เล่าประสบการณ์ป่วยหน้ามืด ใจสั่น ไม่มีแรง หาสาเหตุไม่ได้ อาการที่หลายคนอาจเป็นอยู่ !

โรคแพนิค

          อาการป่วยบางอย่างไม่ได้เกิดขึ้นจากระบบนั้นในร่างกายผิดปกติ แต่เกิดจากความวิตกกังวลจนกลายเป็นโรคแพนิค

          อาการหน้ามืด รู้สึกมึนงง แขน-ขาไร้เรี่ยวแรง แน่นหน้าอก ที่ประดังเข้ามาพร้อม ๆ กัน ดูเผิน ๆ แล้วอาจส่งสัญญาณเตือนถึงโรคหัวใจ แต่กับ คุณสมาชิกหมายเลข 3103555 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ซึ่งเกิดอาการเหล่านี้ขึ้นมาหลาย ๆ ครั้ง แถมยังรุนแรงถึงขั้นใจสั่นจนเหมือนกำลังจะตาย ได้สร้างความวิตกกังวลให้เขาเป็นอย่างมาก และยิ่งเครียดหนักขึ้นเมื่อผลตรวจร่างกายกลับไม่พบความผิดปกติใด ๆ ที่โยงไปถึงโรคหัวใจเลย กระทั่งเริ่มสงสัยว่าตัวเองอาจจะเป็นโรคแพนิค (Panic) จึงได้พบไปจิตแพทย์ และทำการรักษา
           โรคแพนิค คืออะไรกันแน่ ทำไมถึงทำให้เกิดความผิดปกติกับร่างกายได้มากถึงขนาดนี้ มาลองอ่านประสบการณ์การเป็นโรคแพนิค ที่คุณสมาชิกหมายเลข 3103555 นำมาบอกเล่าให้ฟังกันดู เพราะหลายคนอาจกำลังเป็นโรคนี้อยู่โดยไม่รู้ตัว

โรคแพนิค

          เมื่อรู้ตัวว่าเป็นโรค Panic โดย คุณสมาชิกหมายเลข 3103555

          สวัสดีครับทุกท่าน อยากเล่าแชร์ประสบการณ์การเป็น Panic ของผมนะครับ

          ออกตัวก่อนครับ ตอนนั้นผมเป็นคนน้ำหนักค่อนข้างเยอะ 97 กก. สูง 165 ตอนนั้นเหล้า เบียร์ บุหรี่ ไม่เคยขาดปาก มารู้สึกตัวอีกทีหน้ามืดจะวูบ ๆ ไปหลายครั้ง ขั้นแรกเลยคงคิดว่า บุหรี่นี่แหละตัวการ เลยเลิกสูบบุหรี่แบบหักดิบ หยุดไปดื้อ ๆ เลยครับ ไหน ๆ ก็หยุดแล้ว เหล้า เบียร์ก็เลยหยุดตามไปด้วย เลยหันมาออกกำลังกายโดยการวิ่ง ช่วงนั้นเคยตั้งกระทู้ถามเรื่องการวิ่ง 

          จริง ๆ ทุกคนที่เห็นผมในช่วงนั้นต้องคิดว่ายังไงร้อยทั้งร้อยผมดีขึ้นแน่ ๆ ทั้งคนรอบข้างผม แม่ เมีย เพื่อนฝูง พี่น้องที่ทำงาน ทุกคน รวมทั้งตัวผมเองด้วยผมคิดว่ายังไงมันต้องดีขึ้นแน่นอน แต่ผิดถนัดครับ การที่ผมออกไปวิ่งแทบจะทุกวัน วันละ 30-40 นาที งด บุหรี่ เหล้า เบียร์ กลับกลายเป็นว่าผมสุขภาพย่ำแย่ขึ้นซะดื้อ ๆ อย่างนั้น

          นั่งทำงานหน้าคอมฯ ที่ทำงาน อยู่ ๆ ก็รู้สึกวูบ หน้ามืด มองหน้าจอแล้วตาลาย แขน+ขาไม่มีแรง ใจสั่นระรัว ปวดท้ายทอย คิดในใจเฮ้ย !! กูเป็นไรวะ เลยลุกจากโต๊ะเดินไปห้องครัว หาอะไรหวาน ๆ กินเผื่อจะดีขึ้น ช่วงระหว่างที่เดินเริ่มมีอาการวูบวาบ หน้ามืด จะล้มแต่ก็ไม่ล้ม แบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เดินไปก็คิดไปเป็นอะไรวะ ได้แต่คิดว่าสงสัยเป็นผลพวงมาจากเลิกบุหรี่ โอเคทำใจ ดูดมานาน ติดมานาน คงเป็นผลข้างเคียงแน่นอนแต่นี้ก็หยุดมาประมาณ 2 เดือนกว่าแล้วยังมีผลข้างเคียงอีกหรอคิดอย่างนั้นมาตลอด

          อาการหน้ามืด แขน+ขาชา ใจสั่นเริ่มเป็นเยอะขึ้นและอาการเกิดบ่อยขึ้น โดยที่ตัวผมเองเริ่มวิตกกังวลว่าเกิดขึ้นจากอะไร เป็น ๆ หาย ๆ แบบนี้ มีครั้งนึงขับรถไปทำบุญกับครอบครัว ขับไปสักพักอาการกำเริบ รู้สึกมึนงง แขน+ขาชา ใจสั่น จอดรถทิ้งลงข้างทางเลยครับ งงกันทั้งบ้านว่าผมเป็นอะไร ผมบอกไม่ไหวแล้ว เหมือนจะตาย ทุกคนบนรถงงกันหมด แฟนผมเลยบอกให้ไปนอนพัก เดี๋ยวจะขับเอง ผมก็โอเคนอนพัก สักพักอาการก็ดีขึ้น ตอนนี้เริ่มสงสัยแล้วว่าเกิดไรขึ้นกับร่างกายของเรา ในใจคิดอย่างเดียวเลยว่าโรคหัวใจแน่นอน เพราะญาติผมทั้ง ปู่ ย่า ตา ยายของผม เป็นโรคเกี่ยวกับความดันโลหิตสูง เบาหวาน หัวใจ ครบเลย

          มีอยู่วันนึงยืนอาบน้ำอยู่ตอนเช้า อาการกำเริบอีกครั้ง มึนงง หายใจไม่ทั่วท้อง ใจสั่น แขน+ขาชา ไม่มีแรง พยายามฝืนอาบน้ำให้เสร็จ ตะโกนเรียกแฟนหอบลูกให้รีบสตาร์ทรถไปโรงพยาบาลโดยด่วน เพราะรอบนี้รู้สึกว่าไม่ไหวแล้วอาการมาเยอะ พอไปถึงโรงพยาบาล (เป็นโรงพยาบาลเอกชน) กลับไม่เกิดอาการซะงั้น ทั้ง ๆ ที่ตอนอยู่บนรถ ใจแทบจะขาด หน้าชา มือชา ขาสั่น ใจสั่น ได้พบกับคุณหมอด้านอายุรกรรม คุณหมอท่านก็สอบถามตรวจเช็กตามอาการ ผมก็เล่าอาการที่เป็นให้ท่านฟัง คุณหมอตรวจวัดความดันก็ปกติ จับผมไปวัดคลื่นหัวใจไฟฟ้า ผลออกมาก็ปกติ คุณหมอเลยสรุปให้ผมเป็นโรคออฟฟิศซินโดรม รับยาประเภทยาคลายกล้ามเนื้อมากิน

          หลังจากกลับมาจากโรงพยาบาล รอบนี้กินยาคลายกลามเนื้อไปก็คงคิดว่าน่าจะเกี่ยวเพราะเราทำงานนั่งหน้าคอมฯ ตลอดเวลาน่าจะมีส่วน แต่ ๆๆๆ อาการเดิมกลับมากำเริบอีกครับ ผมยังคงมีอาการ มึนงง หน้ามืด ใจสั่น ปวดหัว ปวดท้ายทอย แน่นหน้าอก หายใจไม่สะดวก อาการเดิม ๆ แบบที่เคยเป็น แต่ในใจก็ภาวนาว่ามันคงไม่เป็นอะไรคิดไปต่าง ๆ นานา

          มันทรมานมาก ๆ ครับ โดยเฉพาะตอนที่อาการกำเริบช่วงเวลาก่อนนอนเคลิ้ม ๆ จะหลับ อยู่ดี ๆ ใจสั่นเหมือนจะตาย หายใจไม่สะดวก เจ็บแน่น ๆ บริเวณหน้าอก มวนท้องปั่นป่วนไปหมด พออาการดีขึ้นผมก็เฝ้าแต่คิดว่าอาการจะเกิดอีกเมื่อไร เป็นแบบนี้อยู่หลายคืน จนทนไม่ไหวเลยไปหาหมออีกครั้ง

          คราวนี้ผมเลือกที่จะไปหาหมอโรคหัวใจโดยตรง เป็นคลินิกเกี่ยวกับโรคหัวใจ คุณหมอก็ตรวจ จับผมตรวจคลื่นหัวใจไฟฟ้าอีกครั้ง ผลออกมาก็ปกติ ทุกอย่างปกติ ความดันปกติ ผมเองก็สงสัยว่า เฮ้ยยย !!! ตกลงเป็นอะไรกันแน่ คุณหมอบอกว่ากล้ามเนื้อหน้าอกอักเสบ คุณหมอเลยให้ยาเหมือนเดิมครับ ยาคลายกล้ามเนื้อแล้วก็บำรุงเลือดไปเลี้ยงสมอง

