แม้จะไม่ได้เจ็บป่วยอย่างเห็นได้ชัด แต่ปฏิเสธไม่ได้เหมือนกันว่าอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย นอนไม่หลับ อาหารไม่ย่อย เป็นหวัดบ่อย ๆ หรือตื่นเช้ามาก็ไม่สดชื่นทั้งที่ไม่ได้นอนดึกก็ทำให้หลายคนแอบหวั่น ๆ อยู่ในใจว่า อาการผิดปกติเหล่านี้เป็นสัญญาณเตือนของโรคอะไร หรือเราป่วยเป็นอะไรหรือเปล่านะ แต่ช้าก่อนค่ะ อย่าเพิ่งตื่นตูมกันไป เพราะบางทีอาการเหล่านี้
อาจเป็นเพราะคุณพร่องสารอาหารบางอย่าง ขาดวิตามินบางตัวก็เท่านั้น อย่างที่เรียกว่า "ภาวะพร่องสุขภาพ" (Sub-optimal Health) เอ้า...อย่าเพิ่งสงสัยว่าตัวเองจะมีภาวะพร่องสุขภาพได้อย่างไร ก็ในเมื่อก็รับประทานอาหารครบทุกมื้ออยู่แล้ว...
งั้นลองนึกดูดี ๆ ก่อนสิคะว่า ในแต่ละวันเราทานอาหารได้ครบ 5 หมู่ตามหลักโภชนาการที่ดีจริง ๆ ไหม โดยเฉพาะวัยทำงานที่ส่วนมากต้องใช้ชีวิตรีบเร่งแข่งกับเวลา อาหารที่กินก็เน้นสะดวกและง่ายเข้าว่า บางครั้งก็หลีกเลี่ยงการทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการต่ำไม่ได้ หรือบ่อยครั้งต้องทานอาหารนอกบ้านที่ไม่ได้รับสารอาหารครบถ้วนหรือไม่ได้ปรุงสด ๆ ใหม่ ๆ แบบนี้นี่ล่ะค่ะที่ทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ และเมื่อร่างกายพร่องสารอาหารไปจนเกิดภาวะพร่องสุขภาพขึ้นมา ร่างกายก็จะฟ้องออกมาในรูปแบบความเจ็บป่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ
อย่างคนที่มีอาการอ่อนแรง เหนื่อยง่าย ซีด อาจเกิดจากขาดธาตุเหล็กที่นำไปสู่ความเสี่ยงโรคโลหิตจางได้ในอนาคต หรือหากขาดวิตามินซีก็จะมีเลือดออกตามไรฟัน เป็นหวัดบ่อย ส่วนคนที่พร่องวิตามินบี เคสนี้ก็จะเจออาการเหน็บชา หรือเป็นปากนกระจอกบ่อย ๆ ได้ และอีกหนึ่งวิตามินสำคัญที่คนไทยมักจะขาดก็คือวิตามินดีที่ร่างกายจะได้รับจากแสงแดดในช่วงเช้า ซึ่งวิตามินดีมีความสำคัญในการช่วยดูดซึมแคลเซียมของร่างกาย ดังนั้นคนที่ขาดวิตามินดีก็อาจมีปัญหาในด้านการดูดซึมแคลเซียม ส่งผลให้กระดูกไม่แข็งแรง ยิ่งหากร่างกายไม่ค่อยได้รับแคลเซียมจากอาหารด้วย โอกาสจะเกิดโรคเรื้อรังที่เกี่ยวกับกระดูกและข้อก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นไปอีก
และที่น่าห่วงไปมากกว่านั้น ก็คืออายุที่เพิ่มขึ้นในแต่ละวันของเรานี่แหละค่ะ ที่อาจทำให้ระบบการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ด้อยประสิทธิภาพลง อย่างการดูดซึมอาหารของร่างกายก็จะลดลง ทำให้ร่างกายไม่ได้รับวิตามิน แร่ธาตุ และเกลือแร่ที่เพียงพอต่อความต้องการ และยังอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ก่อโรคเรื้อรังอื่น ๆ ตามมาด้วยนะคะ
ดังนั้นเพื่อสุขภาพที่ดี เรามาเพิ่มส่วนที่พร่องไปให้กลไกการทำงานของร่างกายกลับมามีประสิทธิภาพเต็มที่กันดีกว่า
ว่าแต่...การเพิ่มสารอาหารที่จำเป็นต่อความต้องการของร่างกายต้องเพิ่มเท่าไร กินแค่ไหนถึงจะพอ ทุกวันนี้ที่กินเนื้อสัตว์ ผัก ผลไม้ และแป้ง ก็เหมือนจะครบ 5 หมู่แล้วนะ ยังไม่พออีกหรือ ? แต่เอ...ถ้าอ้างอิงจากธงโภชนาการของกรมอนามัย ก็จะพบว่าเราต้องกินผักถึง 4-5 ทัพพี หรือประมาณ 5-7 กำมือ และกินผลไม้ 3-5 ส่วนต่อวันเลยนะ ถึงจะได้แร่ธาตุและวิตามินครบตามที่ร่างกายต้องการ
โอ้โห...ถ้าจะกินให้ครบตามนั้นก็ขอสารภาพตรง ๆ เลยว่าไม่ใช่เรื่องง่าย แล้วลองถามใจดูสิคะว่า ถ้ากินผักผลไม้ 4-5 ทัพพีทุกวันเราจะไหวไหม หรือจะหาทานได้ครบขนาดนั้นไหม
แต่ถ้าใครรู้สึกว่าคงจะทานให้ครบตามสัดส่วนที่ถูกต้องของหลักโภชนาการที่ดีได้ยากแน่ ๆ ก็อาจต้องหาตัวช่วยอย่างผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีวิตามินและเกลือแร่รวมหลายชนิด เพื่อเติมวิตามินและแร่ธาตุให้ร่างกายได้อย่างครบถ้วนแล้วล่ะค่ะ
แต่หากไม่แน่ใจว่าเราขาดวิตามินตัวไหน หรือควรทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแบบไหนดี
ก็แนะนำให้เลือกทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชนิดวิตามินและเกลือแร่รวม ชนิด จากเอ ถึง ซิงค์ พร้อมด้วยเบต้า–แคโรทีน ลูทีน และไลโคปีน ซึ่งช่วยให้ร่างกายได้รับวิตามินและแร่ธาตุจำเป็นครบตามสัดส่วน พ่วงด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่จะช่วยปกป้องสายตาจากการจ้องหน้าจอแสงสีฟ้าทุกวัน พร้อมทั้งช่วยลดความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจ และป้องกันความเสี่ยงโรคเรื้อรังอื่น ๆ ได้ด้วยนะคะ
แค่ได้รับวิตามินและเกลือแร่ต่าง ๆ ให้เพียงพอในแต่ละวัน ด้วยการเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบ 5 หมู่ แล้วเสริมด้วยวิตามินและเกลือแร่รวมเพื่อช่วยเติมสารอาหารที่พร่องในร่างกาย เพียงวันละ 1 เม็ด หลังอาหาร ง่าย ๆ แค่นี้ก็สามารถป้องกันภาวะพร่องสุขภาพได้แล้วล่ะ ทีนี้ก็บอกลาอาการสมองไม่แล่น ร่างกายไม่สดชื่น อ่อนเพลีย เหนื่อยง่ายไปได้เลย อ้อ ! แล้วอย่าลืมหมั่นออกกำลังกาย ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว รวมทั้งพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อให้มีสุขภาพดีอย่างสมบูรณ์สูงสุด (Optimal Health) ด้วยนะคะ
