
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เผยผลตรวจคุณภาพปลาแซลมอนนำเข้า พบโลหะหนักต่ำกว่าเกณฑ์ แต่พบเชื้อจุลินทรีย์ก่อให้เกิดอาหารเป็นพิษ พร้อมแนะผู้บริโภคเลือกซื้ออย่างระมัดระวัง
เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2558 นพ.อภิชัย มงคล อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันคนไทยนิยมบริโภคเนื้อปลาแซลมอน ทั้งแบบปรุงสุกและแบบปลาดิบ หรือ ซาซิมิ ซึ่งขณะนี้มีการส่งต่อข้อมูลในโลกออนไลน์เกี่ยวกับความไม่ปลอดภัยในการบริโภคเนื้อปลาแซลมอน ทำให้ผู้บริโภคเกิดความกังวล กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ โดยสำนักคุณภาพและความปลอดภัยอาหาร จึงได้ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เฝ้าระวังความปลอดภัย โดยการตรวจวิเคราะห์ปริมาณโลหะหนัก 3 ชนิด ซึ่งมีความเสี่ยงสูงที่จะมีการปนเปื้อน คือ ปรอท ตะกั่ว และแคดเมียม ในเนื้อปลาแซลมอนที่นำเข้าตั้งแต่ปี 2555-ปัจจุบัน พบว่าเนื้อปลาแซลมอนที่นำเข้ามีปริมาณโลหะหนักต่ำมากและไม่เกินค่าที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กำหนดไว้ในประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 98 โดยผลการตรวจสอบมีดังนี้
1. ตรวจหาปริมาณปรอท 78 ตัวอย่าง ตรวจพบ 46 ตัวอย่าง คิดเป็นร้อยละ 59 ปริมาณที่พบตั้งแต่น้อยกว่า 0.01-0.04 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม
2. ตรวจหาปริมาณตะกั่ว 62 ตัวอย่าง ตรวจพบ 5 ตัวอย่าง คิดเป็นร้อยละ 8 ปริมาณที่พบน้อยกว่า 0.10 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมทุกตัวอย่าง
3. ตรวจหาปริมาณแคดเมียม 153 ตัวอย่าง ตรวจพบ 3 ตัวอย่าง คิดเป็นร้อยละ 2 โดยปริมาณที่พบตั้งแต่น้อยกว่า 0.02-0.12 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม
นพ.อภิชัย กล่าวว่า ในส่วนของซาซิมินั้น ได้สุ่มเก็บตัวอย่างอาหารญี่ปุ่นเมนูซาชิมิ ที่ทำจากปลาทะเลดิบจากภัตตาคาร/ร้านอาหารญี่ปุ่น ระหว่างเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน 2556 จำนวน 32 ร้าน แบ่งเป็น จากซูเปอร์มาร์เกต 10 แห่ง และมินิมาร์ท 1 แห่งใน กทม. และปริมณฑล รวมทั้งหมด 52 ตัวอย่าง นำมาตรวจวิเคราะห์หาการปนเปื้อนของจุลินทรีย์และพยาธิตัวกลม โดยตรวจหาจุลินทรีย์ 2 กลุ่ม คือ กลุ่มจุลินทรีย์ที่บ่งชี้สุขลักษณะการผลิต ได้แก่ จำนวนจุลินทรีย์รวม และอีโคไล กับกลุ่มจุลินทรีย์ที่ก่อโรคอาหารเป็นพิษ 5 ชนิด ได้แก่
1. เชื้อวิบริโอ พาราฮีโมไลติคัส (Vibrio parahaemolyticus)
2. วิบริโอ คอเลอเร (Vibrio cholerae)
3. ซาลโมเนลล่า (Salmonella spp.)
4. ลิสทีเรีย โมโนไซโตจีเนส (Listeria monocytogenes)
5. สแตปฟิโลคอคคัส ออเรียส (Staphylococcus aureus)
6. พยาธิตัวกลมกลุ่มอนิสซาคิส (Anisakidae)

พบว่า จุลินทรีย์ที่บ่งชี้สุขลักษณะการผลิตเกินเกณฑ์คุณภาพทางจุลชีววิทยาของอาหารและภาชนะสัมผัสอาหาร จำนวน 37 ตัวอย่าง ส่วนจุลินทรีย์ที่ก่อโรคอาหารเป็นพิษเกินเกณฑ์ 7 ตัวอย่าง แต่ตรวจไม่พบพยาธิกลุ่มอนิสซาคิสทุกกลุ่มตัวอย่าง
นพ.อภิชัย กล่าวต่อว่า การปนเปื้อนของจุลินทรีย์อาจเกิดจากการปนเปื้อนจากสิ่งแวดล้อม หรือปนเปื้อนจากน้ำทะเลตามธรรมชาติ รวมไปถึงการปนเปื้อนขณะแล่และหั่นปลาดิบ ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการปนเปื้อนมาจากอาหารดิบอื่น ๆ โดยการใช้อุปกรณ์เครื่องครัว เช่น มีด เขียงและภาชนะร่วมกัน โดยไม่ได้ล้างให้สะอาด แต่บางกรณีการปนเปื้อนเชื้อซาลโมเนลลาและอีโคไล ซึ่งเป็นเชื้อที่พบได้ในอุจจาระของคน และสัตว์ ซึ่งอาจมาจากผู้ประกอบการมีสุขลักษณะส่วนบุคคลที่ไม่เหมาะสม เช่น ไม่ล้างมือให้สะอาดภายหลังการเข้าห้องน้ำ
อย่างไรก็ตาม ข้อแนะนำในการเลือกซื้อเนื้อปลาทะเลที่แล่ขายนั้น ควรเลือกรับประทานปลาทะเลดิบที่จำหน่ายในภัตตาคารหรือร้านอาหารญี่ปุ่นต้นตำรับหรือร้านที่มั่นใจว่าใช้ปลาดิบที่เป็น sashimi-grade หรือ sushi-grade fish ซึ่งเป็นปลาทะเลที่เตรียมไว้สำหรับบริโภคเป็นปลาดิบโดยเฉพาะ ส่วนเนื้อปลาทะเลที่ขายในซูเปอร์มาร์เก็ต ควรสอบถามแหล่งที่มาของปลา และเลือกปลาที่เตรียมแบบ sashimi grade บรรจุในภาชนะที่ปิดเรียบร้อย เพื่อป้องกันการปนเปื้อนและเก็บรักษาในอุณหภูมิแช่เย็นตลอดอายุการจำหน่าย และควรรีบรับประทานให้หมดภายในวันที่ซื้อ และในส่วนของผู้ประกอบอาหารและผู้แล่ปลา ต้องล้างมือให้สะอาดก่อนหยิบจับอาหาร และถ้ามีบาดแผลที่มือให้ปิดพลาสเตอร์และใส่ถุงมือขณะประกอบอาหาร เพื่อลดโอกาสการปนเปื้อนเชื้อสู่อาหาร
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
thannews.th.com