เราทุกคนมีเวลา 24 ชั่วโมงเท่ากัน แต่อาจต่างกันที่ใครจะบริหารเวลาในแต่ละวันได้มีประสิทธิภาพกว่ากัน เนื่องจากหลายคนอาจรู้สึกว่า แค่จัดการเวลาเรียนหรือทำงานก็จะแย่แล้ว จะเอาเวลาไหนมาดูแลสุขภาพ แต่ถ้าได้อ่านเทคนิคดี ๆ ต่อไปนี้ จะรู้ว่าการบริหารเวลาทุกคนเริ่มได้ ไม่ยากอย่างที่คิด
เพิ่มเวลาขยับอีกนิด ชีวิตฟิตเกินคาด
เลือกกิจกรรมการออกกำลังกายที่ชอบตามความพร้อมของร่างกาย โดยออกกำลังอย่างเหมาะสมและสม่ำเสมอให้ได้อย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ อาจจะเริ่มจากการออกกำลังเบา ๆ เช่น เดินแกว่งแขน 3-4 สัปดาห์ แล้วขยับเป็นการเดินสลับวิ่งอีก 6-8 สัปดาห์ จากนั้นเริ่มวิ่งเบา ๆ ทำแบบนี้จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรค หรืออาการบาดเจ็บจากการออกกำลังกาย
21 วันปรับรสเค็ม-เปลี่ยนชีวิต
อาหารในปัจจุบันมักถูกปรุงรสชาติเค็มจัดเกินไป หรือมีโซเดียมแฝงอยู่ในอาหาร ไม่ว่าจะเป็นเครื่องปรุงรสที่ใช้แต่งรสชาติอาหาร อาหารสำเร็จรูป รวมไปถึงอาหารหมักดอง เราจึงควรชิมก่อนปรุงรสหรือปรุงรสแต่พอเหมาะ และหากเลือกกินอาหารรสธรรมชาติได้จะยิ่งดี สำหรับการปรับรสชาติในช่วงเริ่มแรก ลิ้นอาจยังไม่คุ้นเคย จึงแนะนำให้ค่อย ๆ ปรับลดการปรุงลงทีละน้อย หากทำได้นานต่อเนื่องเพียง 21 วัน ลิ้นก็จะปรับเข้ากับรสชาติใหม่ เมื่อผ่านระยะนั้นมาได้ ร่างกายจะคุ้นชิน ไม่โหยหารสชาติแบบเดิม รวมทั้งปรับเปลี่ยนต่อเนื่องจนกลายเป็นนิสัย ก็จะเปลี่ยนชีวิตเป็นคนใหม่ได้ในที่สุด
องค์การอนามัยโลกแนะนำว่า ในแต่ละวันเด็กควรมีกิจกรรมทางกายระดับปานกลาง-หนักอย่างน้อย 60 นาทีต่อวัน โดยสามารถแบ่งเป็นช่วงเวลา 10-20-30 เช่น มีกิจกรรมตอนเช้า 10 นาทีจากการเดินหรือปั่นจักรยานไปโรงเรียน มีกิจกรรมระหว่างวันหรือพักเที่ยง 20 นาทีในการวิ่งเล่น เตะฟุตบอล และกิจกรรมตอนเย็นหลังเลิกเรียนอีก 30 นาทีอาจเป็นการว่ายน้ำหรือวิ่ง ให้ทำกิจกรรมแบบนี้เป็นเวลา 5 วันต่อสัปดาห์ หรือสะสมปริมาณรวมของพลังงานที่ใช้อย่างน้อย 200 กิโลแคลอรีต่อวัน (เทียบได้กับการเดิน 3.2 กม. ต่อวัน หรือเดิน 60 นาที) จะช่วยให้เด็กไทยมีความกระตือรือร้น มีสมาธิ ช่วยพัฒนาร่างกายและสมองอีกด้วย
การนอนหลับนับเป็นเรื่องสำคัญเพราะเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายได้ฟื้นฟูตัวเอง ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ และทำให้ฮอร์โมนสำคัญต่าง ๆ ในร่างกายหลั่งสารออกมาได้ดี
- ระยะเวลาการนอนที่เหมาะสมคือ 8 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งการนอนนั้นต้องหลับอย่างเพียงพอและมีคุณภาพ
- ก่อนนอนควรงดเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนรวมถึงของมึนเมาและบุหรี่
- งดกินอาหารก่อนนอน หากหิวให้ดื่มนมอุ่นทดแทน
- งดเล่นคอมพิวเตอร์หรือมือถือ 30 นาทีก่อนเข้านอน เพราะสมองจะยังคงจดจำภาพของแสงสีเงิน และปรับการทำงานใหม่ จนทำให้ร่างกายคิดไปเองว่า ตอนนั้นยังคงเป็นเวลากลางวันอยู่ ส่งผลให้สมองหยุดการหลั่งสารเมลาโทนิน ซึ่งเป็นสารที่ช่วยในการนอนหลับได้
ตับทำหน้าที่กำจัดของเสียออกจากร่างกาย สิ่งที่ทำร้ายตับโดยตรงคือการดื่มเหล้าหรือเครื่องดื่มมึนเมา ยิ่งดื่มตับยิ่งทำงานหนัก สารพิษจะถูกกำจัดได้น้อยลง เอนไซม์ก็สูงขึ้นกลายเป็นตับอักเสบ ลามไปเป็นตับแข็งและมะเร็งตับในที่สุด โชคดีที่ตับมีความมหัศจรรย์โดยเป็น 1 ใน 7 อวัยวะของร่างกายที่สามารถฟื้นฟูและซ่อมสร้างตัวเองได้ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมโดยงดดื่มเหล้าเพียง 1 วัน จะช่วยฟื้นฟูตับได้ และค่าเอนไซม์จะสามารถกลับสู่ภาวะปกติ สุขภาพดีขึ้นเรื่อย ๆ ได้ หากไม่กลับไปดื่มอีก
เห็นหรือยังว่า การบริหารเวลาไม่ใช่เรื่องยาก ทุกคนสามารถมีชีวิตดีเริ่มที่ตัวเราเองได้ โดยมี สสส. คอยสนับสนุนและส่งต่อความรู้ดี ๆ แบบนี้อีกมากมาย หากสนใจ ตามไปอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่เลย thaihealth.or.th