8 เคล็ดลับ ชีวิตดีเริ่มที่..ที่ทำงาน

ทำงานอย่างไรให้มีความสุข

          ชีวิตคนทำงานหรือพนักงานออฟฟิศ ใช้เวลาส่วนใหญ่หมดไปในที่ทำงาน  ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่า ชีวิตจะดีหรือร้าย ที่ทำงานอาจเป็นตัวกำหนด

          หลายคนจึงคาดหวังความรับผิดชอบในการสร้างชีวิตดีให้กับองค์กรที่ตนสังกัด แต่ในความเป็นจริงแล้ว การมีชีวิตที่ดีในที่ทำงาน ไม่สำคัญว่าคุณจะทำงานอะไร อยู่ในตำแหน่งไหน หรือได้เงินเดือนเท่าไหร่ สามารถเริ่มต้นได้ด้วยตัวเอง

          ข้อแนะนำ และตัวอย่างการปฏิบัติจริง 8 ข้อต่อไปนี้ คือสิ่งที่ สสส. ได้รวบรวมข้อมูลและองค์ความรู้เพื่อเป็นเครื่องมือในการสร้างชีวิตที่ดีสำหรับคนไทยทุกคน

1. ดูแลสุขภาพ

ทำงานอย่างไรให้มีความสุข

          คนเราใช้เวลาแต่ละวันกว่าครึ่งในที่ทำงาน ร่างกายและสุขภาพของเราก็เลยถูกฝากเอาไว้กับการใช้ชีวิตและสภาพแวดล้อมในองค์กรไปมากกว่าครึ่งเช่นกัน เราสามารถลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเอง เพื่อสร้างสุขภาพตัวเองให้ดีในที่ทำงานได้หลายวิธี เช่น แทนที่จะนั่งประชุมหลังขดหลังแข็ง ก็เปลี่ยนมายืนประชุมบ้าง ซึ่งเป็นรูปแบบที่หลายองค์กรนำมาปรับใช้

          จัดท่านั่งของตัวเองให้เหมาะสม เพื่อป้องกันการปวดคอ ปวดหลัง ปวดไหล่ ซึ่งอาจส่งผลเสียไปถึงการเป็นกระดูกสันหลังคด หมอนรองกระดูกเคลื่อน หรือเป็นโรคออฟฟิศซินโดรม เมื่อนั่งทำงานนาน ๆ ก็ควรลุกขึ้นมาขยับร่างกาย และพักสายตาจากจอคอมพิวเตอร์บ้าง ด้วยการออกกำลังกายง่าย ๆ สไตล์ชาวออฟฟิศไปเลย โดยสามารถดูวิธีได้ที่นี่ คลิก

          นอกจากการลุกขึ้นมาขยับระหว่างวันเพื่อเพิ่มกิจกรรมทางกายแล้ว ก็ต้องใส่ใจเรื่องการกินด้วย สั่งเครื่องดื่มหวานน้อย และเลือกของว่าง เบรกประชุมเป็น ผลไม้ แทนขนมหวาน ได้ด้วยก็จะดีต่อสุขภาพกว่า และควรหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงโรคต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเหล้า หรือบุหรี่ เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง ไปพร้อมกับมีจิตใจที่แจ่มใส 


2. ดูแลความสัมพันธ์

ทำงานอย่างไรให้มีความสุข

          ถึงงานจะเหนื่อยแค่ไหน แต่ถ้าคุณมีเพื่อนที่ดีในที่ทำงาน คุณก็คงอยากไปทำงานทุกวัน การมีความสัมพันธ์ที่ดียังช่วยให้งานดำเนินไปได้อย่างราบรื่นอีกด้วย

          การปรับเปลี่ยนง่าย ๆ ที่สามารถทำได้ทันทีก็คือ การเดินไปพบกับเพื่อนร่วมงาน เพื่อแจ้งเรื่องที่ต้องการแทนการส่งอีเมล หรือการเดินเอาเอกสารไปให้ถึงโต๊ะ แทนการใช้บริการจดหมายเวียนภายใน การได้เดินไปพบ ได้มีปฏิสัมพันธ์กันแบบซึ่งหน้า จะทำให้ผู้ร่วมงานมีความเข้าใจกันมากขึ้น ช่วยลดความขัดแย้ง และผ่อนหนักให้เป็นเบาได้เมื่อถึงวันที่มีความผิดพลาดเกิดขึ้น

3. แบ่งเวลาพัก

ทำงานอย่างไรให้มีความสุข

          มีงานวิจัยหลายสำนักสนับสนุนว่าการมีกิจกรรมให้ผ่อนคลายจะทำให้คนทำงาน ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะแม้แต่คนที่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากภายใต้ความกดดัน แต่ในที่สุดแล้วความมีประสิทธิภาพนั้นจะถึงจุดสูงสุด ก่อนจะค่อยลดลงกลายเป็นความรู้สึกหมดไฟ หรือ Burn Out ในที่สุด

          การพักผ่อนระหว่างวันอาจเริ่มจากสิ่งง่าย ๆ เช่น ลุกออกไปเดินเล่น ไปชงกาแฟ พูดคุยกับเพื่อนร่วมงานคนอื่น หรือแม้แต่การนั่งที่โต๊ะ และหลับตาลงสักครู่

          การใช้วันหยุดก็เป็นอีกทางที่สามารถใช้ไปกับการผ่อนคลายได้ ในปัจจุบันบางองค์กรนอกจากมีวันลาพักร้อนแล้ว ยังมีวันหยุดพิเศษปีละครั้งโดยไม่นับเป็นวันลา รวมไปถึงวันหยุดสุดพิเศษทุก  5 ปี ที่จะให้พนักงานสามารถไปทำสิ่งที่ชอบแบบยาวๆ ดังนั้นการใช้วันหยุดอย่างเหมาะสมก็ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความสุขให้กับชีวิตการทำงาน

4. ไม่หยุดหาความรู้

ทำงานอย่างไรให้มีความสุข

          ขนาดโทรศัพท์มือถือที่ใช้อยู่ทุกวันนี้ ยังต้องคอยอัพเดทซอฟท์แวร์ คุณเองก็ต้องการการอัพเดทซอฟท์แวร์ด้วยเช่นกัน

          องค์กรที่ใส่ใจทรัพยากรบุคคลมักมีหลักสูตรอบรมให้วิชาความรู้กับพนักงานอยู่เสมอ ดังนั้นอย่าลืมวางแผนเพื่อไปเข้าร่วมหลักสูตรที่ตัวเองสนใจ เพราะความรู้เหล่านั้นอาจเป็นประโยชน์กับคุณในระยะยาวมากกว่าการใช้เวลาไปกับการทำงานด้วยทักษะเดิมก็ได้

          อย่างไรก็ตามความรู้ความสามารถที่ว่าไม่ได้จำกัดอยู่แค่เรื่องงาน แต่อาจจะเป็นเรื่องอื่น ๆ ที่คุณสนใจก็ได้ เช่น คนทำงานสร้างสรรค์อาจจะไปเรียนการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ นักบัญชีอาจจะไปเรียนการทำอาหาร และพนักงานขายอาจจะไปเรียนภาษาเกาหลี ความรอบรู้จะทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น และก็อาจจะนำไปสู่ความคิดสร้างสรรค์ใหม่ ๆ วิธีใหม่ ๆในการทำงานเดิม ๆ ให้ดีขึ้นก็ได้

5. คุณธรรมต้องมีขึ้นใจ

ทำงานอย่างไรให้มีความสุข

          การมีจริยธรรมและมีคุณธรรมนี้นอกจากจะเริ่มต้นที่ตัวเราเองแล้ว เรายังสามารถแสดงออกเพื่อเป็นแรงบันดาลใจที่ดีให้ผู้คนรอบตัวได้ด้วยเช่นกัน ด้วยการคิดดี พูดดี ทำดี รักษากฎเกณฑ์ มีมารยาท และรักษาจรรยาบรรณวิชาชีพ เป็นต้น

          นอกจากระดับบุคคล จริยธรรมในระดับองค์กรก็เป็นรากฐานสำคัญที่จะทำให้องค์กรนั้น ๆ พัฒนาไปในทิศทางแห่งความยั่งยืน ดังจะเห็นได้จากภาคสังคมให้ความสนใจในด้านนี้ จนเกิดเป็นความร่วมมือของทั้งภาครัฐและเอกชน เช่นการมอบรางวัลองค์กรโปร่งใสโดยสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เป็นต้น

6. หมั่นดูแลสุขภาพการเงิน

ทำงานอย่างไรให้มีความสุข

          ปัญหาเรื่องเงิน เช่น การชักหน้าไม่ถึงหลัง การเป็นหนี้เกินตัว หรือการไม่มีเงินออม ล้วนมีผลต่อการทำงานได้ทั้งนั้น แต่ข่าวดีทุกคนสามารถเริ่มจัดการเรื่องการเงินให้เป็นระเบียบได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องรอการขึ้นเงินเดือนหรือการเพิ่มผลประโยชน์จากองค์กรให้เป็นทางออกเพียงอย่างเดียว

          การจัดการเรื่องการเงินให้เป็นระเบียบทำได้หลายวิธีอย่าง เช่น เข้าร่วมโครงการส่งเสริมการออมขององค์กร อย่าง Provident Fund ที่องค์กรจะทำการหักเงินเดือนของคุณไปตามอัตราส่วนที่ตกลงกันไว้เพื่อเอาไปลงทุน และจะคืนทั้งเงินออม และผลประโยชน์จากการลงทุนและเงินที่องค์กรมอบให้ตามสัดส่วนเมื่อคุณเกษียณ หรือออกจากงาน การออมแบบนี้มีประสิทธิภาพตรงที่เงินจะโดนตัดไปจากเงินเดือนคุณโดยที่คุณไม่สามารถต่อรองอะไรได้

          การแยกสัดส่วนเงินสำหรับใช้จ่ายประจำวัน สำหรับเก็บออมและสำหรับการท่องเที่ยว ก็จะไม่ทำให้คุณกังวลใจเมื่อต้องการพักผ่อนว่าจะมีเงินพอสำหรับการผ่อนคลายไหม เมื่อความกังวลตรงนี้หมดไป คุณก็น่าจะมีพื้นที่ให้สมองได้คิดสร้างสรรค์อะไรดี ๆ อีกมาก

7. ใส่ใจครอบครัวอยู่เสมอ

ทำงานอย่างไรให้มีความสุข

          คนที่มีความสัมพันธ์ในครอบครัวที่ราบรื่นย่อมสบายใจ ย่อมทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าคนที่เรื่องให้กังวลใจตลอดเวลา คุณสามารถดูแลความสุขของครอบครัวได้ด้วยตัวเอง อย่างการใช้วันหยุดอย่างเหมาะสม ให้ความสำคัญกับเรื่องของครอบครัวมากพอ ๆ กับเรื่องงาน

          การทำความเข้าใจกับคนในครอบครัวเกี่ยวกับลักษณะงานและความรับผิดชอบที่คุณได้รับมอบหมายก็สามารถเป็นตัวช่วยสำคัญในการดูแลความสุขของครอบครัวได้ ลองใช้เวลาในการคุยกันสักนิด อธิบายเรื่องราวให้คนในครอบครัวฟังด้วยความเข้าอกเข้าใจมากขึ้นอีกสักหน่อย ก็จะทำให้ชีวิตคุณเป็นสุขขึ้นได้อีกมาก

8. อย่าลืมแบ่งปันความสุขให้สังคม

ทำงานอย่างไรให้มีความสุข

          ไม่ว่าคุณจะอยู่ในจุดไหนขององค์กร หรือสังคม คุณก็สามารถแบ่งปันความสุขให้กับสังคมได้โดยเริ่มที่ตัวคุณเอง การแบ่งปันความสุขนี้ ไม่จำเป็นจะต้องเป็นเรื่องยิ่งใหญ่เลย แค่เรื่องง่าย ๆ มีน้ำใจกับเพื่อนร่วมงาน และคนรอบตัว หรืออย่างการลดการใช้ถุงพลาสติก ใช้รถใช้ถนนอย่างเอื้อเฟื้อแก่ผู้ร่วมทาง ก็ถือว่าเป็นการแบ่งปันความสุขให้สังคมแล้ว

          การแบ่งปันความสุขให้กับสังคมจะทำให้คุณรู้สึกถึงคุณค่าในตัวเอง และก่อเกิดเป็นความสุขในระยะยาวมากกว่าความสุขที่เกิดจากการได้ครอบครองทางวัตถุ หากต้องการร่วมสร้างความสุขให้กับผู้อื่น ลองหาข้อมูลได้ที่นี่ คลิก
   
          แม้องค์กรที่อยู่จะมีสวัสดิการมากมายที่สร้างขึ้นมาเพื่อดูแลทรัพยากรที่มีค่าอย่างคุณ แต่ก็ยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องเริ่มด้วยตัวคุณเอง ลองลุกขึ้นมาตั้งเป้าหมาย แล้วลงมือสร้างชีวิตดี เริ่มที่ทำงาน กันเถอะ สนใจอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติม สสส. เตรียมเอาไว้ให้ทุกคนแล้วที่นี่

ชีวิตดี เริ่มที่เรา
Happy 8 Workplace Center


8 เคล็ดลับ ชีวิตดีเริ่มที่..ที่ทำงาน โพสต์เมื่อ 5 กันยายน 2562 เวลา 14:43:42 9,116 อ่าน
TOP
x close