
เพื่อเป็นการระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช วันนี้กระปุกดอทคอมจึงขอนำเสนอเรื่องราวพระราชจริยวัตรด้านการออกกำลังกายของในหลวง รัชกาลที่ 9 ซึ่งพระองค์ท่านโปรดกีฬามาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ อีกทั้งยังเห็นความสำคัญของการออกกำลังกายว่าเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่ต้องทำทุกวัน ดังพระราชดำรัสที่ว่า...

"...การรักษาความสมบูรณ์แข็งแรง เป็นปัจจัยของเศรษฐกิจที่ดีและสังคมที่มั่นคง เพราะร่างกายที่แข็งแรงจะอำนวยผลให้สุขภาพจิตใจสมบูรณ์ และเมื่อมีสุขภาพสมบูรณ์ ดีพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจแล้ว ย่อมมีกำลังทำประโยชน์ สร้างสรรค์เศรษฐกิจและสังคมของบ้านเมืองได้เต็มที่..."
ความตอนหนึ่งในพระบรมราโชวาทในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยมหิดล ณ อาคารใหม่ สวนอัมพร วันที่ 22 ตุลาคม 2522

"...ร่างกายของเรานั้น ธรรมชาติสร้างมาสำหรับให้ออกแรงใช้งาน มิใช่ให้อยู่เฉย ๆ ถ้าใช้แรงให้พอเหมาะ พอดีโดยสม่ำเสมอ ร่างกายก็เจริญแข็งแรง คล่องแคล่ว ดังนั้นผู้ที่ปกติทำการงานโดยไม่ได้ใช้กำลัง หรือใช้กำลังแต่น้อย จึงจำเป็นต้องหาเวลาออกกำลังกาย ให้พอเพียงกับความต้องการตามธรรมชาติเสมอ ทุกวัน..."
ความตอนหนึ่งในพระราชดำรัสในพิธีเปิดการประชุมใหญ่สัมมนาเรื่องการออกกำลังเพื่อสุขภาพ วันที่ 17 ธันวาคม 2523

พระราชดำรัสที่พระราชทานแก่ข้าราชบริพาร หลังการออกกำลังพระวรกายประจำวันเพื่อฟื้นฟูพระวรกาย หลังจากทรงพระประชวรในปี พ.ศ. 2525
จากพระราชดำรัสของในหลวง รัชกาลที่ 9 ดังที่กล่าวไปนั้น จะเห็นได้ชัดเลยว่าพระองค์ทรงให้ความสำคัญกับการออกกำลังกายเป็นอย่างมาก และยังทรงเปรียบการออกกำลังกายว่าเป็นความต้องการตามธรรมชาติของร่างกายเรา ซึ่งนอกจากพระราชดำรัสเหล่านี้แล้ว พระองค์ยังทรงมีพระราชจริยวัตรด้านการออกกำลังกายอย่างเห็นเด่นชัดมาตั้งแต่ครั้งยังทรงพระเยาว์ ซึ่งจะนำมาเล่าสู่กันฟังด้วยค่ะ

แนวทางการออกกำลังกายตามพระราชจริยวัตรของในหลวง รัชกาลที่ 9
ในหลวง รัชกาลที่ 9 ทรงให้ความสำคัญกับการออกกำลังกายอย่างถูกวิธีเป็นอย่างมาก โดยพระองค์จะวัดความดันพระโลหิต จดบันทึกชีพจร ทั้งก่อนและหลังออกกำลังกายเสมอ ซึ่งถูกต้องตามหลักวิทยาศาสตร์การกีฬาอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
นอกจากนี้แม้จะมีพระราชภาระ และมีพระราชกรณียกิจมากมายที่มีพระราชดำริและตั้งพระราชหฤทัยจะทำเพื่อปวงชนชาวไทย แต่ในหลวง รัชกาลที่ 9 ก็ทรงไม่ทิ้งการออกกำลังกาย โดยพระองค์จะทรงแบดมินตันสัปดาห์ละ 3 วัน ในสวนจิตรลดา และทรงสนับสนุนให้คนไทยเล่นแบดมินตัน เนื่องจากมีพระราชดำริว่ากีฬาแบดมินตันเป็นกีฬาที่คนไทยจะก้าวขึ้นไปสู่ระดับโลกได้ เพราะไม่มีเสียเปรียบเรื่องรูปร่างและพละกำลังมากเกินไป หรือในวันที่มีเวลาน้อย ต้องเสด็จฯ ไปทรงงานในที่ต่าง ๆ อย่างน้อยพระองค์ก็จะทรงออกกำลังกายด้วยการทรงพระดำเนิน เพื่อให้พระวรกายรู้สึกได้ถึงการออกกำลังกาย และเพื่อให้พระองค์ทรงมีพระพลานามัยที่สมบูรณ์ แข็งแรง พร้อมในการเสด็จฯ ไปทรงงานและเยี่ยมเยียนราษฎรในทุกตารางนิ้วของผืนแผ่นดินไทย



และอย่างที่บอกไปว่าพระองค์ทรงกีฬามาตั้งแต่ครั้งพระเยาว์ ตั้งแต่ครั้งยังประทับอยู่ ณ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และโปรดกีฬาหลากหลายชนิดมาก ไม่ว่าจะเป็น สกีน้ำแข็ง, ยิงปืน, กอล์ฟเล็ก, การแข่งขันรถเล็ก, เทนนิส, แบดมินตัน และ เครื่องร่อน โดยในกีฬาทุกชนิดพระองค์ก็จะทรงศึกษา ฝึกฝน และเต็มที่อยู่เสมอ เราจึงได้เห็นทั้งพระอัจฉริยภาพและพระปรีชาสามารถในการทรงกีฬาของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มาโดยตลอด

ทั้งนี้พระองค์ทรงเคยเข้าร่วมแข่งขันกีฬาแหลมทอง (ปัจจุบัน คือ กีฬาซีเกมส์) ครั้งที่ 4 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ระหว่างวันที่ 9 ถึง 16 ธันวาคม พ.ศ. 2510 โดยทรงลงแข่งขันในกีฬาเรือใบประเภท โอ เค ซึ่งเป็นเรือที่ทรงต่อเอง ร่วมกับ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี พระราชธิดาพระองค์โต และทรงชนะเลิศการแข่งขันเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม โดยทรงขึ้นรับเหรียญทองบนแท่นเหมือนนักกีฬาทั่วไป ในพิธีปิด ณ สนามศุภชลาศัย
นอกจากนี้แล้ว พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ยังทรงเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 5, 6 และ 8 รวมทั้งกีฬาแหลมทอง ครั้งที่ 4, 8 และ 13 ซึ่งทั้งหมดนี้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ นับว่าพระองค์ทรงเห็นถึงประโยชน์ของการออกกำลังกายและให้ความสำคัญกับการกีฬาเป็นอย่างยิ่ง
สำหรับใครที่สนใจเรื่องราวพระอัจฉริยภาพด้านการกีฬาและพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่มีต่อวงการกีฬาไทย สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่บทความ พระอัจฉริยภาพด้านการกีฬา ในหลวงรัชกาลที่ 9
ภาพจาก สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ, เรารักพระเจ้าอยู่หัว