นิ่วน้ำลายหรืออาการต่อมน้ำลายอุดตัน เกิดขึ้นได้กับทุกคน โดยเฉพาะคนที่ดื่มน้ำน้อย มีอาการน้ำลายเหนียวบ่อย ๆ ระวังจะเป็นโรคนี้ !
![นิ่วน้ำลาย นิ่วน้ำลาย](http://img.kapook.com/u/2016/kantana/6drama/hh.jpg)
แม้ว่านิ่วจะพบได้บ่อยในทางเดินปัสสาวะ ถุงน้ำดี ไต หรือในต่อมทอนซิล ทว่านิ่วก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับต่อมน้ำลายของเราได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งหากเกิดนิ่ว ณ จุดนี้ก็จะเรียกว่า "นิ่วน้ำลาย" ชื่ออาจฟังดูแปลก ๆ และไม่คุ้นสักหน่อย แต่ก็อย่าประมาทเลยเชียวล่ะ เพราะอาการนี้ใกล้ตัวมาก ๆ ดังนั้นมาทำความรู้จักโรคนิ่วน้ำลายกันไว้ดีกว่า
นิ่วน้ำลาย คืออะไร
นิ่วน้ำลาย ภาษาอังกฤษคือ Sialolithiasis หรือ Salivary Stones คือ นิ่วที่เกิดในต่อมน้ำลาย หรือนิ่วในท่อน้ำลาย มักจะเกิดนิ่วในท่อน้ำลายใต้ขากรรไกรล่างมากกว่าท่อน้ำลายใต้หู และต่อมน้ำลายใต้ลิ้น โดยก้อนนิ่วอาจมีก้อนเดียวหรือเกิดนิ่วหลายก้อนก็ได้ ซึ่งจะก่อให้เกิดการอุดตันในท่อน้ำลายบางส่วนหรือเกิดการอุดตันในท่อน้ำลายทั้งหมด
นิ่วน้ำลายเกิดจากอะไรได้บ้าง
นิ่วในต่อมน้ำลาย เกิดจากการสะสมขององค์ประกอบทางเคมีในน้ำลาย โดยส่วนใหญ่จะพบว่าสารเคมีนั้นคือแคลเซียม ซึ่งอาจเป็นผลจากการที่ร่างกายผลิตน้ำลายได้น้อยลง หรือมีผนังท่อน้ำลายหนา ทำให้เกิดเป็นก้อนอุดตัน น้ำลายไหลออกสู่ช่องปากไม่ได้ เกิดการคั่งและก่อตัวเป็นนิ่วในที่สุด
นอกจากนี้ยังพบว่ามีปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ที่ก่อให้เกิดนิ่วน้ำลาย อันได้แก่ ภาวะขาดน้ำ จากการดื่มน้ำน้อยจนเป็นนิสัย การใช้ยาบางชนิด เช่น ยาต้านฮีสตามีน ยาลดความดันโลหิต ยาทางจิตเวช และยาควบคุมการทำงานของกระเพาะปัสสาวะ รวมทั้งอาการบาดเจ็บของต่อมน้ำลายก็มีผลเพิ่มความเสี่ยงนิ่วน้ำลายได้ด้วย
ต่อมน้ำลายอุดตันจากนิ่วน้ำลาย อาการเป็นยังไง
ผู้ป่วยส่วนมากจะมีอาการบวมใต้คางแบบเป็น ๆ หาย ๆ โดยเฉพาะในตอนรับประทานอาหาร มักมีอาการน้ำลายเหนียวบ่อย ๆ อาจคลำเจอก้อนบวมที่คางข้างใดข้างหนึ่ง บางรายอาจมีอาการปวดร่วมด้วย และหากปล่อยให้ก้อนนิ่วคงอยู่ต่อไป อาจเกิดอาการต่อมน้ำลายอักเสบร่วมกับการติดเชื้ออย่างเฉียบพลัน ผู้ป่วยอาจมีไข้ตัวร้อน มีอาการปวดบวมตลอดเวลา และมีหนองปนมากับน้ำลาย
นิ่วน้ำลาย ภาษาอังกฤษคือ Sialolithiasis หรือ Salivary Stones คือ นิ่วที่เกิดในต่อมน้ำลาย หรือนิ่วในท่อน้ำลาย มักจะเกิดนิ่วในท่อน้ำลายใต้ขากรรไกรล่างมากกว่าท่อน้ำลายใต้หู และต่อมน้ำลายใต้ลิ้น โดยก้อนนิ่วอาจมีก้อนเดียวหรือเกิดนิ่วหลายก้อนก็ได้ ซึ่งจะก่อให้เกิดการอุดตันในท่อน้ำลายบางส่วนหรือเกิดการอุดตันในท่อน้ำลายทั้งหมด
นิ่วน้ำลายเกิดจากอะไรได้บ้าง
