รากประสาทขาถูกกดทับ (คมชัดลึก)
รากประสาทถูกกดทับคืออะไร...
สันหลังคนเราประกอบด้วยกระดูกสันหลังชิ้นย่อยๆ กว่า 30 ชิ้น เรียงต่อกันเป็นแนวจากต้นคอจรดก้นกบ ระหว่างกระดูกแต่ละข้อมีแผ่นกระดูกอ่อนหรือที่เรียกว่า หมอนรองกระดูกสันหลัง คั่นกลางทำหน้าที่ป้องกันการเสียดสีและเป็นเสมือนโช็คอัพ เพื่อดูดซับและกระจายแรงอัด ภายในโพรงกระดูกสันหลังประกอบไปด้วยไขสันหลังและมีเส้นประสาทแยกแขนงจากไขสันหลังไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกาย เส้นประสาทส่วนต้นสุดที่แยกแขนงออกมาจากไขสันหลังเรียกว่า รากประสาท ซึ่งจะอยู่ชิดกับหมอนรองกระดูก
เมื่อหมอนรองกระดูกเคลื่อนตัวก็จะกดทับรากประสาทที่ไปเลี้ยงแขนหรือขา ทำให้มีอาการปวดเสียวและชาของแขนหรือขา ส่วนรากประสาทที่ถูกกดทับมักจะพบบ่อยจากการเคลื่อนตัวของหมอนรองกระดูกสันหลังบริเวณกระเบนเหน็บหรือบั้นเอว ทำให้มีการกดทับรากประสาทไซอาติก (Sciatic Nerve) ที่ไปเลี้ยงขา ซึ่งจะพบบ่อยในกลุ่มคนดังนี้
ผู้ที่ทำงานหนักโดยเฉพาะผู้ที่แบกของหนักเป็นประจำ
ผู้ที่เคยได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุหรือมีแรงกระแทกบริเวณเอว
ผู้ที่มีอิริยาบถที่ไม่เหมาะสมในชีวิตประจำวัน
ผู้สูงอายุที่มีภาวะกระดูกเสื่อม
รากประสาทขาถูกกดทับมีอาการอย่างไร...
มีอาการปวดหลังบริเวณบั้นเอวหรือกระเบนเหน็บร่วมกับอาการปวดร้าวที่ขา ซึ่งจะปวดจากแก้มก้นลงไปที่ต้นขา น่องและปลายเท้า
อาการปวดร้าวที่ขามักจะเป็นเพียงข้างใดข้างหนึ่งเท่านั้น นอกจากในรายที่เป็นมากอาจมีอาการทั้งสองข้าง
อาการปวดจะเป็นมากขึ้นหลังจากการเดินมากๆ และอาจปวดมากขึ้นเวลาก้ม นั่ง ไอ จามหรือเบ่งถ่าย
ในกรณีเป็นมาก เท้าจะไม่มีแรงและชา อาจปัสสาวะไม่ได้หรือกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ หากปล่อยไว้นานอาจทำให้กล้ามเนื้อขาอ่อนแรงและลีบลง
ผู้ป่วยไม่สามารถยกเท้าเหยียดตรงได้ 90 องศา เช่นคนปกติหรือได้น้อยกว่าเท้าอีกข้างหนึ่ง เนื่องจากรู้สึกปวดเสียวตามหลังเท้าจนทนไม่ได้
สาเหตุของโรคในทัศนะการแพทย์จีน...
การแพทย์จีนได้จัดโรครากประสาทขาถูกกดทับให้อยู่ในกลุ่มโรคชาและปวดเมื่อย ซึ่งมีสาเหตุมาจากการทำงานหนัก ความเสื่อมตามวัยหรือพิษเย็น-ขึ้นที่สะสมบริเวณเอว ทำให้หลอดเลือดและเส้นลมปราณติดขัด กีดขวางการไหลเวียนของโลหิตและพลังลมปราณจนเกิดอาการปวดขึ้นมา ซึ่งสอดคล้องกับหลักการวินิจฉัยและรักษาอันสำคัญของการแพทย์จีนคือ ปวดแสดงว่าไม่โล่ง โล่งแล้วก็จะไม่ปวด นอกจากนี้ การไหลเวียนของโลหิตและพลังลมปราณบริเวณเอวที่ติดขัดจะทำให้เส้นเอ็น กล้ามเนื้อและกระดูกสันหลังได้รับการหล่อเลี้ยงไม่เพียงพอ พร้อมทั้งไม่สามารถขับพิษเย็น-ชื้น ที่สะสมและสารพิษต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากกระบวนการเมตาบอลิซึมออกไปได้หมดสิ้น จึงส่งผลให้เกิดความผิดปกติต่างๆ บริเวณกระดูกสันหลังขึ้น
การแพทย์จีนมีวิธีบำบัดอย่างไร...
การรักษาโรครากประสาทขาถูกกดทับด้วยยาแก้ปวด ยาลดอักเสบ ยาคลายกล้ามเนื้อหรือยาสเตอรอยด์อาจไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุดสำหรับผู้ป่วย เนื่องจากเป็นเพียงการระงับอาการปวดและอักเสบไว้ชั่วคราว แต่มิได้หยุดยั้งการลุกลามของโรค ที่สำคัญคือพิษของยาจะก่อให้เกิดการระคายเคืองของกระเพาะอาหาร ทำให้อาหารไม่ย่อย กระเพาะอาหารอักเสบ หรือแผลที่กระเพาะอาหาร พร้อมทั้งส่งผลกระทบต่ออวัยวะอื่นๆ ในร่างกาย การแพทย์จีนจึงนิยมใช้วิธีกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต สลายเลือดคั่ง ขับพิษและแก้ปวดบวม เพื่อบำบัดต้นเหตุของโรครากประสาทขาถูกกดทับโดยมีกลไกรักษาสำคัญดังนี้
กระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต สลายเลือดคั่งทำให้ระบบการไหลเวียนโลหิตขนาดเล็ก (Microcirculation) บริเวณกระดูกสันหลังทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อกระตุ้นการขับสารที่ก่อให้เกิดการอักเสบและทำลายข้อ สารที่ก่อให้เกิดอาการปวด (เช่น สารเบต้าโปรตีน ไกลโคโปรตีนและฮิสตามีน เป็นต้น) รวมทั้งกรดแล็กติกที่สะสมอยู่บริเวณรากประสาทออกไปให้มากขึ้น จึงสามารถลดการระคายเคืองต่อรากประสาทและบรรเทาอาการปวดบวมได้อย่างเด่นชัด
การไหลเวียนโลหิตขนาดเล็กบริเวณกระดูกสันหลังที่ดีขึ้นจะทำให้เส้นเอ็น ประสาท กล้ามเนื้อและกระดูกสันหลังได้รับการหล่อเลี้ยงได้มากขึ้นบริเวณที่บาดเจ็บจึงได้รับการฟื้นฟูและซ่อมแซมได้เร็วขึ้น
ปรับลดระดับความรุนแรงของปฏิกิริยาการตอบโต้จากระบบต่อไร้ท่อเมื่อรากประสาทขาถูกกดทับ จึงลดการสร้างและการหลั่งสารที่ก่อให้เกิดการอักเสบและทำลายข้อ พร้อมทั้งลดการหดเกร็งของหลอดเลือดบริเวณที่บาดเจ็บได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ลดอาการบวมของรากประสาทและบริเวณที่บาดเจ็บ เพื่อลดแรงดึงภายในเส้นประสาทและการหดเกร็งของกล้ามเนื้อบริเวณกระเบนเหน็บและบั้นเอวจึงบรรเทาอาการปวดบวมและฟื้นฟูสมรรถภาพการทำงานของเส้นประสาทได้อย่างเด่นชัด
อาการปวดหลัง อาการปวดร้าวที่ขาและอาการอื่นๆ ที่เกิดจากรากประสาทขาถูกกดทับจึงค่อยๆ ทุเลาลงหรืออาจหายไปในที่สุด...
ขอขอบคุณข้อมูลจาก