แม้สภาวะแวดล้อมตอนนี้อาจมีหลายปัจจัยที่ทำให้เราหัวเหม็นกันง่ายขึ้น ทว่าหากสระผมก็แล้ว ทำวิธีไหน ๆ ก็แล้ว อาการผมเหม็นก็ยังไม่หาย แบบนี้อาจไม่ใช่ภาวะปกติแล้วล่ะ
เคยไหมคะที่สระผมเสร็จใหม่ ๆ ยังไม่ทันได้ออกจากห้องไปไหน แต่จมูกกลับได้กลิ่นไม่ค่อยน่าอภิรมย์บนศีรษะเราซะก่อน จนบางทีก็ยังอดสงสัยไม่ได้ว่าผมจะรีบเหม็นไปไหน นี่ยังไม่ได้ออกไปเจอสภาวะอากาศภายนอกเลยนะเนี่ย เฮ้อ...ใครกำลังประสบปัญหาอย่างนี้คงหมดความมั่นใจกันตั้งแต่ยังไม่พ้นจากประตูบ้านใช่ไหมล่ะ ทว่ายังมีประเด็นที่น่าห่อเหี่ยวใจไปมากกว่านั้นอีก เพราะเรากำลังจะบอกกับทุกคนว่า ภาวะผมเหม็นง่ายกว่าปกติ สระผมก็เหมือนยังไม่หาย แบบนี้อาจเข้าข่ายอาการ Smelly Hair Syndrome ก็เป็นได้
ต้องบอกก่อนว่าภาวะ Smelly Hair Syndrome (SHS) ไม่ถึงกับเรียกว่าเป็นโรค แค่เป็นภาวะผิดปกติของร่างกายที่ทำให้ผมและหนังศีรษะเกิดกลิ่นเหม็นได้ง่าย ซึ่งสาเหตุของอาการผมเหม็นก็จำแนกได้ดังนี้
1. ต่อมไขมันผลิตน้ำมันมากเกินไป
Glenn Lyons ผู้เชี่ยวชาญเรื่องเส้นผมและหนังศีรษะจาก Philip Kingsley Trichological Clinic เผยว่า ภาวะผมเหม็นง่ายในบางคนอาจเกิดจากต่อมไขมันที่อยู่ติดกับรากผมผลิตไขมันออกมามากจนเกินไป ทำให้หนังศีรษะมันและดูดกลิ่นในอากาศเอาไว้ จึงเป็นสาเหตุให้ผมมีกลิ่นเหม็นง่ายกว่าคนอื่น ๆ
2. หนังศีรษะผลิตต่อมเหงื่อมากเกินไป
สำหรับคนที่ไม่ได้มีปัญหาผมมัน แต่กลับมีกลิ่นติดผมได้ง่ายมาก ๆ นั่นอาจเป็นเพราะต่อมเหงื่อบนหนังศีรษะผลิตเหงื่อออกมามากเกินไปก็ได้ค่ะ ทำให้เกิดภาวะอับชื้นบนหนังศีรษะ เป็นต้นเหตุของกลิ่นเหม็น ๆ ได้เช่นกัน
3. ผมเส้นเล็กเกินไป
กับคนที่มีผมเส้นเล็ก เล็กมาก ๆ จนใกล้กับคำว่าเส้นผมเรียงตัวละเอียด ก็อาจมีแนวโน้มสูงที่ผมและหนังศีรษะจะมันกว่าปกติด้วยเช่นกัน และแน่นอนว่าอาจตามมาด้วยกลิ่นไม่พึงประสงค์บนผมเราด้วย
4. การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
สำหรับคนที่ไม่เคยเกิดอาการผมเหม็นมาก่อนเลยในชีวิต แต่เพิ่งจะมาเป็นเมื่อไม่นานมานี้ ก็เป็นไปได้ว่าช่วงนี้ฮอร์โมนในร่างกายของคุณไม่ปกติ ซึ่งอาจเกิดได้จากความเครียดหรือยาบางชนิด ที่ส่งผลให้เกิดภาวะผมมัน และเกิดกลิ่นเหม็นบนผมได้ ทั้งนี้อาจมีอาการขนดก หรือสิวขึ้นมากกว่าปกติร่วมด้วย
5. ผลข้างเคียงจากโรคเซ็บเดิร์ม
โรคเซ็บเดิร์ม (Seborrheic dermatitis) หรือโรคผื่นผิวหนังอักเสบบริเวณผิวมัน อาจเป็นหนึ่งในสาเหตุของภาวะผมเหม็นได้ด้วยนะคะ เพราะผู้ที่เป็นโรคนี้จะมีอาการอักเสบของหนังศีรษะซึ่งถ้าเผลอไปแกะหรือเกาอาจมีน้ำเหลืองเยิ้ม หรือถ้าทิ้งไว้นาน ๆ ไม่รักษา สะเก็ดจะหนามากขึ้นเรื่อย ๆ อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมร่วงและเกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้
อาการของภาวะผมเหม็น เช็กซิใช่เราไหม
โดยปกติแล้วเมื่อเราไปยืนอยู่ใกล้ ๆ ร้านปิ้งย่าง หรือใกล้บริเวณที่ทำอาหาร ผมของเราอาจติดกลิ่นอาหาร กลิ่นควัน หรือกลิ่นมลพิษตามท้องถนนมาบ้าง ทว่าเมื่อเวลาผ่านไป (ไม่เกิน 1 วัน) กลิ่นเหม็นเหล่านั้นจะค่อย ๆ จางลงไปได้เอง หรือเมื่อสระผมกลิ่นเหม็นก็จะหายไป ทว่าหากคุณเป็นเคสที่ต่างออกไป และมีอาการตามบรรทัดด้านล่างนี้ ก็อาจสันนิษฐานได้ว่าอาจกำลังมีภาวะผมเหม็นหรือ Smelly Hair Syndrome อยู่
- สระผมไม่ทันไรผมเหม็นอับอีกแล้ว ทั้ง ๆ ที่ก็เป่าผมจนแห้งสนิททุกครั้ง
- กลิ่นของผมเหมือนกลิ่นอับของฟองน้ำเก่า ๆ หรือบางครั้งก็อับเหมือนกลิ่นสุนัขตอนขนเปียก
- สระผมแล้วกลิ่นเหม็นของผมไม่หายไป แม้จะสระผมหลาย ๆ ครั้งและใส่ผลิตภัณฑ์บำรุงผมกลิ่นหอม ๆ ก็ตาม
- กลิ่นเหม็นของผมจะติดทนนาน ไปสระผมที่ร้านเสริมสวยก็ไม่หาย
- กลิ่นเหม็นของผมไม่สามารถดับได้ด้วยกลิ่นสมุนไพร เช่น หมักมะกรูดแล้วกลิ่นจะดีขึ้นเพียงชั่วคราว แต่ก็กลับมาหัวเหม็นอีกในไม่นาน
วิธีแก้ผมเหม็น
แม้ยังไม่มียารักษาภาวะผมเหม็น (Smelly Hair Syndrome) ที่แน่ชัด แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมและหนังศีรษะก็แนะนำวิธีแก้ผมเหม็นมาดังนี้
1. สระผมให้บ่อยขึ้น โดยอาจจะต้องสระผมอย่างน้อยวันละครั้ง ด้วยแชมพูสูตรอ่อนโยน หรือแชมพูที่มีค่า PH อ่อน ๆ เพื่อทำความสะอาดผมโดยที่ไม่ทำร้ายผมหรือหนังศีรษะ
2. ไม่ควรใช้แชมพูที่เข้มข้นจนเกินไป เพราะอาจทำให้หนังศีรษะมีการผลิตไขมันออกมามากขึ้น ซึ่งจะยิ่งทำให้ผมเหม็นมากขึ้นไปอีก
3. ควรหลีกเลี่ยงการใช้ครีมนวดผมบริเวณใกล้กับรากผมด้วย เพื่อลดการกระตุ้นการทำงานของต่อมไขมัน
4. อย่าลืมเป่าผมและหนังศีรษะให้แห้งสนิททุกครั้งหลังสระผม หรือทุกครั้งที่ผมเปียกชื้น เพราะถ้าหากปล่อยให้ผมชื้นนาน ๆ อาจทำให้แบคทีเรียแพร่กระจายมากขึ้น ซึ่งเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่จะทำให้เกิดปัญหาผมอับชื้นและส่งกลิ่นเหม็นได้ง่าย
5. หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ที่มีอากาศร้อนจัด เพราะความร้อนจะกระตุ้นการทำงานของต่อมไขมันให้ผลิตไขมันออกมามาก
7. พยายามลดการใช้ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์จำพวกออยล์ชนิดต่าง ๆ ซึ่งอาจทำให้ผมและหนังศีรษะมันมากขึ้นได้
8. งดอาหารที่มีเครื่องเทศกลิ่นฉุน
9. ควรเปลี่ยนปลอกหมอน ผ้าปูที่นอน รวมทั้งผ้าเช็ดผมบ่อย ๆ เพื่อลดการอับชื้น
10. พยายามตัดผมให้สั้นเพื่อให้มีการระบายอากาศได้ดี ลดการขับเหงื่อจากต่อมเหงื่อให้น้อยลงและง่ายต่อการทำความสะอาด
นอกจากนี้เราก็มีสมุนไพรแก้ผมเหม็นมาบอกต่อกันด้วยนะคะ ตามนี้เลย
สมุนไพรแก้ผมเหม็น
1. มะกรูด
ใช้มะกรูดประมาณ 3-4 ลูก มาบีบเอาน้ำออกและนำไปชโลมบนหนังศีรษะให้ทั่ว จากนั้นคลุมด้วยหมวกอาบน้ำทิ้งไว้ราว ๆ 20 นาที จึงสระผมด้วยแชมพูสูตรอ่อนโยนและเป่าผมให้แห้งสนิท ทำเป็นประจำสักสัปดาห์ละ 1-2 ครั้งอาการผมเหม็นก็จะดีขึ้นเรื่อย ๆ
2. ขิง
ใช้ขิงสดมาเผาไฟแล้วบดให้ละเอียด จากนั้นนำมาผสมน้ำแล้วชโลมให้ทั่วศีรษะทุกวัน ทิ้งไว้ประมาณครึ่งชั่วโมง สูตรนี้นอกจากช่วยดับกลิ่นผมเหม็นได้แล้ว ยังช่วยลดการหลุดร่วงของเส้นผมด้วยนะคะ
3. ว่านหางจระเข้
วุ้นในว่านหางจระเข้มีสรรพคุณในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ให้นำว่านหางจระเข้ที่แก่จัดปอกเปลือกแล้วนำเนื้อมาปั่นให้ละเอียด แล้วนำมาสระผม ทิ้งไว้ 3-5 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด จากนั้นเป่าผมให้แห้งสนิท
4. ทองพันชั่ง
สูตรนี้สำหรับคนที่มีปัญหาเชื้อราบนหนังศีรษะ ให้นำรากหรือใบทองพันชั่งมาโขลกให้ละเอียด ชโลมหนังศีรษะแล้วหมักทิ้งไว้ 1 คืนแล้วล้างออก ทำทุกวันประมาณ 1 เดือน เชื้อราบนหนังศีรษะจะค่อย ๆ หายไปเอง
5. เปลือกส้ม
ในเปลือกส้มมีน้ำมันหอมระเหยอยู่หลายชนิด ทั้งซิตรัล (citral) เจอรานิออล (geraniol) และไลนาโลออล (linalool) ซึ่งมีคุณสมบัติเด่นในการทำความสะอาด ซึ่งหากต้องการนำมาสระผมเพื่อกำจัดกลิ่นเหม็น ให้ล้างเปลือกส้มให้สะอาด จากนั้นนำเปลือกส้มไปบดละเอียด ผสมน้ำต้มสุกเล็กน้อยแล้วนำมาชโลมหนังศีรษะ หมักไว้นาน 20-30 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด เสร็จแล้วอย่าลืมเป่าผมให้แห้งสนิทด้วย
อีกสูตรสำหรับสาวผมมัน ให้คุณใช้ไข่ขาวผสมกับน้ำอุ่นดูค่ะ โดยผสมไข่ขาว 1 ฟองกับน้ำอุ่นในปริมาณที่เท่ากัน หลังจากนั้นนำไปชโลมให้ทั่วศีรษะ แล้วปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที จากนั้นให้สระผมด้วยแชมพูสูตรอ่อนโยน ทำสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ความมันบนเส้นผมและหนังศีรษะจะค่อย ๆ ดีขึ้นค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
ความรู้รอบตัว, dailymail, huffingtonpost, top10homeremedies