สรุปภาพรวมสถานการณ์ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ จีนรับว่า เชื้อสามารถติดต่อจากคนสู่คนได้ นักวิชาการต่างประเทศคาดมีคนติดเชื้อที่เมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน ถึง 1,700 คน
- เมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน ติดเชื้อกว่า 200 คน เสียชีวิต 4 คน
- กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ติดเชื้อ 1 คน
- กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ติดเชื้อ 1 คน
- กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย ติดเชื้อ 2 คน
ภาพจาก Anthony WALLACE/AFP
จากสถานการณ์ของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (2019-nCoV) หรือไวรัสอู่ฮั่น ความคืบหน้าในประเทศไทยพบว่า มีการพบผู้ป่วยต้องสงสัยโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ จำนวน 1 คน โดยผู้ต้องสงสัยรายนี้เป็นชาวจีน วัย 18 ปี มีไข้สูง ไอ จาม ดังนั้น เจ้าหน้าที่จึงได้กักตัวและแยกเข้าสู่กระบวนการรักษา ตรวจว่าเป็นโรคใดกันแน่
อ่านข่าว : แถลงพบผู้ต้องสงสัยป่วยไวรัสพันธุ์ใหม่ กลางด่านควบคุมโรคสนามบินเชียงใหม่
ล่าสุด วันที่ 21 มกราคม 2563 อมรินทร์ ทีวี รายงานว่า ทางการจีนพบผู้ติดเชื้อแล้วมากกว่า 217 คน เสียชีวิตแล้ว 4 คน และยอมรับว่าไวรัสดังกล่าวสามารถติดต่อได้จากคนสู่คน โดยพบว่ามีบุคลากรทางการแพทย์ติดเชื้อจากผู้ป่วยแล้ว 15 คน มีอาการรุนแรง 1 คน
สถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศจีน และต่างประเทศ
อ่านข่าว : แถลงพบผู้ต้องสงสัยป่วยไวรัสพันธุ์ใหม่ กลางด่านควบคุมโรคสนามบินเชียงใหม่
ล่าสุด วันที่ 21 มกราคม 2563 อมรินทร์ ทีวี รายงานว่า ทางการจีนพบผู้ติดเชื้อแล้วมากกว่า 217 คน เสียชีวิตแล้ว 4 คน และยอมรับว่าไวรัสดังกล่าวสามารถติดต่อได้จากคนสู่คน โดยพบว่ามีบุคลากรทางการแพทย์ติดเชื้อจากผู้ป่วยแล้ว 15 คน มีอาการรุนแรง 1 คน
สถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศจีน และต่างประเทศ
- เมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน ติดเชื้อกว่า 200 คน เสียชีวิต 4 คน
- กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ติดเชื้อ 1 คน
- กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ติดเชื้อ 1 คน
- กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย ติดเชื้อ 2 คน
ภาพจาก Anthony WALLACE/AFP
ทั้งนี้ จากรายงานพิเศษของ คุณพงศธัช สุขพงษ์ ผู้สื่อข่าวไทยพีบีเอส ได้อ้างอิงบทความจาก Neil M. Ferguson นักวิทยาศาสตร์จากศูนย์ MRC เพื่อการวินิจฉัยโรคระบาดทั่วโลก แห่งมหาวิทยาลัยอิมพีเรียล คอลเลจ ลอนดอน สหราชอาณาจักร ซึ่งมีการประเมินว่า น่าจะมีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ในเมืองอู่ฮั่น มากถึง 1,723 คน
อย่างไรก็ตาม ในเว็บไซต์กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ประเทศไทย ได้รายงานสถานการณ์การสอบสวนโรคเบื้องต้นในประเทศจีน ว่า ผู้ป่วยส่วนใหญ่ทำงานในตลาดหรือมีประวัติเดินทางไปที่ตลาด South China Seafood Market ในเมืองอู่ฮั่น ซึ่งเป็นตลาดที่มีการค้าสัตว์หลายชนิด เช่น นก ไก่ฟ้า งู เครื่องในกระต่าย และสัตว์ป่าอื่น ๆ ขณะนี้ตลาดดังกล่าวได้มีการจัดการด้านสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อม และถูกปิดแล้วตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563
อย่างไรก็ตาม ในเว็บไซต์กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ประเทศไทย ได้รายงานสถานการณ์การสอบสวนโรคเบื้องต้นในประเทศจีน ว่า ผู้ป่วยส่วนใหญ่ทำงานในตลาดหรือมีประวัติเดินทางไปที่ตลาด South China Seafood Market ในเมืองอู่ฮั่น ซึ่งเป็นตลาดที่มีการค้าสัตว์หลายชนิด เช่น นก ไก่ฟ้า งู เครื่องในกระต่าย และสัตว์ป่าอื่น ๆ ขณะนี้ตลาดดังกล่าวได้มีการจัดการด้านสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อม และถูกปิดแล้วตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563
ภาพจาก Noel Celis/AFP
สำหรับมาตรการการเฝ้าระวังของทางกระทรวงสาธารณสุขประเทศไทยนั้น มีดังนี้
- ทำการคัดกรองผู้ที่เดินทางมาจากเมืองอู่ฮั่น ณ ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ใน 4 ท่าอากาศยาน ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ และภูเก็ต
- ขอความร่วมมือให้โรงพยาบาลทำการคัดกรองผู้ป่วยที่มีอาการไข้ ร่วมกับมีอาการระบบทางเดินหายใจ เช่น ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก หายใจเหนื่อยหอบ และมีประวัติการเดินทางไปเมืองอู่ฮั่น
- การเฝ้าระวังในชุมชน โดยให้ความรู้ประชาชน เมื่อพบนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากพื้นที่ระบาดของโรค มีอาการไข้ ร่วมกับมีอาการระบบทางเดินหายใจ เช่น ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก หายใจเหนื่อยหอบ ให้แจ้งบุคลากรสาธารณสุขในพื้นที่ หรือสายด่วนกรมควบคุมโรค DDC Hotline 1422
- ทำการคัดกรองผู้ที่เดินทางมาจากเมืองอู่ฮั่น ณ ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ใน 4 ท่าอากาศยาน ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ และภูเก็ต
- ขอความร่วมมือให้โรงพยาบาลทำการคัดกรองผู้ป่วยที่มีอาการไข้ ร่วมกับมีอาการระบบทางเดินหายใจ เช่น ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก หายใจเหนื่อยหอบ และมีประวัติการเดินทางไปเมืองอู่ฮั่น
- การเฝ้าระวังในชุมชน โดยให้ความรู้ประชาชน เมื่อพบนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากพื้นที่ระบาดของโรค มีอาการไข้ ร่วมกับมีอาการระบบทางเดินหายใจ เช่น ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก หายใจเหนื่อยหอบ ให้แจ้งบุคลากรสาธารณสุขในพื้นที่ หรือสายด่วนกรมควบคุมโรค DDC Hotline 1422
ภาพจาก STR/AFP
วิธีป้องกันตนเองของนักเดินทาง เนื่องจากองค์การอนามัยโลกไม่มีประกาศจำกัดการเดินทางไปยังพื้นที่ดังกล่าว แต่ควรปฏิบัติตามคำแนะนำ ดังนี้
- ระหว่างเดินทางในต่างประเทศ ขอให้หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่แออัด หรือสถานที่ที่มีมลภาวะเป็นพิษ และไม่อยู่ใกล้ชิดผู้ป่วยไอ จาม หากเลี่ยงไม่ได้ให้สวมใส่หน้ากากอนามัยป้องกัน
- หลีกเลี่ยงการเข้าไปตลาดค้าสัตว์มีชีวิต การสัมผัสหรืออยู่ใกล้ชิดกับสัตว์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสัตว์ที่ป่วย หรือตาย และหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารรวมถึงเนื้อสัตว์ที่ไม่สุกดี
- หมั่นล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอด้วยน้ำ และสบู่ หรือแอลกอฮอล์เจลล้างมือ ไม่นำมือมาสัมผัสตา จมูก ปาก โดยไม่จำเป็น
- ไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น (เช่น ผ้าเช็ดหน้า แก้วน้ำ ผ้าเช็ดตัว) เนื่องจากเชื้อก่อโรคทางระบบทางเดินหายใจสามารถเข้าสู่ร่างกายได้ทางการสัมผัสสารคัดหลั่งของผู้ติดเชื้อ
- รักษาร่างกายให้อบอุ่นอยู่เสมอ และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
- หลังเดินทางกลับถึงประเทศไทย ภายใน 14 วัน ถ้ามีอาการไข้ มีอาการระบบทางเดินหายใจ เช่น ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก หายใจเหนื่อยหอบ ให้สวมหน้ากากอนามัย และรีบไปพบแพทย์หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทันที พร้อมทั้งแจ้งประวัติการเดินทาง เนื่องจากมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนปอดบวม และมีอาการรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้
- หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม สอบถามได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422
- ระหว่างเดินทางในต่างประเทศ ขอให้หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่แออัด หรือสถานที่ที่มีมลภาวะเป็นพิษ และไม่อยู่ใกล้ชิดผู้ป่วยไอ จาม หากเลี่ยงไม่ได้ให้สวมใส่หน้ากากอนามัยป้องกัน
- หลีกเลี่ยงการเข้าไปตลาดค้าสัตว์มีชีวิต การสัมผัสหรืออยู่ใกล้ชิดกับสัตว์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสัตว์ที่ป่วย หรือตาย และหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารรวมถึงเนื้อสัตว์ที่ไม่สุกดี
- หมั่นล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอด้วยน้ำ และสบู่ หรือแอลกอฮอล์เจลล้างมือ ไม่นำมือมาสัมผัสตา จมูก ปาก โดยไม่จำเป็น
- ไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น (เช่น ผ้าเช็ดหน้า แก้วน้ำ ผ้าเช็ดตัว) เนื่องจากเชื้อก่อโรคทางระบบทางเดินหายใจสามารถเข้าสู่ร่างกายได้ทางการสัมผัสสารคัดหลั่งของผู้ติดเชื้อ
- รักษาร่างกายให้อบอุ่นอยู่เสมอ และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
- หลังเดินทางกลับถึงประเทศไทย ภายใน 14 วัน ถ้ามีอาการไข้ มีอาการระบบทางเดินหายใจ เช่น ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก หายใจเหนื่อยหอบ ให้สวมหน้ากากอนามัย และรีบไปพบแพทย์หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทันที พร้อมทั้งแจ้งประวัติการเดินทาง เนื่องจากมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนปอดบวม และมีอาการรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้
- หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม สอบถามได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก