10 ประโยชน์ของน้ำว่านหางจระเข้ พร้อมสูตรดื่มเพื่อลดน้ำหนัก


          น้ำว่านหางจระเข้ถือเป็นเครื่องดื่มสมุนไพรไทยที่หาดื่มได้ไม่ยาก แถมยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพหลากหลายด้าน หรืออยากจะดื่มน้ำว่านหางจระเข้เพื่อลดน้ำหนักก็ช่วยได้เหมือนกัน

น้ำว่านหางจระเข้

          ด้วยความที่สมุนไพรว่านหางจระเข้มีสรรพคุณอันดีต่อสุขภาพทั้งภายในและภายนอกร่างกาย ปัจจุบันเราจึงได้เห็นว่านหางจระเข้ในรูปแบบอาหาร ยา เครื่องสำอาง หรือแม้กระทั่งเครื่องดื่มอย่างน้ำว่านหางจระเข้วางขายตามร้านสะดวกซื้อทั่วไป เรียกได้ว่าสามารถซื้อน้ำว่านหางจระเข้มาดื่มกันง่าย ๆ และราคาก็ไม่แพงด้วย แต่ทั้งนี้แม้จะรู้ว่าน้ำว่านหางจระเข้เป็นเครื่องดื่มสมุนไพรที่น่าจะมีประโยชน์ต่อร่างกาย ทว่ากระปุกดอทคอมก็อยากมาย้ำให้ชัด ๆ อีกทีค่ะว่า ประโยชน์ของน้ำว่านหางจระเข้มีอะไรบ้าง และสูตรน้ำว่านหางจระเข้ที่จะช่วยลดนํ้าหนักได้ ควรดื่มอย่างไร

น้ำว่านหางจระเข้

ประโยชน์ของน้ำว่านหางจระเข้

1. เป็นยาระบาย

          สำหรับคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบย่อยอาหารและการทำงานของลำไส้ น้ำว่านหางจระเข้ซึ่งมีสรรพคุณเป็นยาระบายจะช่วยบรรเทาความผิดปกติที่เกิดจากระบบเหล่านี้ได้ โดยสารอาหารในว่านหางจระเข้จะช่วยปรับสมดุลแบคทีเรียในลำไส้ ทำให้การย่อยอาหารและการขับถ่ายของเราดีขึ้น

2. แก้ท้องอืด

          การศึกษาจากนักวิทยาศาสตร์ชาวอิหร่านเผยว่า น้ำว่านหางจระเข้มีส่วนช่วยบรรเทาอาการท้องอืดในกลุ่มผู้ป่วยโรคลำไส้แปรปรวนได้ดี อีกทั้งส่วนวุ้นของว่านหางจระเข้ยังจะช่วยเพิ่มความคล่องตัวให้ลำไส้ แก้ปัญหาท้องผูกในผู้ป่วยโรคลำไส้แปรปรวนได้ ซึ่งเมื่อระบบขับถ่ายของคนไข้เริ่มดีขึ้น อาการท้องอืด แน่นท้องที่เกิดเพราะลำไส้แปรปรวนก็จะลดน้อยลงตามลำดับ

น้ำว่านหางจระเข้

3. บรรเทาอาการกรดไหลย้อน


          น้ำว่านหางจระเข้สามารถช่วยบรรเทาอาการแสบร้อนกลางอกเพราะกรดไหลย้อนได้ด้วยนะคะ เนื่องจากว่านหางจระเข้มีฤทธิ์เย็น และวุ้นของว่านหางจระเข้ก็มีส่วนช่วยจัดการกรดเกินในกระเพาะอาหารเราได้ด้วย ดังนั้นคนที่เป็นโรคกรดไหลย้อนจะลองดื่มน้ำว่านหางจระเข้เพื่อบรรเทาอาการแทนยาบ้างก็ได้

4. ล้างพิษ

          สรรพคุณเด่นของว่านหางจระเข้ที่ไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือสรรพคุณด้านล้างพิษ โดยมีการศึกษาจากหลายประเทศที่เห็นพ้องต้องกันว่า ตัววุ้นของว่านหางจระเข้คืออาวุธสำคัญที่ช่วยพาเอาสิ่งตกค้างหรือสารพิษที่ลอยนวลอยู่ตามลำไส้ออกไปจากร่างกายเรา และวุ้นว่านหางจระเข้ยังช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบลำไส้ให้มีประสิทธิภาพขึ้น นอกจากนี้ โพแทสเซียมที่มีอยู่ในว่านหางจระเข้ยังดีต่อการทำงานของตับและไต ซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญที่ช่วยในการคัดกรองและกำจัดสารพิษในร่างกายอีกด้วยล่ะ

5. ช่วยลดน้ำตาลในเลือด

          มีการศึกษาที่พบว่า น้ำว่านหางจระเข้สามารถใช้เป็นตัวช่วยลดระดับกลูโคสในผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ซึ่งมีปริมาณน้ำตาลในเลือดเกิน 200 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยนักวิจัยได้อธิบายเหตุผลว่า ในว่านหางจระเข้มีแร่ธาตุที่ดีต่อเลือดอยู่หลายชนิด ทั้งโครเมียม แมกนีเซียม สังกะสี และแมงกานีส ซึ่งแร่ธาตุเหล่านี้จะช่วยควบคุมอินซูลินในเลือดได้ดี ทว่าการจะนำน้ำว่านหางจระเข้มาใช้เป็นยาลดน้ำตาลในเลือดอย่างจริงจังคงต้องทำการวิจัยกันต่อไปอีกในอนาคต

6. ลดความเสี่ยงโรคเหงือกอักเสบ

          ด้วยคุณสมบัติช่วยต้านการอักเสบในร่างกาย ทำให้มีนักวิจัยจากอินเดียนำว่านหางจระเข้ไปศึกษาเกี่ยวกับปัญหาในช่องปาก ซึ่งผลการวิจัยก็ทำให้ทราบว่า น้ำว่านหางจระเข้มีคุณสมบัติช่วยลดคราบพลัคและจำนวนแบคทีเรียในช่องปาก โดยมีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับน้ำยาบ้วนปากเลยทีเดียว ที่สำคัญน้ำว่านหางจระเข้ยังใช้บ้วนปากได้โดยไม่มีผลข้างเคียงใด ๆ อีกด้วย และเมื่อแบคทีเรียและคราบพลัคในช่องปากลดจำนวนลง โอกาสเกิดโรคเหงือกอักเสบก็จะลดน้อยลงไปด้วยนั่นเองค่ะ

น้ำว่านหางจระเข้

7. ลดอาการอักเสบต่าง ๆ ในร่างกาย

          นอกจากแร่ธาตุและวิตามินแล้ว ในว่านหางจระเข้ยังมีโพลีแซคคาไรด์ (Polysaccharide) ซึ่งถือเป็นสารที่ช่วยเพิ่มการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกา­­­ย และเจ้าสารชนิดนี้จะเข้าไปชะลอการอักเสบและช่วยกระตุ้นการทำงานของ­­­ระบบภูมิคุ้มกัน ส่งผลให้การอักเสบต่าง ๆ ในร่างกายบรรเทาลงได้

8. ช่วยลดคอเลสเตอรอล ดีต่อหัวใจ

          ผลการศึกษาชิ้นหนึ่งพบว่า เมื่อให้อาสาสมัครที่มีปริมาณคอเลสเตอรอลในเลือดสูง ดื่มน้ำว่านหางจระเข้ติดต่อกัน 12 สัปดาห์ พบว่า ปริมาณคอเลสเตอรอลในเลือดของอาสาสมัครทุกคนลดลงราว 15% อีกทั้งผลการศีกษาจากประเทศอิหร่านยังพบด้วยว่า สารในว่านหางจระเข้มีสรรพคุณช่วยป้องกันภาวะไขมันเกาะจับเส้นเลือดได้ในระดับหนึ่ง ส่งผลให้ไขมันในกระแสเลือดลดน้อยลงด้วย ซึ่งเมื่อเป็นอย่างนี้ เลือดก็จะสูบฉีดเข้าสู่หัวใจได้อย่างเป็นปกติดี ไม่มีอะไรมาขวางให้เสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจนั่นเอง

น้ำว่านหางจระเข้

9. ช่วยกระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อ


          เห็นเป็นสมุนไพรหาง่ายแบบนี้แต่รู้ไหมว่าว่านหางจระเข้เป็นแหล่งคอลลาเจนและโปรตีนที่ดีมาก ๆ ชนิดหนึ่ง ซึ่งจะช่วยสนับสนุนในการสร้างกล้ามเนื้อในคนที่ออกกำลังกายสร้างกล้ามเนื้ออยู่แล้ว และโปรตีนในว่านหางจระเข้ยังจะช่วยกระตุ้นความตื่นตัวของร่างกาย และเร่งการทำงานของระบบเผาผลาญมากยิ่งขึ้น ส่งผลดีต่อการลดน้ำหนักไปด้วยในตัว แต่ทั้งนี้ประโยชน์ดังกล่าวจะเห็นผลได้ชัดกับคนที่ควบคุมอาหารและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอนะคะ

10. ช่วยลดน้ำหนัก

          จากสรรพคุณในด้านช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือด ช่วยลดปริมาณน้ำตาลในเลือด และด้วยคุณสมบัติช่วยล้างพิษ กระตุ้นการขับถ่าย จึงทำให้ว่านหางจระเข้เป็นอีกหนึ่งสมุนไพรที่ช่วยลดน้ำหนักได้ นอกจากนี้ว่านหางจระเข้เองก็มีสารต้านอนุมูลอิสระ ที่จะเข้าไปส่งเสริมการทำงานของระบบเผาผลาญในร่างกายให้มีความแข็งแกร่ง ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากขึ้น ดังนั้นคนที่ลดน้ำหนักอยู่จะดื่มน้ำว่านหางจระเข้เพื่อช่วยสนับสนุนภารกิจลดอ้วนของตัวเองก็ได้ ทว่าก็พยายามเลือกดื่มน้ำว่านหางจระเข้ที่หวานน้อย หรือมีปริมาณน้ำตาลไม่เยอะด้วยล่ะ

          อ้อ ! แต่เพื่อช่วยลดน้ำหนักจริง ๆ จะลองสูตรน้ำว่านหางจระเข้ช่วยลดน้ำหนักตามนี้ก็ได้

น้ำว่านหางจระเข้

สูตรน้ำว่านหางจระเข้ช่วยลดน้ำหนัก

1. ว่านหางจระเข้+มะนาว+น้ำผึ้ง


          ขูดวุ้นว่านหางจระเข้ 1 ช้อนโต๊ะมาผสมในน้ำอุ่น 1 แก้วกาแฟ บีบมะนาวลงไป 1 ลูก และเติมความหวานด้วยน้ำผึ้ง 1 ช้อนชา คนทุกอย่างให้เข้ากันดี และดื่มทันทีหลังตื่นนอน สูตรนี้จะช่วยดีท็อกซ์ลำไส้ได้อย่างเต็มที่ และทางที่ดีหลังจากดื่มน้ำว่านหางจระเข้แก้วนี้แล้วก็ควรปล่อยให้ท้องว่างประมาณ 1 ชั่วโมงด้วยนะคะ

2. ว่านหางจระเข้+ส้ม+สตรอว์เบอร์รี

          สูตรนี้ก็ช่วยในการดีท็อกซ์และช่วยให้ร่างกายได้รับสารต้านอนุมูลอิสระที่มากขึ้น โดยนำสตรอว์เบอร์รีสไลด์ 3 ชิ้น ปั่นกับน้ำส้มคั้น 1 แก้ว และวุ้นว่านหางจระเข้ 1 ช้อนโต๊ะ ปั่นทุกอย่างให้ละเอียดแล้วดื่มหลังอาหารเช้า

3. ว่านหางจระเข้+แตงกวา+สับปะรด

          สำหรับคนที่มีอาการอาหารไม่ย่อย ทำให้ร่างกายไม่ได้รับสารอาหารได้ดีเท่าที่ควร และก่อให้เกิดอาการท้องอืด ท้องผูกบ่อย ๆ ให้ลองนำแตงกวาครึ่งลูก สับปะรด 1 เสี้ยว วุ้นว่านหางจระเข้ 1 ช้อนโต๊ะ และน้ำอุ่น 1 แก้วกาแฟ ปั่นให้เข้ากันดีแล้วดื่มหลังมื้อเที่ยง สูตรนี้จะช่วยย่อยอาหารได้ดี และช่วยให้ลำไส้ดูดซึมสารอาหารที่เรากินได้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้น

4. ว่านหางจระเข้+ชาขิง

          ชาขิงมีคุณสมบัติต้านการอักเสบ ช่วยลดไขมันในเลือด และเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์ร้อน เมื่อนำมาปั่นรวมกับว่านหางจระเข้ที่มีฤทธิ์เย็น แต่มีคุณสมบัติช่วยลดไขมันในเลือดได้เช่นกัน จึงเกิดเป็นสูตรน้ำว่านหางจระเข้ที่มีความสมดุลเป็นอย่างมาก โดยวิธีทำก็ไม่ยาก เพียงนำขิง 1 แว่นมาต้มกับน้ำร้อน แล้วผสมวุ้นว่านหางจระเข้ 1 ช้อนโต๊ะลงไปคนให้เข้ากัน จากนั้นก็ดื่มเป็นชายามบ่ายก็ได้ค่ะ

          แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อควรระวังในการดื่มน้ำว่านหางจระเข้ที่ควรต้องใส่ใจด้วยนะคะ ซึ่งก็ลองมาเช็กกันว่า เคสไหนที่ไม่ควรดื่มน้ำว่านหางจระเข้บ้าง

น้ำว่านหางจระเข้

ข้อควรระวังในการดื่มน้ำว่านหางจระเข้

          - ไม่ควรดื่มน้ำว่านหางจระเข้มากเกินไป เพราะอาจจะทำให้ท้องเสียได้ เนื่องจากการได้รับสารอะโลอิน (aloin) ที่มากเกินกว่าร่างกายจะรับไหวนั่นเอง ซึ่งสารชนิดนี้เป็นหนึ่งในสารที่อยู่ในยาถ่าย และหากใช้ติดต่อกันในระยะยาวก็อาจจะทำให้ร่างกายสูญเสียแร่ธาตุ­­­บางชนิด โดยเฉพาะโพแทสเซียมได้ค่ะ ดังนั้นปริมาณน้ำว่านหางจระเข้ที่คนเราสามารถดื่มได้ต่อวันก็อยู่ที่ไม่เกิน 12 ช้อนโต๊ะค่ะ
       
          - ผู้ที่มีอาการแพ้หัวหอม กระเทียม หรือเกสรทิวลิป อาจมีอาการแพ้ว่านหางจระเข้ด้วยเช่นกัน ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงไว้ก่อนดีกว่า

          - ไม่ควรดื่มน้ำว่านหางจระเข้ขณะที่เป็นประจำเดือน หรือขณะที่ตั้งครรภ์

          - ควรหลีกเลี่ยงการดื่มน้ำว่านหางจระเข้หากมีปัญหาด้านสุขภาพ เช่น ริดสีดวงทวาร หรือมีการเสื่อมสภาพของตับและน้ำดี

          ดังนั้นก่อนที่จะเริ่มดื่มน้ำว่านหางจระเข้เพื่อสุขภาพ ควรปรึกษาแพทย์ถึงผลข้างเคียงที่จะได้รับดีกว่านะคะ เพราะไม่อย่างนั้นแทนที่ร่างกายจะได้รับประโยชน์จากน้ำว่านหางจระเข้ ก็อาจได้รับอันตรายจากน้ำว่านหางจระเข้แทน


ขอบคุณข้อมูลจาก
คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
healthline
everyhomeremedy
livestrong
steptohealth
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
10 ประโยชน์ของน้ำว่านหางจระเข้ พร้อมสูตรดื่มเพื่อลดน้ำหนัก อัปเดตล่าสุด 16 พฤศจิกายน 2566 เวลา 15:28:47 135,938 อ่าน
TOP
x close