ภาพจาก Warinezz / Shutterstock.com
กรมสุขภาพจิต ห่วง คนไทยแปลงความรัก ความเศร้าไปสู่ความโกรธจนขาดสติ ชี้ คิดต่างได้ อยู่ร่วมกันได้ ควรดึงสติตามหลัก 3 ข้อคิด 3 ข้อพึงระวัง
นาวาอากาศตรี นพ.บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ในช่วงเวลานี้ ขอให้ระมัดระวังในเรื่องของการมีความเห็นต่าง การส่งต่อความโกรธ การใช้อารมณ์และโทษผู้อื่นที่อาจก่อให้เกิดความขัดแย้งนำไปสู่ความรุนแรงในสังคม ทำลายชื่อเสียงของประเทศชาติได้ ซึ่งต้องเข้าใจก่อนว่า ความโศกเศร้าเสียใจที่เกิดขึ้นในเวลานี้เป็นเรื่องปกติและเป็นเรื่องธรรมดาที่แต่ละบุคคลจะมีปฏิกิริยาทางอารมณ์เนื่องจากความสูญเสียแตกต่างกัน
ภาพจาก pixbox77 / Shutterstock.com
อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวต่อว่า สิ่งที่น่าห่วง คือ การแปลงความรักหรือความโศกเศร้าของสาธารณะไปสู่ความรู้สึกโกรธ ก้าวร้าว จนขาดความยั้งคิด เกิดความหุนหันพลันแล่น ทำร้ายตนเองและผู้อื่น เนื่องจากขาดการจัดการความเศร้าที่ดี สิ่งที่ควรทำอย่างยิ่ง คือ ดึงสติกลับมา รำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านให้มาก รวมพลังความรักสามัคคี สืบสานพระราชปณิธาน สังเกตและจัดการกับอารมณ์ของตนเอง หากพบคนเห็นต่าง สร้างความไม่พอใจ ให้ลองเงียบ ไม่ตอบโต้ พยายามลดการปะทะ และการกระทบกระทั่งให้มากที่สุด ตลอดจนลองเปลี่ยนความโกรธ ให้เป็นพลังบวก ทำสาธารณประโยชน์ต่าง ๆ ให้กับสังคม เป็นต้น ซึ่งเหล่านี้จะช่วยสร้างความสุข เสริมพลังใจให้กับตนเองและผู้อื่นได้เป็นอย่างดี
ที่สำคัญ ต้องช่วยกันหยุดยั้งและห้ามปราม ไม่เพิกเฉยต่อการผลิตซ้ำเหตุกระตุ้นความเศร้า เช่น การพูดยุยง ปลุกปั่น การแบ่งแยกคนที่เห็นต่างว่าผิด หรือการสร้างเหตุอื่นใดไม่ว่าจะด้วยคำพูด ข้อความ หรือภาพที่กระตุ้นให้เกิดความรุนแรงโดยมีจุดมุ่งหมายให้เกิดการลงทัณฑ์ทางสังคมกันเอง เป็นต้น โดยเฉพาะเวลาเสพสื่อโซเชียล ก็ขออย่าเพิ่งคล้อยตาม หรือจับผิดผู้อื่น หยุดคิดสักนิด ใช้สติก่อนแชร์ เพราะอาจกลายเป็นผู้ผลิตเหตุกระตุ้นความเศร้านำไปสู่ความรุนแรง ซ้ำเติมความทุกข์ของพี่น้องคนไทยให้มากขึ้นโดยไม่รู้ตัว และหากรู้สึกเศร้า หรือเริ่มพบว่ามีผลกระทบด้านลบต่อจิตใจตนเอง ก็ควรลดการใช้สื่อโซเชียลลงบ้าง
ภาพจาก Adirach Toumlamoon / Shutterstock.com
3 ข้อคิด ที่ควรระลึกไว้เสมอ
1. ความเศร้าโศกเสียใจเป็นเรื่องปกติ ไม่ควรปิดกั้นการแสดงออก
2. ต่างคนต่างความคิด จึงควรเปิดใจกว้าง ยอมรับฟังซึ่งกันและกัน
3. เวลาที่เศร้าโศกเสียใจ อาจจะมีหลาย ๆ เหตุการณ์เกิดขึ้น จึงควรมองด้วยเหตุและผล
ขณะเดียวกัน ขอให้พึงระวัง 3 ข้อ ดังต่อไปนี้
1. ระวัง อย่าให้รู้สึกผิดหวังมากเกินไป ให้ใช้วิธีเล่าถึงประสบการณ์ที่ดี ข้อคิดที่ได้จากพระองค์ท่าน การสืบสานพระราชปณิธาน และดูแลช่วยเหลือคนที่มีความเศร้ารุนแรง ด้วย 3 ส. "สอดส่องมองหา ใส่ใจรับฟัง ส่งต่อเชื่อมโยง"
2. ระวัง เรื่องความเห็นต่าง ควรปฏิบัติต่อกันอย่างมีสติ และเคารพซึ่งกันและกัน ไม่มองว่าคนที่กระทำไม่เหมือนตนเองเป็นคนไม่ดี หลีกเลี่ยงการแสดงความคิดเห็นที่อาจก่อให้เกิดความขัดแย้งนำไปสู่ความรุนแรงในสังคม ทั้งระหว่างบุคคลและสื่อสังคม อาจใช้วิธีนิ่งเสีย ตลอดจนสื่อสังคมไม่ส่งต่อสื่อที่สร้างความโกรธ
3. ระวัง การใช้อารมณ์และโทษผู้อื่น เพราะจะมีแต่ผลเสีย ทำลายชื่อเสียงของประเทศ ผู้ที่เกี่ยวข้องจึงต้องเตรียมพร้อมที่จะป้องกันความขัดแย้งและความรุนแรง โดยป้องกันไม่ให้เกิดการรวมตัวของฝูงชนที่มีอารมณ์ และไม่นำผู้ต้องหามาเผชิญกับฝูงชน เป็นต้น
ทั้งนี้ หากตนเองและคนรอบข้างยังคงโศกเศร้าเสียใจมาก ไม่มีกำลังใจที่จะมีชีวิตอยู่ ไม่สามารถทำอะไรได้ กินไม่ได้ นอนไม่หลับ คิดวนเวียน ความคิดความจำไม่ดี เริ่มติดเหล้า หรือบุคลิกภาพเปลี่ยนไปอย่างมาก ให้รีบขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานสังกัดกรมสุขภาพจิตและสถานพยาบาลใกล้บ้านทุกแห่งทั่วประเทศ หรือปรึกษาเบื้องต้นได้ที่สายด่วนสุขภาพจิต 1323 ตลอด 24 ชั่วโมง
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
กรมสุขภาพจิต
กรมสุขภาพจิต