุขมักไม่ค่อยเจ็บป่วยเท่าไร เพราะการคิดในแง่ดีจะช่วยกระตุ้นสมองส่วนซ้ายให้ทำงาน ซึ่งสมองส่วนนี้ช่วยสร้างแอนติบอดี้ได้ด้วย
นั่งสมาธิ การทำสมาธิประมาณ 30 นาที ช่วยให้การทำงานของสมองและระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรงขึ้น
เดิน เดิน เดิน การเดินเล่นทุกวันในที่ที่มีอากาศบริสุทธิ์จะช่วยบริหารเส้นเลือดให้ยืดหยุ่น ร่างกายจึงปรับตัวกับอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงได้ดี
ดื่มน้ำเปล่าอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว เพื่อเพิ่มสารคัดหลั่งและความชุ่มชื้นของเยื่อบุผิวในท่อทางเดินหายใจส่วนบน และช่วยป้องกันและดักจับฝุ่นละอองหรือเชื้อโรคที่เข้าสู่ร่างกาย
ออกกำลังกายอย่างพอเหมาะเป็นประจำ นอกจากจะช่วยให้กล้ามเนื้อแข็งแรงแล้ว ยังช่วยขับของเสียผ่านทางเหงื่อ และเพิ่มปริมาณการไหลเวียนเลือด ส่งผลให้เซลล์ต่าง ๆ ในระบบภูมิต้านทาน เช่น แอนติบอดี้และเม็ดเลือดขาวเดินทางไปทำลายสิ่งแปลกปลอมและเชื้อโรคต่าง ๆ ได้รวดเร็วขึ้น
Super Healthy Foods
อย่าลืมกินอาหารตามตารางนี้ เพื่อชาร์จพลังร่างกายมีภูมิคุ้มกัน
ถั่วชนิดต่าง ๆ
โยเกิร์ตและนมเปรี้ยวชนิดโพรไบโอติกส์ การกินโยเกิร์ต 7 ออนซ์ต่อวันจะช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้ทำงานได้ดีขึ้น
วิตามินซีในผลไม้อย่างฝรั่ง มะม่วง มะละกอ และแคนตาลูป ส่วนในผักก็เช่น คะน้า กะหล่ำปลี ดอกกะหล่ำ และพริก
วิตามินเอ มีอยู่ในไข่ นม ตับ และเครื่องในสัตว์ หรือผักอย่าง ผักชีฝรั่ง ตำลึง ฟักทอง และมันฝรั่งหวาน
วิตามินอี มีอยู่ในเนื้อสัตว์ ไข่ นม เนย ผักกาดหอม ถั่ว ผักกาด แครอท มะเขือเทศ น้ำมันพืช น้ำมันงา
สังกะสี สารอาหารสำคัญในการผลิตเซลล์เม็ดเลือดขาวมีอยู่ในเนื้อสัตว์ ตับ อาหารทะเล โดยเฉพาะหอยนางรม
เบต้าแคโรทีน มีมากในผักใบเขียวและผลไม้ที่มีสีเหลือง หรือส้ม เช่น ผักบุ้ง ฟักทอง มะละกอ มะม่วงสุก มะเขือเทศ
วิตามินบี มีอยู่ในผักใบเขียว นม เนื้อสัตว์ ถั่ว ตับ ไข่ และข้าวซ้อมมือ
กระเทียมช่วยต้านเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อรา
เอลเดอร์เบอร์รี่ (Elderberry) ในประเทศปานามานิยมนำมาคั้นรักษาโรคไข้หวัดใหญ่
โสมเกาหลี ปรับสภาพร่างกายให้สมดุล
ข่า ช่วยป้องกันไวรัสที่ทำให้เกิดโรคหวัดได้
ซุปไก่ เพิ่มปริมาณเซลล์เม็ดเลือดขาวได้เป็นอย่างดี
เห็ด เพิ่มประสิทธิภาพและการผลิตเซลล์เม็ดเลือดขาว
ปลาและสัตว์ที่มีกระดองอย่างหอยหรือปู ช่วยเพิ่มเซลล์ภูมิคุ้มกัน Cytokines ที่ช่วยกำจัดไวรัสหวัด
ขอขอบคุณข้อมูลจาก