ชาวสุโขทัยเชื่อ ต้นอังกาบหนู เป็นสมุนไพรเทวดารักษามะเร็งได้ หลังชาวบ้าน 13 คนกินแล้วหายขาดจากโรคร้าย วอนหน่วยงานรัฐวิจัยด่วน
จากกรณีเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา นายพิภพ ไขแจ้ง อายุ 60 ปี
ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านวัดโบสถ์ หมู่ 5 ต.เมืองบางขลัง อ.สวรรคโลก
จ.สุโขทัย ได้ออกมาเปิดเผยถึงสรรพคุณของ "ต้นผ่าด้าม" ที่ช่วยฟื้นฟูสมรรถภาพทางเพศได้เป็นอย่างดี
เรียกว่าไวอากร้ายังต้องเรียกพี่ จนกลายเป็นข่าวโด่งดังนั้น
ล่าสุด (13 สิงหาคม 2561) สำนักข่าว แนวหน้า รายงานว่า นายพิภพ ได้ออกมาเปิดเผยอีกว่า ยังมีพืชสมุนไพรอีกตัวหนึ่งที่สรรพคุณน่าทึ่งยิ่งกว่า เพราะสามารถรักษาโรคมะเร็งระยะสุดท้ายให้หายได้ พืชที่ว่านั้นก็คือ "ต้นอังกาบหนู" เป็นไม้พุ่มเตี้ย สูงประมาณ 1-1.5 เมตร ลำต้นเกลี้ยง มีหนามยาวรอบข้อ ออกดอกสีเหลืองตามซอกใบ และปลูกง่ายมาก
โดย นายพิภพ เล่าว่า เมื่อหลายปีที่แล้วตนป่วยเป็นมะเร็งปอดระยะที่ 2 เพราะสูบบุหรี่จัด ยาแผนปัจจุบันไม่มีรักษา เลยลองหันมาพึ่งพืชสมุนไพรพื้นบ้าน ซึ่งพระครูพิพัฒสุตากร เจ้าอาวาสวัดโบสถ์ แนะนำให้เอายอดใบต้นอังกาบหนูที่มีปลูกอยู่ในวัดไปต้มดื่มกินเช้า กลางวัน และเย็น ปรากฏว่าแค่เดือนเดียว อาการหายใจติดขัด เจ็บหน้าอก ปวดหลังของตนก็หายทันที ผ่านไป 3 เดือน ตนไปเอกซเรย์ปอดที่กรุงเทพฯ พบว่าจุดดำเริ่มจางลง และหายไปในที่สุด
นอกจากนี้ เพื่อนของตนชื่อว่า นายแดง ป่วยเป็นมะเร็งตับระยะสุดท้าย เขาให้กลับมาตายที่บ้าน จึงแนะนำให้ลองกินต้นอังกาบหนู ผ่านไป 1 เดือน อาการท้องแข็งโตเหมือนคนใกล้คลอดก็ยุบลง ผ่านไป 6 เดือน ท้องที่เคยโตก็ยุบและหายเป็นปกติ ปัจจุบันผ่านมา 3 ปีแล้ว ก็ยังมีชีวิตอยู่ และทำงานได้เหมือนเดิม
อย่างไรก็ตาม ตนใช้พืชสมุนไพรดังกล่าวต่อเนื่องมาเป็นสิบปีแล้ว ไม่ว่าจะต้มดื่มเพื่อขับสารพิษตกค้างในร่างกาย หรือจะกินใบอ่อนสด ๆ เป็นเครื่องเคียงแกล้มลาบ ซึ่งมีรสออกขมนิด ๆ ทั้งลูกผ่าด้ามและอังกาบหนู ยืนยันรักษาโรคได้จริง และมีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายแน่นอน
ด้าน พระครูพิพัฒสุตากร เจ้าอาวาสวัดโบสถ์ (เมืองโบราณบางขลัง) กล่าวว่า ครั้งแรกที่รู้จักยาตัวนี้ เพราะว่ามีชาวบ้านที่ป่วยเป็นมะเร็งกระดูกระยะที่ 3 ฝันเห็นพญานาคสีทองขดอยู่ในมณฑปโบราณเมืองบางขลัง ตรงกลางลำตัวมีใบไม้เท่าฝ่ามือ และมีฤาษีเดินออกมาจากผนังมณฑป บอกว่าให้เอายาตัวนี้ไปกินแล้วจะหายโรค ผู้ป่วยคนดังกล่าวจึงมาถามตนว่าในมณฑปมียาสมุนไพรหรือไม่ ตนตอบไปว่า ไม่มี แต่ตรงทิศใต้ของมณฑปมี ต้นอังกาบหนู ลองไปดูว่ามันคล้ายกับที่ฝันหรือไม่
จากนั้นผู้ป่วยคนนี้ก็เด็ดใบไปต้มกิน ปรากฏว่ากินไปได้ 2 เดือน ก็หายจากโรค และมีชีวิตอยู่ถึงทุกวันนี้ พอหลายคนทราบข่าวก็เลยลองกินตามก็หายป่วยจากโรคมะเร็ง เพราะกินน้ำต้มใบอังกาบหนู นับทั้งหมดได้ 13 คน
หนึ่งในนั้นรวมถึงพี่ชายตนด้วย เพราะเมื่อ 7 ปีก่อน พี่ชายได้ป่วยเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองที่ลำคอ มีแผลเน่า พูดไม่ได้ ญาติทุกคนคิดว่าไม่รอด แต่ก็มีชีวิตรอดมาได้ถึงทุกวันนี้ เพราะกินน้ำต้มใบอังกาบหนู ปัจจุบันอายุ 52 ปีแล้ว
ล่าสุด (13 สิงหาคม 2561) สำนักข่าว แนวหน้า รายงานว่า นายพิภพ ได้ออกมาเปิดเผยอีกว่า ยังมีพืชสมุนไพรอีกตัวหนึ่งที่สรรพคุณน่าทึ่งยิ่งกว่า เพราะสามารถรักษาโรคมะเร็งระยะสุดท้ายให้หายได้ พืชที่ว่านั้นก็คือ "ต้นอังกาบหนู" เป็นไม้พุ่มเตี้ย สูงประมาณ 1-1.5 เมตร ลำต้นเกลี้ยง มีหนามยาวรอบข้อ ออกดอกสีเหลืองตามซอกใบ และปลูกง่ายมาก
โดย นายพิภพ เล่าว่า เมื่อหลายปีที่แล้วตนป่วยเป็นมะเร็งปอดระยะที่ 2 เพราะสูบบุหรี่จัด ยาแผนปัจจุบันไม่มีรักษา เลยลองหันมาพึ่งพืชสมุนไพรพื้นบ้าน ซึ่งพระครูพิพัฒสุตากร เจ้าอาวาสวัดโบสถ์ แนะนำให้เอายอดใบต้นอังกาบหนูที่มีปลูกอยู่ในวัดไปต้มดื่มกินเช้า กลางวัน และเย็น ปรากฏว่าแค่เดือนเดียว อาการหายใจติดขัด เจ็บหน้าอก ปวดหลังของตนก็หายทันที ผ่านไป 3 เดือน ตนไปเอกซเรย์ปอดที่กรุงเทพฯ พบว่าจุดดำเริ่มจางลง และหายไปในที่สุด
นอกจากนี้ เพื่อนของตนชื่อว่า นายแดง ป่วยเป็นมะเร็งตับระยะสุดท้าย เขาให้กลับมาตายที่บ้าน จึงแนะนำให้ลองกินต้นอังกาบหนู ผ่านไป 1 เดือน อาการท้องแข็งโตเหมือนคนใกล้คลอดก็ยุบลง ผ่านไป 6 เดือน ท้องที่เคยโตก็ยุบและหายเป็นปกติ ปัจจุบันผ่านมา 3 ปีแล้ว ก็ยังมีชีวิตอยู่ และทำงานได้เหมือนเดิม
อย่างไรก็ตาม ตนใช้พืชสมุนไพรดังกล่าวต่อเนื่องมาเป็นสิบปีแล้ว ไม่ว่าจะต้มดื่มเพื่อขับสารพิษตกค้างในร่างกาย หรือจะกินใบอ่อนสด ๆ เป็นเครื่องเคียงแกล้มลาบ ซึ่งมีรสออกขมนิด ๆ ทั้งลูกผ่าด้ามและอังกาบหนู ยืนยันรักษาโรคได้จริง และมีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายแน่นอน
ด้าน พระครูพิพัฒสุตากร เจ้าอาวาสวัดโบสถ์ (เมืองโบราณบางขลัง) กล่าวว่า ครั้งแรกที่รู้จักยาตัวนี้ เพราะว่ามีชาวบ้านที่ป่วยเป็นมะเร็งกระดูกระยะที่ 3 ฝันเห็นพญานาคสีทองขดอยู่ในมณฑปโบราณเมืองบางขลัง ตรงกลางลำตัวมีใบไม้เท่าฝ่ามือ และมีฤาษีเดินออกมาจากผนังมณฑป บอกว่าให้เอายาตัวนี้ไปกินแล้วจะหายโรค ผู้ป่วยคนดังกล่าวจึงมาถามตนว่าในมณฑปมียาสมุนไพรหรือไม่ ตนตอบไปว่า ไม่มี แต่ตรงทิศใต้ของมณฑปมี ต้นอังกาบหนู ลองไปดูว่ามันคล้ายกับที่ฝันหรือไม่
จากนั้นผู้ป่วยคนนี้ก็เด็ดใบไปต้มกิน ปรากฏว่ากินไปได้ 2 เดือน ก็หายจากโรค และมีชีวิตอยู่ถึงทุกวันนี้ พอหลายคนทราบข่าวก็เลยลองกินตามก็หายป่วยจากโรคมะเร็ง เพราะกินน้ำต้มใบอังกาบหนู นับทั้งหมดได้ 13 คน
หนึ่งในนั้นรวมถึงพี่ชายตนด้วย เพราะเมื่อ 7 ปีก่อน พี่ชายได้ป่วยเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองที่ลำคอ มีแผลเน่า พูดไม่ได้ ญาติทุกคนคิดว่าไม่รอด แต่ก็มีชีวิตรอดมาได้ถึงทุกวันนี้ เพราะกินน้ำต้มใบอังกาบหนู ปัจจุบันอายุ 52 ปีแล้ว
สำหรับสรรพคุณด้านอื่น ๆ ของอังกาบหนู จากข้อมูลของ เว็บไซต์ Medthai มีดังนี้
1. ดอกอังกาบ นำมาตากแห้งใช้ปรุงเป็นยาสมุนไพร ช่วยบำรุงธาตุในร่างกาย ช่วยเจริญธาตุไฟได้ดีมาก
2. รากหรือใบ ใช้เป็นยาลดไข้ ช่วยแก้หวัดด้วยการนำใบมาคั้นกิน
3. รากหรือใบ ใช้ผสมกับน้ำมะนาว ช่วยรักษากลากเกลื้อน
4. ราก ใช้เป็นยาแก้ฝี
5. ราก ช่วยแก้อาการอาหารไม่ย่อย
6. รากของดอกอังกาบสีเหลืองที่ตากแห้งแล้วนำมาต้มเป็นยาดื่ม ช่วยขับเสมหะ
7. ใบอังกาบหนู ใช้เคี้ยวแก้อาการปวดฟันได้
8. ใบใช้ผสมกับน้ำผึ้ง ช่วยรักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน
9. น้ำคั้นจากใบ ใช้หยอดหู แก้หูอักเสบได้
10. ใบ ยังช่วยป้องกันและแก้อาการท้องผูกได้ด้วย
11. ใช้แก้พิษงู (ใบ)
12. ช่วยรักษาโรคคัน (ใบ)
13. ใบ ช่วยแก้อัมพาต รักษาโรคปวดตามข้อ โรครูมาติซั่ม หรือใช้ทาแก้อาการปวดหลัง แก้ปวด บวม
14. สารสกัดจากรากอังกาบหนูมีฤทธิ์ในการคุมกำเนิด โดยมีการทดลองในหนูเพศผู้นานติดต่อกัน 60 วัน พบว่าสามารถคุมกำเนิดได้ 100% เนื่องจากสารสกัดดังกล่าวมีฤทธิ์ในการรบกวนการสร้างสเปิร์ม ลดจำนวนสเปิร์ม และทำให้การเคลื่อนไหวของสเปิร์มลดลง โดยสารสกัดจากอังกาบหนูส่งผลต่อการสร้างสเปิร์ม ทำให้โครงสร้างและหน้าที่ของสเปิร์มผิดปกติไป
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก