
ตู้น้ำหยอดเหรียญ ปนเปื้อนแบคทีเรีย กทม.สุ่มตรวจด้อยคุณภาพ7% (ไทยโพสต์)
กทม.เผยสุ่มตรวจตู้น้ำดื่มไม่ผ่านมาตรฐาน พบมีเชื้อแบคทีเรียปนเปื้อน กว่า7% สภาพตู้สกปรก แจ้งผู้ประกอบการหมั่นทำความสะอาดขู่ยึดใบอนุญาตหากผิดซ้ำซากเตือนเจ้าของตู้น้ำขอใบอนุญาตหากฝ่าฝืนจะอายัดเครื่องทันที
เมื่อวันที่ 10 มกราคม นางอินจิรา นิยมธูรผู้อำนวยการกองสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อม สำนักอนามัย กรุงเทพมหานครกล่าวถึงการควบคุมตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญในเขตกทม.ให้มีมาตรฐานถูกสุขลักษณะว่าจากการลงพื้นที่ตรวจสอบคุณภาพน้ำดื่มจากตู้หยอดเหรียญเมื่อช่วงปลายปี 2553โดยสุ่มตรวจตัวอย่างน้ำดื่มจำนวน618 ตัวอย่างทั้ง 50 เขตใน กทม.พบการปนเปื้อนของเชื้อโคลิฟอร์มแบคทีเรียในน้ำดื่มจำนวน 44 ตัวอย่างหรือคิดเป็น 7.2% ที่ไม่ได้มาตรฐานโดยแจ้งให้ผู้ประกอบการล้างทำความสะอาดตู้และอุปกรณ์เมื่อนำตัวอย่างน้ำดื่มไปตรวจสอบอีกครั้งก็ไม่พบการปนเปื้อนซ้ำแต่ถ้ามีตู้ใดที่ปนเปื้อนซ้ำก็จะยึดใบอนุญาตและปิดบริการทันทีสำหรับการควบคุมตู้น้ำดื่มเน้นการเฝ้าระวังโดยลงพื้นที่สุ่มตรวจการปนเปื้อนเชื้อโรคปีละ 3 ครั้งตามนโยบายผู้บริหารกทม.
นางอินจิรากล่าวว่า นอกจากปัญหาการปนเปื้อนเชื้อโคลิฟอร์มแบคทีเรียซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดโอกาสที่จะปนเปื้อนเชื้อโรคและเป็นอันตรายต่อสุขภาพร่างกายแล้ว ยังพบว่าผู้ประกอบการตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญไม่ดูแลรักษาเครื่องให้สะอาดและมีคราบฝุ่นละอองจับสกปรก ซึ่งปัญหานี้เริ่มมีน้อยลงหลังจากกทม.ลงพื้นที่ตรวจสอบมากขึ้น ทั้งนี้ผู้ประกอบการตู้น้ำดื่มจะต้องขอรับใบอนุญาตจาก กทม.เนื่องจากกระทรวงสาธารณสุขได้ประกาศให้การผลิตน้ำกลั่นน้ำบริโภคเป็นกิจการ ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพและมีแนวทางการควบคุมการประกอบกิจการตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญเพื่อให้ราชการส่วนท้องถิ่นออกข้อกำหนด
กทม.มีข้อบัญญัติให้ผู้ประกอบการต้องขอรับใบอนุญาตให้ถูกต้องตามกฎหมายโดยวัสดุที่ใช้ในการผลิตตู้น้ำดื่มต้องทนทาน ไม่ผุกร่อน ไม่มีสารละลายน้ำที่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค การติดตั้งอยู่ที่สถานที่เหมาะสมมีระบบป้องกันภัยจากกระแสไฟฟ้ารั่วหรือลัดวงจรผู้ประกอบการต้องทำความสะอาดตู้ ถังเก็บน้ำ หัวจ่ายน้ำดื่มหยอดเหรียญและตรวจสอบประสิทธิภาพของการล้างฆ่าเชื้อเครื่องจักรอุปกรณ์อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง แหล่งน้ำที่นำมาใช้ต้องมีคุณภาพดี เช่น น้ำประปาน้ำจากบ่อบาดาล เป็นต้น
"ขณะนี้มีผู้ประกอบกิจการตู้น้ำดื่มจำนวนมากไม่ต่ำกว่า 1,000รายที่ไม่ขอรับใบอนุญาตจาก กทม. ซึ่งถือเป็นตู้เถื่อน ไม่เสียค่าธรรมเนียม2,000 บาทต่อปีและมักจะเคลื่อนย้ายสถานที่ตั้งตู้น้ำหลบหนีการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ ซึ่งเป็นปัญหาของแต่ละเขตที่จะต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด ทั้งนี้กทม.มีอำนาจอายัดตู้น้ำที่ผิดกฎหมายได้ โดยกทม.จะมีหนังสือแจ้งผู้ประกอบการให้ไปขออนุญาตภายใน 7 วันหากพ้นกำหนดจะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป" ผอ.กองสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อม สำนักอนามัย กทม.กล่าว
สำหรับการติดสติ๊กเกอร์ตรากรุงเทพมหานครบนตู้น้ำดื่มที่ผ่านการตรวจสอบและได้มาตรฐานตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข นางอินจิรา บอกว่าได้จัดทำสติ๊กเกอร์ดังกล่าวจำนวน 3,000 แผ่นแจกจ่ายให้สำนักงานเขตทั้ง 50เขตไปดำเนินการแล้ว
รศ.ดร.วิสิฐ จะวะสิตผู้อำนวยการสถาบันวิจัยโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ระบุว่าตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญทั่วไปผ่านกระบวนการผลิตน้ำที่เรียกว่า อาร์โอเป็นการ กรองน้ำให้สะอาดบริสุทธิ์หากน้ำผ่านการกรองที่ได้มาตรฐานตามข้อกำหนด ของกระทรวงสาธารณสุขซึ่งยึดหลักเกณฑ์ขององค์การอนามัยโลก ผู้บริโภคน้ำก็จะไม่เป็นอันตรายแต่น้ำดื่มปนเปื้อนเชื้อโรคเกิดจากผู้ประกอบกิจการไม่ดูแลรักษาตัวเครื่องและอุปกรณ์ให้สะอาดอย่างสม่ำเสมอโดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวไส้กรองที่มีอายุการใช้งาน จะต้องทำความสะอาดอย่างดีตามระยะเวลาที่เหมาะสม ไม่ปล่อยให้เชื้อโรคสะสมหรือตกค้างอยู่ในเครื่องอีกทั้งเจ้าของเครื่องมักจะดัดแปลงหรือซ่อมแซมตู้น้ำด้วยตัวเองซึ่งเป็นอันตรายต่อผู้บริโภคน้ำดื่ม
"คุณภาพของน้ำดื่มนอกจากขึ้นอยู่กับมาตรฐานตู้ผลิตน้ำแล้ว ยังอยู่ที่แหล่งน้ำดิบที่นำมาใช้ว่าผ่านการฆ่าเชื้อโรคหรือยังเติมคลอรีนในปริมาณที่เหมาะสมหรือไม่และท่อประปาส่งน้ำมีความแข็งแรงหรือรั่วไหลเพราะถ้าท่อน้ำแตกก็จะทำให้เชื้อโรคพวกจุลินทรีย์และแบคทีเรียที่เกิดจากซากพืชซากสัตว์ลอยปนเปื้อนในน้ำด้วย" รศ.ดร.วิสิฐ กล่าว
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
