ฟังเพลงตอนทำงาน ไม่ใช่แค่ช่วยผ่อนคลาย แต่ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้ ถ้าเลือกฟังเพลงให้ถูกแนว
การฟังเพลงเป็นวิธีการผ่อนคลายที่ดีอย่างหนึ่งซึ่งหลาย ๆ คนเลือกใช้เพื่อลดความเครียดจากการทำงาน แต่มีสิ่งหนึ่งที่หลาย ๆ คนคงยังไม่ทราบนั่นก็คือ นอกจากความผ่อนคลาย การฟังเพลงยังสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้ดีขึ้นได้อย่างน่าอัศจรรย์ โดยการศึกษาล่าสุดจากมหาวิทยาลัยเบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษ ค้นพบว่า การฟังเพลงส่งผลดีต่อประสิทธิภาพการทำงาน ยิ่งถ้าหากเป็นงานที่ต้องทำซ้ำ ๆ เป็นกิจวัตร อย่างเช่นการเช็กอีเมล การคีย์ข้อมูล การฟังเพลงจะช่วยทำให้เราทำงานเหล่านี้ได้เร็วและถูกต้องมากยิ่งขึ้น
เพลงที่มีเสียงประกอบเป็นเสียงธรรมชาติ ช่วยให้อารมณ์ดีและมีสมาธิ
การศึกษาล่าสุดของสถาบัน Rensselaer Polytechnic Institute พบว่า การฟังเพลงที่มีเสียงประกอบจากเสียงของธรรมชาติ สามารถช่วยให้ผู้ฟังอารมณ์ดีและมีสมาธิในการทำงานมากขึ้น โดยในการวิจัยนั้นแสดงให้เห็นว่า เสียงธรรมชาติที่อยู่ในเพลงช่วยให้อาสาสมัครมีจิตใจสงบลง มีการเรียนรู้และสมาธิที่ดียิ่งขึ้น ส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพการทำงาน ขณะที่เสียงเหล่านี้ก็ยังเป็นเสียงในแบบที่เรียกว่า White noise ซึ่งจะไม่ไปรบกวนการทำงานของสมองอีกด้วย ทั้งนี้นักวิจัยก็ยังได้แนะนำว่าถ้าอยากให้ได้ผลดีที่สุด ก็ควรฟังเสียงน้ำไหลนะคะ
แม้ว่าการฟังเพลงจะทำให้เรามีสมาธิได้มากขึ้นก็จริง แต่การฟังเพลงที่มีเนื้อร้องก็อาจจะทำให้สมองถูกรบกวนได้ โดยการศึกษาจาก Cambridge Sound Management พบว่า เสียงเพลงบรรเลงนั้นจะไม่เข้าไปรบกวนสมอง แต่เพลงที่มีเนื้อร้องจะทำให้ผู้ฟังสามารถไขว้เขว และทำให้ผู้ฟังหันไปสนใจกับเสียงพูดคุยรอบข้างมากกว่างานที่ทำอยู่ตรงหน้าได้ง่ายกว่าปกติ
เพลงที่ชอบ ช่วยพาสมองโลดแล่น
การได้ฟังเพลงที่ชอบไม่ได้แค่ช่วยให้เรารู้สึกผ่อนคลายเท่านั้น แต่ยังช่วยให้สมองของเราโลดแล่นได้มากขึ้นเช่นกัน เรื่องนี้ถูกยืนยันโดยผู้ช่วยศาสตราจารย์ Teresa Lesiuk แห่งมหาวิทยาลัยไมอามี่ ที่ได้เปิดเผยว่า การเลือกฟังเพลงตามความชอบนั้นมีความสำคัญโดยเฉพาะกับคนทำงาน จะช่วยให้งานที่ทำเสร็จไวยิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยสร้างสรรค์ไอเดียใหม่ ๆ ได้อีกด้วย เพราะเมื่อคนเราได้ฟังเพลงที่ชอบแล้วเราก็จะรู้สึกอารมณ์ดีและผ่อนคลายลง จนทำให้สมองทำงานได้อย่างเต็มที่นั่นเอง
แต่ก็ยังมีผลการวิจัยจากมหาวิทยาลัย Xinzhuang ในไต้หวันซึ่งให้ผลที่แตกต่างกันออกไป โดยพบว่าหากผู้ที่ทำงานได้ฟังเพลงที่ชอบมาก ๆ หรือไม่ชอบมาก ๆ แล้วละก็ อาจทำให้สมาธิของผู้ฟังไขว้เขวได้เช่นเดียวกัน ดังนั้นทางที่ดีก็ฟังเพลงแนวกลาง ๆ ดีกว่าค่ะ
จังหวะของเพลง ก็สำคัญต่อการทำงานของสมอง
ไม่เพียงแต่เสียงประกอบหรือโน้ตเพลงเท่านั้นที่มีผลต่อการทำงาน แต่จังหวะของเพลงก็มีส่วนสำคัญต่อการทำงานของสมอง โดยการศึกษาจากนักวิจัยชาวแคนาดาพบว่า เพลงที่มีจังหวะที่เร็วและเร้าใจ สามารถช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้นได้
นอกจากนี้ยังมีการศึกษาจากมหาวิทยาลัยแมรีแลนด์, มหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนีย และโรงพยาบาลฮาร์เบอร์ในบัลติมอร์ ซึ่งพบว่าเพลงที่เหมาะกับการฟังเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานควรเป็นดนตรีแบบบาโรก (Baroque music) เพราะจะช่วยให้สมองผ่อนคลายความเครียดได้ดีกว่าเพลงในแนวอื่น ๆ ค่ะ
ไม่ใช่แค่เรื่องของแนวเพลงเท่านั้น แต่ระดับความดังของเสียงก็ยังมีส่วนสำคัญในเรื่องของสมาธิอีกด้วย ซึ่งในเรื่องนี้มหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ มหาวิทยาลัยบริติชโคลัมเบีย และมหาวิทยาลัยเวอร์จิเนียต่างก็พบว่า ระดับเสียงเพลงที่เหมาะสมสามารถช่วยสร้างความคิดสร้างสรรค์ได้ดี ก็คือระดับเสียงปานกลาง เพราะสามารถกระตุ้นให้สมองคิดและประมวลผลได้ดียิ่งขึ้น ดังนั้นหากต้องการให้สมองทำงานได้ดียิ่งขึ้น ในขณะที่ทำงานควรฟังเพลงในระดับความเสียงที่พอเหมาะ ซึ่งสามารถวัดได้ง่าย ๆ โดยเสียงนั้นจะต้องไม่เบาจนได้ยินเสียงพูดคุย แต่ก็ไม่ควรดังไปกว่าเสียงของเครื่องตัดหญ้า หรืออยู่ในช่วงระหว่าง 60-80 เดซิเบลนั่นเอง
ถึงการฟังเพลงจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเราได้ แต่ตัวเราเองก็จะต้องมีสมาธิจดจ่อกับการทำงานด้วยเช่นกัน ถ้าหากเราไม่สนใจที่จะทำงาน ทว่าเอาแต่คิดเรื่องอื่นอยู่ ต่อให้ฟังเพลงยังไงก็คงไม่ช่วยให้มีสมาธิทำงานอย่างแน่นอน และที่สำคัญคืออย่าเปิดเพลงเสียงดังรบกวนคนอื่น เพราะถึงเพลงจะทำให้เรามีสมาธิแต่ก็อาจจะทำลายสมาธิคนอื่นที่ไม่ต้องการฟังเพลงได้เช่นกันค่ะ