นิ่วในต่อมน้ำลาย เกิดจากการสะสมขององค์ประกอบทางเคมีในน้ำลาย โดยส่วนใหญ่จะพบว่าสารเคมีนั้นคือแคลเซียม ซึ่งอาจเป็นผลจากการที่ร่างกายผลิตน้ำลายได้น้อยลง หรือมีผนังท่อน้ำลายหนา ทำให้เกิดเป็นก้อนอุดตัน น้ำลายไหลออกสู่ช่องปากไม่ได้ เกิดการคั่งและก่อตัวเป็นนิ่วในที่สุด
นอกจากนี้ยังพบว่ามีปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ที่ก่อให้เกิดนิ่วน้ำลาย อันได้แก่ ภาวะขาดน้ำ จากการดื่มน้ำน้อยจนเป็นนิสัย การใช้ยาบางชนิด เช่น ยาต้านฮีสตามีน ยาลดความดันโลหิต ยาทางจิตเวช และยาควบคุมการทำงานของกระเพาะปัสสาวะ รวมทั้งอาการบาดเจ็บของต่อมน้ำลายก็มีผลเพิ่มความเสี่ยงนิ่วน้ำลายได้ด้วย
ต่อมน้ำลายอุดตันจากนิ่วน้ำลาย อาการเป็นยังไง
ผู้ป่วยส่วนมากจะมีอาการบวมใต้คางแบบเป็น ๆ หาย ๆ โดยเฉพาะในตอนรับประทานอาหาร มักมีอาการน้ำลายเหนียวบ่อย ๆ อาจคลำเจอก้อนบวมที่คางข้างใดข้างหนึ่ง บางรายอาจมีอาการปวดร่วมด้วย และหากปล่อยให้ก้อนนิ่วคงอยู่ต่อไป อาจเกิดอาการต่อมน้ำลายอักเสบร่วมกับการติดเชื้ออย่างเฉียบพลัน ผู้ป่วยอาจมีไข้ตัวร้อน มีอาการปวดบวมตลอดเวลา และมีหนองปนมากับน้ำลาย
![นิ่วน้ำลาย นิ่วน้ำลาย](http://img.kapook.com/u/2016/kantana/6health/cc.jpg)
นิ่วน้ำลาย รักษาได้ไหม
เมื่อเกิดอาการต่อมน้ำลายอุดตันเพราะนิ่วน้ำลาย ในกรณีที่นิ่วมีขนาดเล็ก ก้อนนิ่วอาจหลุดไปได้เอง แต่หากมีอาการอักเสบเกิดขึ้น สามารถรักษาได้โดยแพทย์จะให้ยาลดการอักเสบในเบื้องต้น เพื่อลดอาการบวมของต่อมน้ำลาย หรือเยื่อบุผนังท่อน้ำลาย ซึ่งจะทำให้ท่อทางเดินน้ำลายกว้างเท่าระดับปกติ ท่อน้ำลายก็จะไม่อุดตันนั่นเอง
ทว่าหากเป็นนิ่วน้ำลายขนาดใหญ่ เคสนี้คงต้องรักษานิ่วน้ำลายด้วยการผ่าตัด โดยอาจคีบเอาก้อนนิ่วออก และผ่าตัดเปิดปากทางออกของท่อน้ำลายให้กว้างขึ้น หรือแพทย์อาจผ่าตัดเอาต่อมน้ำลายข้างที่เป็นนิ่วออกไปเลย
การป้องกัน
การป้องกันนิ่วน้ำลายสามารถทำได้ดังนี้
1. ดื่มน้ำมาก ๆ อย่างน้อยควรดื่มน้ำสะอาดให้ได้ 1.5-2 ลิตรต่อวัน
2. รักษาความสะอาดภายในช่องปากให้ดี
3. อย่าละเลยอาการผิดปกติต่าง ๆ หากรู้สึกได้ถึงความผิดปกติของสุขภาพช่องปากและฟันแม้เพียงเล็กน้อย ควรรีบปรึกษาปัญหาสุขภาพช่องปากกับแพทย์เฉพาะทางโดยด่วน
ปัญหาสุขภาพใด ๆ จะไม่ลุกลามใหญ่โต หากเราสังเกตอาการผิดปกติเบื้องต้นและเตรียมพร้อมรับมือกับโรคต่าง ๆ ได้ทันเวลานะคะ แต่อย่างไรก็ดี การป้องกันและลดความเสี่ยงสุขภาพโดยดูแลความแข็งแรงสมบูรณ์ของร่างกายอยู่ตลอด ก็จะช่วยให้เราห่างไกลจากโรคภัยใด ๆ ได้ดีที่สุด
ขอบคุณข้อมูลจาก : คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล, ห้องสมุดทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย