ถ้ารู้สึกรำคาญเสียงเคี้ยวอาหาร เสียงกลืนน้ำลาย หรือเสียงจิ๊จ๊ะรอบ ๆ กายจนพูดได้เต็มปากว่าเกลียด ได้ยินแล้วเหมือนจะบ้า นี่คุณอาจป่วยภาวะเกลียดเสียง หรือ Misophonia อยู่ก็ได้
อ่านไม่ผิดหรอกค่ะว่าอาการหงุดหงิดเสียงเคี้ยวอาหาร
เสียงกดคีย์บอร์ด หรือเสียงเคาะโต๊ะ อาจเป็นอาการของภาวะเกลียดเสียงหรือ
มีโซโฟเนีย (Misophonia) ได้
เพราะในโลกนี้ก็มีคนป่วยด้วยภาวะเกลียดเสียงอยู่มากพอสมควร
และหากคุณก็รู้สึกมีอาการผิดปกติทุกครั้งที่ได้ยินเสียงน่ารำคาญเหล่านี้
ก็เป็นไปได้ว่าคุณอาจเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ปวยภาวะนี้อยู่นะ
เอาเป็นว่ามาทำความรู้จักภาวะเกลียดเสียง (Misophonia)
และเช็กอาการไปในตัวเลยดีกว่า
ภาวะเกลียดเสียง หรือ มีโซโฟเนีย (Misophonia) คำว่า Miso แปลว่า เกลียด ส่วน Phon แปลว่า เสียง จึงกลายเป็นภาวะเกลียดเสียง เรียกอีกอย่างได้ว่า ภาวะที่ไวต่อเสียงบางอย่าง นับเป็นอาการทางจิตเวชอย่างหนึ่ง ซึ่งมีเสียงเป็นตัวเร้า และโดยส่วนมากเป็นเสียงที่ออกมาจากปาก เช่น เสียงเคี้ยวอาหาร เสียงหาว เสียงผิวปาก ทำให้ผู้ป่วยตอบสนองต่อเสียงเหล่านั้นด้วยอาการที่ไม่ปกติ บางคนอาจรู้สึกรำคาญหนักมาก บางคนรู้สึกโกรธ เกลียด หงุดหงิดทุกครั้งที่ได้ยินเสียงอันก่อกวนจิตใจ ส่งผลให้เกิดความเครียดอย่างรุนแรงทั้งทางร่างกายและอารมณ์
ภาวะเกลียดเสียง (Misophonia) เกิดจากอะไร
ภาวะมีโซโฟเนียถูกสันนิษฐานว่าเกิดจากความผิดปกติของการทำงานของสมอง โดย Dr.Sukhbinder Kumar นักวิทยาศาสตร์แห่ง U.K.\'s Newcastle University ระบุว่า เป็นเพราะสมองของบางคนผลิตอารมณ์ตอบสนองที่มากเกินไป ยืนยันจากการวิจัยที่พบว่าสมองของผู้ป่วยโรคเกลียดเสียงมีการสั่งการสมองส่วนที่แสดงความรู้สึกนึกคิดอย่างไวเกินเหตุ ก่อให้ผู้ป่วยรู้สึกรุนแรงเมื่อได้ยินเสียงเร้าบางเสียง
ทั้งนี้ นักวิจัยพบว่า การตอบสนองของผู้ป่วยภาวะเกลียดเสียงส่วนมาก มักจะมาในรูปอารมณ์โกรธ ซึ่งมักจะเป็นความรู้สึกโกรธที่ยากจะควบคุมซะด้วย
ภาวะเกลียดเสียง (Misophonia) เกิดกับใครได้บ้าง
จากสถิติแล้ว ผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการในช่วงอายุระหว่าง 9-13 ปี และมักจะเกิดกับเด็กผู้หญิงเป็นส่วนใหญ่ โดยส่วนมากอาการจะค่อย ๆ เป็นทีละน้อย เกิดขึ้นไม่เร็ว จนอาจจับสังเกตอาการไม่ค่อยได้ในระยะแรก ๆ ทว่าต่อมาอาการจะเกิดถี่ขึ้น เป็นบ่อยขึ้นกับสถานการณ์ประจำวัน เมื่อนั้นถึงจะรู้ว่าป่วย
แม้จะเกิดอาการกับเสียงที่ออกมาจากปากซะส่วนใหญ่ แต่จริง ๆ แล้วเสียงที่กระตุ้นให้เกิดอาการก็มีอยู่หลายเสียงพอสมควร ซึ่งก็มีคร่าว ๆ ดังนี้ค่ะ
- เสียงที่มาจากปาก ทั้งเสียงรับประทานอาหาร เสียงบดเคี้ยว เสียงกัดอาหารกรอบ ๆ เสียงเรอ เสียงจูบ เสียงกัดเล็บ เสียงกระดกลิ้น ผิวปาก เสียงกัดฟัน เสียงฟันกระทบช้อน เสียงดูดไอศกรีม เสียงดูดน้ำ เสียงกลืนอาหาร เสียงกลืนน้ำลาย เป็นต้น
- เสียงลมหายใจ เสียงฟืดฟาดจากจมูก
- เสียงจากลำคอ เช่น เสียงคนกระซิบกันเบา ๆ เสียงแหบ ๆ ใหญ่ ๆ เสียงคนร้องเพลงไม่เพราะ
- เสียงจากสิ่งแวดล้อม เช่น เสียงฝน เสียงน้ำไหล เสียงพิมพ์คีย์บอร์ด เสียงจากแป้นสมาร์ตโฟน เสียงคลิกเมาส์ เสียงเปิดหนังสือ เสียงพลิกหนังสือพิมพ์ หรือแม้แต่เสียงโทรศัพท์
- เสียงเครื่องใช้ อุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น เสียงเอี๊ยดจากจาน เสียงช้อน-ส้อมกระทบกัน เป็นต้น
- เสียงพลาสติก เช่น เสียงจากการบีบขวดน้ำพลาสติก เสียงกรอบแกรบจากถุงพลาสติก เป็นต้น
- เสียงจากการเปิดภาชนะอะไรก็ตาม
- เสียงรถ เช่น เสียงสัญญาณกันขโมย เสียงปิดประตูรถ เสียงแตร เป็นต้น
- เสียงของบางคน หรือเสียงทุ้ม ๆ ของเบส เสียงทุ่มบาสเกตบอล หรือเสียงกระแทกประตู-หน้าต่าง
- เสียงสัตว์ เช่น เสียงสุนัขเห่า เสียงนก เสียงตุ๊กแก เสียงกบร้อง เสียงแมวฝนเล็บ เป็นต้น
- เสียงเด็กร้องไห้ เสียงเด็กตะโกน แม้กระทั่งเสียงผู้ใหญ่ดัดเสียงเป็นเด็ก
- เสียงดังจากทีวีหรือวิทยุ
- เสียงจากการเคลื่อนไหวร่างกาย เช่น เสียงเคาะเท้า เสียงเดินลากเท้า เสียงดีดนิ้ว เสียงรองเท้าแตะ เป็นต้น
เมื่อได้ยินเสียงบางชนิดที่กระตุ้นให้เกิดอาการก็มักจะแสดงออกทางร่างกายหรือจิตใจ ดังนี้
- อารมณ์เสีย หงุดหงิดอย่างมาก
- รู้สึกไม่สบายทั้งทางกายและจิตใจ
- รู้สึกอยากเผ่นหนี
- รู้สึกรังเกียจ ขยะแขยง
- รู้สึกโกรธ
- รู้สึกเกลียดเสียงเหล่านี้มาก ๆ
- เกิดอาการแพนิก (Panic) ใจสั่น เหงื่อแตก หายใจไม่ออก
- รู้สึกกลัวอย่างรุนแรง
- รู้สึกเหมือนจะตาย รู้สึกตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก
- อยากทำลายหรือฆ่าคนที่ทำให้เกิดเสียงเพียงเพื่อจะหยุดเสียงอันน่ารำคาญนั้นไปซะ
- มีความคิดอยากฆ่าตัวตาย ให้พ้นจากเสียงที่ได้ยิน
อย่างไรก็ดี อาการของภาวะเกลียดเสียงก็ขึ้นกับระดับความป่วยที่เป็น ดังนั้นหากคุณมีอาการรำคาญเสียงบางอย่างขั้นสุด ก็อย่าวางใจในความรำคาญนั้นนะคะ ทางที่ดีลองปรึกษาจิตแพทย์สักหน่อยดีกว่า
ภาวะเกลียดเสียงเป็นโรคจิตเวชชนิดหนึ่ง ซึ่งสามารถรักษาได้ด้วยวิธีต่อไปนี้
1. รักษาด้วยการบำบัดจิต
วิธีรักษาด้วยการบำบัดทางจิต อาจใช้ได้กับผู้ป่วยที่มีอาการไม่มาก สามารถรักษาโดยการพูดคุย ปรับทัศนคติ และการฝึกฟังอย่างค่อยเป็นค่อยไปได้ ซึ่งการรักษาจะมุ่งฝึกฝนให้ผู้ป่วยรับมือกับเสียงที่ได้ยิน และฝึกควบคุมอารมณ์ของตัวเองเมื่อได้ยินเสียงเร้า
2. รักษาด้วยยา
ยาที่ใช้รักษาอาการนี้จะเป็นกลุ่มยาต้านเศร้า ซึ่งจะช่วยให้ผู้ป่วยควบคุมอารมณ์ได้ดีขึ้น ลดความเครียด ความวิตกกังวลเมื่อได้ยินเสียงที่ไม่พึงประสงค์
อย่างไรก็ตาม การรักษาผู้ป่วยก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์หรือนักจิตวิทยา ซึ่งอาจจะเลือกการรักษาวิธีใดวิธีหนึ่ง หรือใช้ทั้ง 2 วิธีควบคู่กันไปก็ได้
สำหรับคนที่คิดว่าตัวเองมีอาการที่เข้าข่ายภาวะเกลียดเสียงอยู่ แต่คิดว่าอาการยังไม่หนักมาก จริง ๆ แล้วการพักผ่อนให้เพียงพอ และการออกกำลังกาย ก็สามารถช่วยลดความเครียด ความวิตกกังวล และช่วยให้คุณควบคุมอาการของโรคได้เช่นกัน หรือบางคนอาจใช้วิธีเลี่ยงอื่น ๆ เช่น หาเพลงมาฟัง หรือหลบไปสงบสติอารมณ์ในที่เงียบ สงบ เมื่อได้ยินเสียงที่รู้สึกรำคาญก็ได้เช่นกันนะคะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
webmd
huffingtonpost
misophonia