          คนรอบข้างผมเริ่มวิตกไปตาม ๆ กันว่าผมเป็นอะไร ผมหมดกับการรักษาค่ายาไปค่อนข้างเยอะพอสมควร การทำงานผมประสิทธิภาพเริ่มลดลงเรื่อย ๆ ผิดพลาดบ่อยขึ้น อีกทั้งกังวลอยู่ตลอดเวลาว่าอาการจะกำเริบเมื่อไร ทั้งอยู่ที่ทำงาน ทั้งอยู่ที่บ้าน ทั้งเวลากินข้าว อาบน้ำ นอน ในสมองคิดอยู่ตลอดเวลาว่าอาการจะกำเริบเมื่อไร กลัวอาการกำเริบ มีครั้งนึงไปวิ่งที่สวนสาธารณะ วิ่งไปสักพักใจสั่นเหมือนจะตายหายใจไม่ออก กลัวขึ้นมาดื้อ ๆ อย่างนั้น คิดไปต่อว่าตายไม่ได้ กูตายไม่ได้ ตรงนี้ไม่มีคนรู้จัก ใครจะพาไปโรงพยาบาล ตายไม่ได้ จะมาตายคาสวนสาธารณะไม่ได้ คิดอยู่อย่างนั้น จนต้องกลับบ้านไม่วงไม่วิ่งมันแล้ววันนั้น
   
          ยิ่งเปิดดูในกูเกิล ดูไปเรื่อย ๆ ยิ่งเครียด กลัวเป็นนู่น นี่ นั่น กลัวไปหมด เจ็บนิดเจ็บหน่อยก็กลัว ตอนนี้ในสมองคิดแต่เรื่องกลัวตาย กลัวไปหมด กลัวอาการกำเริบด้วย คิดอยู่ทั้งวันทั้งคืน จนหัวแทบระเบิด จนดูไปดูมาเจอโรคหนึ่ง คล้าย ๆ กับที่เราเป็น นั้นคือโรค Panic อืมมมมมมม..........  หรือว่าเราจะเป็นโรคนี้วะ เลยปรึกษากับคนในบ้าน ทั้งแม่ ทั้งแฟน ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เป็นคนวันละโรค วันละหมอ หรือเรียกง่าย ๆ ว่าไอ้คนร้อยหมอ ผมเองก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงให้เข้าใจ เพราะคนในบ้านตอนนี้ต่างคิดว่าผมเป็นพวกวิตกกังวลคิดไปเอง

          ผมเลยตัดสินใจไปพบจิตเวชเป็นคลินิกเอกชนแห่งหนึ่ง หลังจากได้ไปพบคุณหมอก็เล่าเรื่องราวต่าง ๆ มากมายและอาการที่เกิดกับตัวเองให้คุณหมอฟัง

          สรุป ผมเป็นโรคแพนิคจริง ๆ ด้วย เป็นแพนิคที่อาการก่อเกิดมาจากการที่ผมหักดิบเลิกสูบบุหรี่ เหล้า เบียร์ กลัวความตายนั่นเอง จริง ๆ คุณหมอขยายความมาเป็นภาษาอังกฤษ อาการหรือชนิดของโรคแพนิคที่ผมเป็น แต่ผมจำไม่ได้ คุณหมอจ่ายยามาให้ 3 ตัว กินก่อนนอน 2 ตัว อย่างละ 1 เม็ด และตอนเช้า 1 ตัว ครึ่งเม็ด (ไม่ขอบอกชนิดของยานะครับ ไปพบแพทย์ดีที่สุด) ให้ลองไปทานก่อน 2 สัปดาห์ (ราคายาค่อนข้างแพงพอสมควรครับ)

          หลังจากได้ยามาทาน เปลี่ยนเป็นคนละคนเลยครับ จากที่ผมเป็นคนที่คิดอยู่ในหัวสมองอยู่ตลอดเวลาว่าอาการจะเกิดตอนไหน กลับไม่คิด อาการหายไปเฉย ๆ ซะอย่างนั้น แต่ก็จะมีบ้างที่อาการกำเริบ แต่มาแค่นิดหน่อยครับไม่หนักเหมือนตอนไม่ทานยา และก็ไม่เป็นระยะเวลานานเหมือนที่เคยเป็น บางวันไม่เกิดอาการเลย แต่จะมีผลจากยาที่ผมอาจจะต้องทนคือ ง่วงนอนนิดหน่อยตอนกลางวันในช่วงสองอาทิตย์แรก แต่รวม ๆ แล้วดีขึ้นเยอะมาก ๆ

          ตอนนี้ทานยามาได้เดือนกว่า ๆ ละครับ อาการดีขึ้นเยอะมาก อาการแทบไม่กำเริบ คุณหมอเรียกแฟนไปคุย ไปปรับทัศนคติให้เข้าใจเรามากขึ้น ตอนนี้ชีวิตแฮปปี้ดีขึ้นครับ ไปวิ่งไปออกกำลังกายได้ปกติเหมือนเดิมแล้ว ไม่กลัวตายคาสวนสาธารณะอีกแล้ว ผลพวงดีขึ้นมาอีกคือ ผมสามารถเลิกบุหรี่ เหล้า เบียร์ อีกทั้งชา กาแฟ อะไรที่จะก่อให้เกิดแพนิค ผมเลิกหมดตอนนี้ น้ำหนักลดลงไป 6 กก. วิ่งได้ระยะไกลมากกว่าเดิมขึ้น แต่คุณหมอบอกว่าต้องทานยาต่อไปอีกต่อเนื่องถึง 6 เดือน และยืนยันว่าผมจะหายขาดจากโรคนี้แน่นอน

          เป็นกำลังใจให้ทุกท่านที่เป็นโรคนี้อยู่นะครับ เข้าใจจริง ๆ ครับว่ามันทรมานมากแค่ไหนไอ้โรคนี้ ความคิด คิดวนจนสมองแทบจะระเบิด สู้ ๆ นะครับ หายแน่นอนครับถ้ารักษาถูกวิธี

          ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะครับ อาจจะยาวไปสักหน่อยขอบคุณครับ

+++++++++++++++++

โรคแพนิค

          ทั้งนี้กระปุกดอทคอม ขอให้ข้อมูลเรื่องโรคแพนิคเพิ่มเติม โดยโรคแพนิค (Panic Disorder) เป็นโรคชนิดหนึ่งที่มีคนเป็นกันมากและเป็นกันมานานแล้ว ไม่มีชื่อเรียกภาษาไทยอย่างเป็นทางการ บางคนอาจเรียกโรคนี้ว่า "หัวใจอ่อน" หรือ "ประสาทลงหัวใจ" เพราะเมื่อเป็นแล้วผู้ป่วยจะรู้สึกใจสั่น หัวใจเต้นแรง แน่นหน้าอก หายใจไม่ทัน-ไม่เต็มอิ่ม ขาสั่น มือสั่น มือเย็น บางคนจะมีอาการวิงเวียนหรือมึนศีรษะ ท้องไส้ปั่นป่วน ไม่มีแรง ขณะมีอาการผู้ป่วยมักจะรู้สึกกลัวด้วย คือกลัวว่าตัวเองเป็นโรคหัวใจ กลัวว่าตัวเองกำลังจะตาย

          อาการต่าง ๆ มักเกิดขึ้นทันทีและค่อย ๆ รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนเต็มที่ในเวลาประมาณ 10 นาที คงอยู่สักระยะหนึ่ง แล้วค่อย ๆ ทุเลาลง อาการมักจะหายหรือเกือบหายในเวลาประมาณครึ่งชั่วโมง หลังจากอาการแพนิคหายผู้ป่วยมักจะเพลีย และในช่วงที่ไม่มีอาการผู้ป่วยมักจะกังวลกลัวว่าจะเป็นอีก เพราะอาการนี้จะเกิดที่ไหน เมื่อไรก็ได้ คาดเดาได้ยาก

          อย่างไรก็ตาม อาการแพนิคนี้ไม่ได้มีอันตราย และไม่ได้ทำให้เกิดปัญหาอะไรที่หัวใจ เพียงแต่ทำให้เกิดความไม่สบายเท่านั้น ปัจจุบันพบว่าสาเหตุน่าจะมาจากความผิดปกติของสารสื่อนำประสาทบางอย่าง ทำให้มีปัญหาในการทำงานของสมองส่วนที่ทำให้เกิดอาการ "ตื่นตระหนก" สามารถรักษาได้ด้วยการใช้ยา
 
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
คุณสมาชิกหมายเลข 3103555


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เล่าประสบการณ์ป่วยหน้ามืด ใจสั่น ไม่มีแรง หาสาเหตุไม่ได้ อาการที่หลายคนอาจเป็นอยู่ ! อัปเดตล่าสุด 16 พฤศจิกายน 2559 เวลา 15:13:09 145,867 อ่าน
TOP
x close