ไข้เลือดออกระบาดหนัก พบปี 2558 ไทยมีผู้ป่วยไข้เลือดออกทั่วประเทศจำนวน 102,762 คน และเสียชีวิตแล้ว 102 คน ชี้อาการไข้เลือดออกคล้ายไข้หวัด ทำผู้ป่วยละเลยการรักษาและเสี่ยงต่อการช็อกจนเสียชีวิต
วันที่ 11 พฤศจิกายน 2558 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีการเปิดเผยข้อมูลเฝ้าระวังโรคจาก สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค เรื่องจำนวนผู้ป่วยไข้เลือดออก หลังจากที่มีข่าวพระเอกดัง ปอ ทฤษฎี สหวงษ์ ป่วยไข้เลือดออกขั้นวิกฤต โดยพบว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-2 พฤศจิกายน 2558 มีผู้ป่วยไข้เลือดออกทั่วประเทศ จำนวน 102,762 ราย และมีผู้เสียชีวิตทั่วประเทศ จำนวน 102 ราย โดยในพื้นที่กรุงเทพฯ มีจำนวนผู้ป่วยจากโรคไข้เลือดออกแล้ว 12,708 คน แต่ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต
ทั้งนี้ กลุ่มอายุที่มีอัตราป่วยเป็นไข้เลือดออกมากที่สุดในพื้นที่กรุงเทพฯ คือ
ช่วงกลุ่มอายุ 20-24 ปี จำนวน 1,333 คน
ช่วงกลุ่มอายุ 10-14 ปี จำนวน 1,312 คน
ช่วงกลุ่มอายุ 15-19 ปี จำนวน 1,213 คน
สำหรับเขตที่พบผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกมากที่สุดได้แก่ เขตวัฒนา, เขตธนบุรี, เขตหนองจอก และเขตพระนคร
สำนักงานควบคุมโรคไข้เลือดออก ได้ตั้งข้อสังเกตถึงการแพร่ระบาดว่า โรคไข้เลือดออกที่กำลังแพร่ระบาดอยู่ในขณะนี้ ไม่ใช่ไข้เลือดออกสายพันธุ์ใหม่ แต่เป็นเพียงหนึ่งในสายพันธุ์เชื้อของโรคไข้เลือดออก ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า "เดงกี" (Dengue) มีอยู่ทั้งหมด 4 สายพันธุ์ เรียกชื่อเรียงกันง่าย ๆ ว่าสายพันธุ์ 1, 2, 3 และ 4 โดยไวรัสเดงกี มียุงลายเป็นพาหะนำโรค ทำให้โรคนี้ติดต่อจากคนสู่คนได้ โดยยุงชนิดนี้พบอยู่มากในแถบอากาศร้อนชื้น และหนึ่งในนั้นคือประเทศไทย
และในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา พบว่า สายพันธุ์ที่ระบาดมากที่สุดคือ สายพันธุ์ 3 แต่มาถึงปี 2558 สายพันธุ์ที่เด่นขึ้นมาแทน และแนวโน้มจะระบาดหนักขึ้นเป็นสายพันธุ์ที่ 4 นั่นเอง
ทั้งนี้ยังพบว่าประชาชนส่วนใหญ่ยังสับสนอาการป่วยระหว่างไข้หวัดและไข้เลือดออก เนื่องจากมีอาการที่คล้ายคลึงกัน ทำให้ผู้ป่วยบางคนละเลยที่จะรับการรักษาจนเสี่ยงอันตรายต่อชีวิต
อาการของโรคไข้เลือดออก
ในช่วงแรกผู้ป่วยจะมีไข้สูงประมาณ 39-40 องศาเซลเซียส มีอาการอ่อนเพลีย ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ และใบหน้าของผู้ป่วยจะแดง รวมทั้งผู้ป่วยอาจมีเลือดออกผิดปกติ อาทิ เลือดกำเดาไหล เลือดออกตามไรฟัน เลือดออกในกระเพาะ โดยจะมีอาการอาเจียนเป็นเลือด หรือถ่ายดำ มีจุดเลือดออกตามตัว และในบางคนที่มีอาการรุนแรงมากอาจพบอาการซึม เหงื่อออก มือเท้าเย็น ชีพจรเต้นเบาแต่เร็ว ปวดท้องโดยเฉพาะบริเวณใต้ชายโครงขวา ปัสสาวะลดลง อาจถึงกับช็อกและเสียชีวิตได้
ทั้งนี้ ก่อนจะมีอาการช็อก ผู้ป่วยจะมีไข้ลดลง ชีพจรเบาเร็ว ความดันต่ำ ดังนั้นหากพบว่าผู้ป่วยมีอาการดังที่กล่าวมา ควรรีบแจ้งแพทย์หรือนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลทันที
ภาพจาก ทวิตเตอร์ @MorningNewsTV3
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก