6 วิธีลดน้ำหนักของสาวนักเรียนนอก จาก 78 กิโลกรัม เหลือ 61 กิโลกรัม ภายใน 4 เดือน ทำแล้วเห็นผลจริง ๆ
ความมุ่งมั่นตั้งใจเป็นสิ่งสำคัญมาก ๆ ไม่ว่าจะทำเรื่องอะไรก็ตามนะคะ รวมทั้งเรื่อง "ลดน้ำหนัก" ที่สาว ๆ หลายคนบ่นว่ายากเสียเหลือเกิน (ทั้งที่ยังไม่ได้เริ่ม) แต่ถ้าเราหยุดหาข้ออ้างแล้วตั้งใจจะลดน้ำหนักให้ได้เพื่อจุดประสงค์อะไรสักอย่างที่ปรารถนาไว้ เส้นชัยนั้นอยู่ไม่ไกลเลยนะคะ อย่างคุณลูกคุณหนูยูเค สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่คิดเองว่ากินเท่าไรก็ไม่อ้วนหรอก เลยหม่ำจังก์ฟู้ดกับจัดเต็มของหวานเข้าไปแบบไม่ค่อยจะสนใจแคลอรี จนกระทั่งเริ่มรู้สึกตัวเมื่อน้ำหนักปาเข้าไปเกือบ 80 กิโลกรัม แถมยังมีปัญหาสุขภาพตามมา เจ้าของกระทู้เลยตัดสินใจลุกขึ้นมาปฏิวัติตัวเองเสียใหม่ หวังจะมีหุ่นสวยให้ทันในวันรับปริญญา จากวันนั้นถึงวันนี้ ผ่านมา 4 เดือน เธอน้ำหนักลดไปได้ 17 กิโลกรัมแล้ว ลองมาดูเคล็ดลับการลดน้ำหนักของเธอกันค่ะ
[CR] รีวิว จาก นน. 78 เหลือ 61 kg หายไป 17 กิโลกรัม รีดหุ่นในระยะเวลา 4 เดือน เพื่องานรับปริญญา โดย คุณ ลูกคุณหนูยูเค สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
สวัสดีค่ะ กระทู้นี้ขอเป็นกำลังใจ ให้กับใครหลาย ๆ คนที่กำลังคิดอยากที่จะลดความอ้วนนะคะ
เราอยู่อังกฤษมาปีนี้เข้าปีที่ 10 แล้วค่ะ ตั้งแต่อายุเพิ่งจะ 21 ตอนนี้ย่าง 31 แล้วค่ะ ชีวิตก็ไม่เคยอ้วน น้ำหนักก็ขึ้น ๆ ลง ๆ ตามแบบที่คนทานปกติทั่วไป จนมาเจอกันแฟนคนปัจจุบัน ที่ทำให้เรากลายสภาพที่สามารถเรียกได้เลยว่าอีอ้วนดำ
เราเริ่มออกเดทกันครั้งแรกเมื่อ 3 ปีที่แล้ว หลังวันปีใหม่ ที่เจอกันโดยบังเอิญและไม่ได้ตั้งใจ ตอนนั้นน้ำหนักของเราอยู่ที่ 59 โล ซึ่งเราเป็นคนสูง 173 เซนติเมตรค่ะ
ความรักเป็นไปด้วยดีค่ะ ซึ่งภายในหนึ่งปีแรกที่คบกัน เราทั้งคู่จะไป-มาหากันทุกอาทิตย์ (เราอยู่คนละเมืองกันค่ะ) ซึ่งพอถึงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ก็จะเป็นอะไรที่คอยลุ้นและตื่นเต้นอยู่ตลอด เพราะเราจะชอบนัดเจอกันตามเมืองต่าง ๆ ของอังกฤษ สำหรับการออกเดทในแต่ละครั้ง มันก็ต้องมีค่าใช้จ่าย ค่ารถไฟ ค่าน้ำมัน ซึ่งมันก็แพง แล้วถ้าบวกค่ากินด้วยแล้ว การที่จะเดทกันแต่ละครั้งมันก็หมดหลาย
ซึ่งตอนนั้นเราสองคนเป็นนักเรียนฟูลไทม์ แฟนเรียนสาขาฟิสิกส์ ส่วนเรา ณ เวลานั้น เรียนมหาวิทยาลัย สาขา Fine art ธรรมดาสำหรับชีวิตของการเป็นนักเรียนนั้น งบที่มีก็น้อยอยู่แล้ว ซึ่งทำให้การหาอะไรทานในแต่ละครั้งที่เจอกัน เราก็จะชอบไปฝากท้องกันไว้ที่พี่แมค พี่แมคในที่นี้หมายความว่า พี่แมคโดนัลด์ หรือไม่ก็ KFC อาหารขยะนั่นเอง
แต่ทั้งนี้ การกินอาหารขยะอาทิตย์ละวัน สองวัน มันก็ไม่ได้ทำให้เราอ้วนโดยทีเดียว ประเด็นมันอยู่ที่ว่า หลังจากเราคบกันได้เกือบปี เลยตัดสินใจย้ายมาอยู่ด้วยกัน
ณ เวลานั้น ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ยิ่งใหญ่สำหรับเรา เพราะเนื่องจากว่าเราเป็นคนที่มีโลกส่วนตัวค่อนข้างสูง ถ้านึกจะไปไหนก็ไป จะทำอะไรก็ทำ แต่ในเมื่อจะต้องย้ายมาอยู่ด้วยกันเป็นชีวิตคู่ ทำให้เราต้องเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในการใช้ชีวิตหลายอย่าง
สมัยก่อน เราเป็นคนห่วงสวย เป็นคนแต่งตัว เป็นคนที่คอยเอาใจใส่เรื่องหุ่นของตัวเองมาโดยตลอด จนชีวิตมาเปลี่ยนเพราะแฟนคนนี้ เรามีความสุข เข้ากันได้ดี ไม่เคยทะเลาะกัน ถ้ามีปัญหาเราก็จะใช้เหตุผลพูดคุยกัน สิ่งที่เราชอบเหมือนกันก็คืออาหาร แฟนเราเขาเป็นคนชอบทานของหวาน ซึ่งสำหรับเขากินเท่าไรก็คือไม่อ้วน เพราะร่างกายเขาเผาผลาญพลังงานได้ดีกว่าเรา แต่สำหรับเรานั้นมันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด
ความที่เราคิดไปเองเอาวะไม่เป็นไร กินเท่าไรก็กินได้ มันไม่อ้วนหรอก แล้วอีกอย่างแฟนก็มีแล้วจะไปสวยให้ใครดู (จำไว้ว่าถ้าความคิดนี้มาถึงในหัวสมองของคุณเมื่อไร หายนะแห่งความอ้วนจะมาเยือนเมื่อนั้น)
การใช้ชีวิตคู่นั้น ส่วนใหญ่แฟนกินอย่างไหน เราก็กินอย่างนั้น อาหารพวกเราก็ทานตามปกติ แต่จะไปเน้นตบท้ายด้วยของหวานก่อนนอนทุกคืน ตอนเช้าเวลาไปมหาวิทยาลัยก็จะเเวะซื้อกาแฟเย็นของ Starbuck แก้วใหญ่ โดยที่เราไม่เคยสนใจในเรื่องของแคลอรีทำอย่างนี้อยู่เป็นประจำ ซึ่งตัวเราเองก็ไม่รู้ตัวว่าตัวเองเริ่มอ้วน กลับไปหาพ่อแม่ที่ไทย ท่านก็ว่าทำไมปล่อยให้อ้วนซะไอ้เราก็ไม่ฟัง คิดว่ามันคือความสุขฉัน อ้วนตรงไหน ถึงจะอ้วนก็สวยได้ มันคือเรื่องธรรมชาติ
จนจุดเปลี่ยนมันมาถึงตอนที่เรารู้สึกหายใจไม่ออก เป็นหอบ เหนื่อยง่าย บางคืนก็แทบจะนอนไม่ได้ เพราะหายใจไม่สะดวก พอไปหาหมอ ชั่งน้ำหนัก ตกใจว่าน้ำหนักตัวเรานั้นปาเข้าไปเกือบแปดสิบโล มันเลยเป็นจุดเริ่มต้นของการตัดสินใจที่จะลดน้ำหนักแบบเอาจริงเอาจัง ประกอบกับงาน exhibition และงานรับปริญญาของมหาวิทยาลัย จึงเป็นแรงบันดาลใจที่สำคัญที่ทำให้เราลงมือลดน้ำหนัก
โชคดีด้วยว่า มีเพื่อนแนะนำวิธีที่ใช้ได้ผลแล้วเห็นผลจริง ๆ
1. อย่างแรกเลยก็คือต้องตั้งใจ ใจต้องมาก่อน ตั้งเป้าหมาย จุดประสงค์ไว้ว่าจะทำเพื่ออะไร ทำเพื่อใคร
2. ซื้อตาชั่งอย่างดี แบบดิจิตอล ดูให้มียี่ห้อ ไว้ใจได้ ชั่งทุกเช้า และจดทุกวัน เพื่อเป็นเครื่องช่วยในการควบคุมอาหาร
3. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน พยายามตัดแป้ง ในช่วงแรก ๆ เน้นผัก และปลา กุ้ง หรือไก่ แต่ห้ามปรุงรส อีกทั้งของหวานทุกชนิดห้ามเด็ดขาด ถ้าอยากทานให้ทานได้เฉพาะหนึ่งวันต่ออาทิตย์เท่านั้นค่ะ ห้ามทานอาหารหลังห้าโมงเย็น
4. ลดปริมาณแคลอรี จากที่เราเคยกินไม่นับแคลอรี ทีนี้ไม่ว่าจะกินอะไรก็ต้องนับแคลอรี กำหนดไว้เลยว่าช่วงแรกที่เริ่มให้ตัดลงมาต่ำกว่าสองพันแคลอรี แล้วก็ตัดลงมาเรื่อย ๆ จนถึงประมาณพันนิด ๆ แคลอรีต่อวัน
5. ดื่มน้ำเปล่า น้ำชา กาแฟ ที่ไม่ใส่นม หรือน้ำตาลแทนของหวาน ชาและกาแฟ มันจะไปช่วยระบบเผาผลาญได้ดี
6. ออกกำลังกายบ้าง ตามแต่สะดวก ของเราเน้นเดินออกกำลังกายกับแฟน เราจะกำหนดเวลาไว้เลยว่า สองทุ่มครึ่งเป็นเวลาออกไปเดิน-วิ่งกัน
ทุกวันนี้น้ำหนักลงมาในเกณฑ์ที่มีความสุขแล้วค่ะ อยู่ราว ๆ 61 บางวันก็ 62 แล้วแต่วันไหนทานมากทานน้อย แต่ราว ๆ นี้ก็โอเคแล้วสำหรับเรา ทำอะไรคล่องตัวขึ้น แล้วที่สำคัญไม่เหนื่อยง่ายเหมือนตอนอ้วน
ป.ล. เราเริ่มลดน้ำหนักเมื่อตอนปีใหม่นี้ค่ะ สี่เดือนกับการลดน้ำหนัก และที่สำคัญคือเราเลิกกินเมนูอาหารตามแฟน ต่างคนต่างกินค่ะ
ที่นี่เหลืออีกแค่เดือนเดียวเองกับงาน exhibition ของมหาวิทยาลัย แล้วเดี๋ยวจะมารีวิวกันอีกว่าน้ำหนักจะลดไปอีกเท่าไร
สำหรับงาน exhibition ของมหาวิทยาลัยจะจัดวันที่ 4 June 2016 / วันเสาร์ที่ 4 มิถุนายนนี้ค่ะ ถ้าเพื่อน ๆ อยากมีส่วนร่วม สามารถรับชม live ได้ทางเฟซค่ะ www.facebook.com/krittikarn.champagne
เฟซบุ๊ก รายการลูกคุณหนูยูเค / Living in the dream
คลิปด้านล่างเป็นคลิปตัวอย่าง ที่เพิ่งทดลองจัดไปเมื่อสองเดือนที่แล้ว งานจริงจะใหญ่กว่านี้ค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
คุณ ลูกคุณหนูยูเค สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม