เอ๊ะ ! แล้วจิ๋มล็อกเกิดจากสาเหตุอะไรกันแน่ เรื่องนี้คู่รักต้องมาขยายให้กระจ่างซะแล้ว
จิ๋มล็อกคืออาการอะไร ?
ภาวะจิ๋มล็อกหรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่าอาการ Penis captivus คืออาการที่อวัยวะเพศหญิงเกิดการหดเกร็ง บีบรัดอย่างรุนแรง จนทำให้อวัยวะเพศชายไม่สามารถขยับเขยื้อนหรือถอนตัวออกมาได้ ซึ่งก็อย่างที่เคยเป็นข่าวมาหลายครั้งนะคะว่า เมื่อคู่รักที่กำลังเล่นจ้ำจี้เกิดอาการจิ๋มล็อกขึ้นมา ก็มักจะโดนหามส่งโรงพยาบาลในท่าร่วมรักอย่างนั้นมาเป็นแพ็กคู่กันเลย
จิ๋มล็อกเกิดจากอะไร ?
ภาวะจิ๋มล็อกเกิดได้ไม่บ่อยก็จริง แต่ก็มีปัจจัยที่ทำให้เกิดจิ๋มล็อกอยู่หลายกรณี โดยสามารถแบ่งแยกให้เข้าใจง่าย ๆ 3 กรณีดังนี้
1. ปฏิกิริยาของสรีระโดยธรรมชาติ
มักจะเกิดจากอารมณ์ร่วมรักที่ค่อนข้างรุนแรง ซึ่งจะทำให้อวัยวะเพศชายสูบฉีดเลือดจนเกิดการขยายใหญ่ ในขณะที่กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานของผู้หญิงก็จะเกิดการบีบรัดที่หนักหน่วง และอาจทำให้ผนังช่องคลอดหดตัวมากขึ้นตามไปด้วย คราวนี้อวัยวะเพศชายก็อาจติดอยู่ในน้องสาวของคุณผู้หญิงในระยะหนึ่งได้
ทว่าเคสนี้เมื่อปลดปล่อยอารมณ์รักห้วงสุดท้ายไปแล้ว อวัยวะต่าง ๆ ก็จะกลับสู่สภาพเดิม ซึ่งก็จะสามารถแยกออกจากกันได้ตามปกติ
2. ภาวะทางจิตใจ หรือภาวะทางกายจากอาการเจ็บ
ปกติฝ่ายหญิงจะมีภาวะหดตัวของผนังช่องคลอด (Vaginismus) เมื่อมีเพศสัมพันธ์อยู่แล้ว แต่บางครั้งอารมณ์ความรู้สึกก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ผู้หญิงเกิดอาการช่องคลอดหดตัวอย่างรุนแรงได้ โดยเฉพาะเมื่อฝ่ายหญิงรู้สึกกลัว เกิดอาการเกร็ง เครียด รู้สึกเจ็บ หรือตื่นเต้นสุด ๆ อาจส่งผลไปถึงช่องคลอดให้เกิดภาวะหดตัวมาก ๆ จนฝ่ายชายไม่สามารถสอดใส่อวัยวะเพศของตัวเองเข้าไปได้ หรือหากสอดใส่เข้าไปแล้ว กรณีนี้ก็อาจเกิดการติดอยู่ภายในช่องคลอด ถอนตัวไม่ออกจนกว่าฝ่ายหญิงจะมีภาวะทางจิตใจสงบลง
ซึ่งบางรายเมื่อเจอกับอาการจิ๋มล็อกก็อาจจะยิ่งรู้สึกกลัวหรือตื่นเต้นเข้าไปใหญ่ จนในที่สุดก็ไม่สามารถถอนตัวออกจากกันได้ ต้องหามส่งโรงพยาบาลไปทั้งคู่นั่นเอง
3. เล่นจ้ำจี้ในน้ำ
อาจเคยได้ยินมาบ้างที่ว่าคู่รักเกิดอาการจิ๋มล็อกขณะมีเพศสัมพันธ์กันในน้ำหรือในทะเล ซึ่งภาวะนี้มีสาเหตุมาจากน้ำหรือน้ำทะเลที่ก่อให้เกิดความดันสุญญากาศในพื้นที่แคบ เกิดแรงดูดรัดที่มากกว่าปกติจนทำให้ส่วนปลายของอวัยวะเพศชายเกิดอาการบวมจากเลือดที่ไปคั่งอยู่ตรงนั้น และทำให้เกิดอาการล็อกติดอยู่ในช่องคลอดฝ่ายหญิง ไม่สามารถดึงออกมาได้
อีกทั้งการมีเพศสัมพันธ์ในน้ำอาจทำให้น้ำหล่อลื่นที่ร่างกายหลั่งออกมาโดยธรรมชาติถูกชะล้างไปจนหมด ซึ่งก็อาจทำให้กิจกรรมเข้าจังหวะของคู่รักขาดความคล่องตัว เพิ่มความเสี่ยงอาการจิ๋มล็อกติดแหง็กมากขึ้นได้
ภาวะจิ๋มล็อก รักษายังไง ?
การรักษาภาวะจิ๋มล็อกสามารถทำได้ 2 วิธี ดังนี้
1. รอให้หลุดเอง
เนื่องจากอาการจิ๋มล็อกอาจเกิดจากสภาวะทางอารมณ์ที่พุ่งสูงในขณะร่วมรักกัน ซึ่งอาจทำให้เกิดการล็อกติดระหว่างกันอยู่สักพัก แต่เมื่อพายุอารมณ์สงบลงแล้ว การหดรัด บีบเกร็งจะคลายตัว และสามารถแยกออกจากกันได้ในที่สุด
2. ดมยาสลบ
ในบางคู่ที่มีอาการจิ๋มล็อกค่อนข้างรุนแรง คือฝ่ายหญิงไม่สามารถสงบสติอารมณ์และบังคับให้ร่างกายเกิดการผ่อนคลายได้ กรณีนี้อาจต้องพึ่งยาสลบจากแพทย์ค่ะ เพราะเมื่อร่างกายไม่รู้สึกตัว กล้ามเนื้อที่เกิดอาการเกร็งต่าง ๆ จะผ่อนคลาย จนสามารถแยกออกจากกันได้
จิ๋มล็อก ป้องกันได้ไหม ?
หลายคนอาจมีคำถามว่าอาการจิ๋มล็อกจะสามารถป้องกันได้อย่างไร ซึ่งทางเพจความรู้สนุก ๆ แบบหมอแมว ก็ได้แนะแนวป้องกันอาการจิ๋มล็อกไว้คร่าว ๆ ดังนี้
- เล้าโลมให้ดีหรืออาจใช้สารหล่อลื่นช่วย เพื่อให้กิจกรรมทางเพศมีความคล่องตัว ฝ่ายหญิงไม่รู้สึกเจ็บปวด อันอาจจะก่อให้เกิดอาการหดเกร็งอย่างรุนแรงได้ง่าย
- อย่าร่วมรักด้วยความรุนแรงเกินไป เนื่องจากอาจทำให้เกิดการเสียดสีที่รุนแรงจนฝ่ายหญิงเจ็บ หรือฝ่ายชายอาจมีอาการบวมมากขึ้นได้
- อย่าเพิ่มความตื่นเต้น เช่น พากันไปร่วมรักในที่สาธารณะ หรือร่วมรักกับคนที่ต้องแอบซ่อน เพราะกรณีเช่นนี้จะยิ่งกระตุ้นความรู้สึกตื่นเต้น จนอาจเสี่ยงภาวะจิ๋มล็อกได้
- ลองเปลี่ยนท่าร่วมรัก โดยเฉพาะกับคู่ที่เกิดอาการจิ๋มล็อกบ่อย ๆ เพราะบางทีอาการจิ๋มล็อกอาจมีความเกี่ยวข้องกับท่าร่วมเพศและรูปร่างของช่องคลอดของแต่ละคนด้วย ดังนั้นหากพบว่าเกิดอาการจิ๋มล็อกกับท่าร่วมเพศเดิม ๆ ก็ลองเปลี่ยนท่าดูบ้าง
- หลีกเลี่ยงการเล่นจ้ำจี้ในน้ำ อย่างที่บอกว่าน้ำอาจชะล้างสารหล่อลื่นจากธรรมชาติไปจนหมด อีกทั้งแรงดันน้ำอาจทำให้เกิดภาวะสุญญากาศในช่องคลอดได้ด้วยนะคะ
อย่างไรก็ดี อาการจิ๋มล็อกเกิดขึ้นไม่บ่อย หรืออาจเกิดแค่อาการเบา ๆ พอให้แนบชิดติดกันนานสักแปบก็จะสามารถคลายตัวแยกออกจากกันได้ ทว่าก็คงไม่มีใครอยากให้ภาวะนี้เกิดขึ้นกับตัวเองหรอกเนอะ ฉะนั้นหากรู้แนวทางป้องกันแล้วก็อย่าละเลย หรือพยายามหลีกเลี่ยงความพิสดารในการร่วมเพศด้วยก็จะดีกว่า
ขอบคุณข้อมูลจาก : เฟซบุ๊ก ความรู้สนุก ๆ แบบหมอแมว, Sex Health Matters, Medical Daily