ส่องแนวทางการรักษาโรคซึมเศร้าจากประสบการณ์จริงของเหล่าดาราที่เคยป่วยโรคซึมเศร้า พวกเขาเอาชนะจากโรคนี้มาได้ยังไง ด้วยวิธีไหนกันบ้าง
อย่างที่เราเห็น ๆ กันว่า ดารา นักร้อง หลายคนต้องเผชิญกับ
โรคซึมเศร้า แต่ก็มีจำนวนไม่น้อยที่แม้จะป่วยด้วยโรคนี้ ทว่าก็สามารถเอาชนะมันได้ในที่สุด แถมยังนำประสบการณ์ก้าวข้ามโรคซึมเศร้ามาบอกต่อ พร้อมกับให้กำลังใจผู้ป่วยทุกคน อยากรู้ไหมคะว่าเขาเหล่านั้นต่อสู้โรคซึมเศร้าด้วยวิธีไหนกันบ้าง แล้วทำยังไงถึง move on กับชีวิตต่อไปได้อย่างสดใส ลองมาหาคำตอบที่อาจเป็นไกด์ในชีวิตให้คุณกัน
1. ทราย เจริญปุระ
ภาพจาก
เฟซบุ๊ก Inthira Charoenpura
ทราย เจริญปุระ เริ่มต้นป่วยด้วยโรคซึมเศร้าแบบ PTSD หลังประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ จากนั้นต้องมาเผชิญสถานการณ์เครียดกับการดูแลคุณแม่ที่ป่วยโรคซึมเศร้า และโรคสมองน้อยเสื่อม จนทำให้เธอมีภาวะโรคซึมเศร้าระดับ MDD (Major Depressive Disorder) ในที่สุด ซึ่งในตอนที่ป่วยนั้น เธอก็บอกว่าชีวิตเหมือนจมอยู่ในหลุมที่ไม่สามารถหาทางออกไปเจอแสงสว่างได้ ความป่วยนั้นทำให้เสียงานเสียการไปเลย
แต่ด้วยความที่พาคุณแม่ไปโรงพยาบาลบ่อย ๆ ทำให้แพทย์พอจะสังเกตอาการของคุณทรายได้ และนำเธอเข้าสู่กระบวนการรักษา โดยต้องกินยารักษาโรคซึมเศร้าอยู่ตลอด บวกกับพยายามอยู่ด้วยกันกับโรคนี้อย่างเข้าใจ เชื่อฟังในสิ่งที่แพทย์แนะนำ แล้วปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด รวมไปถึงปรับการใช้ชีวิตตามที่แพทย์แนะนำควบคู่ไปด้วย จนในที่สุดอาการก็ดีขึ้นตามลำดับ สามารถกลับไปทำงานได้ และแม้จะมีอาการโรคซึมเศร้าเป็นพัก ๆ เธอก็จะรู้เท่าทันอาการของตัวเอง และวันนั้นก็จะนอนให้เร็ว ตื่นมาก็จะหาย สามารถใช้ชีวิตต่อไปได้
ทั้งนี้ คุณทราย เจริญปุระ บอกกับตัวเองและพยายามจะบอกกับผู้ป่วยโรคซึมเศร้าว่า เราอย่าให้โรคมากัดกินตัวเรา ไม่ใช่ว่าป่วยแล้วเราจะต้องจมอยู่กับความเศร้าอยู่อย่างนั้น เวลาป่วยให้รู้ว่านี่คืออาการป่วย กินยาเดี๋ยวก็หาย เราต้องแยกอาการป่วยกับความเป็นตัวเองให้ได้ ที่สำคัญคือต้องกินยาอย่าให้ขาด เพราะขนาดตัวเธอเองที่อาการดีขึ้นแล้ว แต่ก็ยังกินยาอย่างสม่ำเสมอและมีวินัย
ทราย เจริญปุระ ซูบจนเห็นซี่โครง ในวันที่ป่วยซึมเศร้าหนักสุด ๆ ห้ามตัวเองไม่ได้
2. โบวี่ อัฐมา
ภาพจาก Instagram bowie_atthama
ครั้งหนึ่งในอินสตาแกรมส่วนตัวของคุณโบวี่ เคยโพสต์ข้อความไว้ว่า “ใครที่เป็นโรคซึมเศร้า ก่อนจะฆ่าตัวตายช่วย Direct Message มาหาโบก่อนนะคะ” นั่นเป็นจุดที่ทำให้เราได้รู้ว่า เธอเองก็เคยต่อสู้กับช่วงเวลาที่จมดิ่งไปกับความเศร้ามาแล้ว โดยในตอนนั้นทุกวินาทีมีแต่ความทุกข์ มันเศร้า หม่นหมอง จนเหมือนจะทนกับการมีชีวิตอยู่ไม่ได้ แต่ท้ายที่สุดก็ยังโชคดีที่ได้ไปพึ่งธรรมะ ไปฝึกจิต ปฏิบัติธรรม รวมทั้งไปฝึกใจให้รู้จักปล่อยวาง จนกลับมาสดใสและเข้าใจความทุกข์ในชีวิตได้อย่างทุกวันนี้ พร้อมกับแนะนำคนที่มีอาการซึมเศร้าให้บรรเทาความเครียดด้วยการออกไปโลกภายนอก ไปปาร์ตี้ ไปออกกำลังกาย เพื่อให้กายเราแข็งแรง และการปฏิบัติธรรมเพื่อให้จิตแข็งแรง
โบวี่ อัฐมา ส่งใจถึงคนเป็นโรคซึมเศร้า โปรด DM มาหา อย่าเพิ่งจบชีวิตตัวเอง
3. พลอย เฌอมาลย์
คุณพลอยเป็นโรคซึมเศร้าตั้งแต่อายุ 19 ปี ซึ่งตอนนั้นเธอก็เข้ารับการรักษา และกินยาจนหายเป็นปกติ ทว่าเมื่อเจอมรสุมข่าว โดนแบนในวงการบันเทิง เธอก็กลับมาเจอกับโรคนี้อีกครั้ง และครั้งนี้อาการซึมเศร้าก็ค่อนข้างหนักหนา จนไม่อยากออกไปไหน ร้องไห้ไม่หยุด และมีอาการตัวสั่น แต่วิธีเยียวยาตัวเองในครั้งหลังเธอตัดสินใจอยู่บ้าน หากิจกรรมต่าง ๆ ทำ อย่างการออกกำลังกาย ดูหนัง ทำตัวให้มีอะไรทำไปเรื่อย ๆ จนอาการค่อย ๆ ดีขึ้น กลับมายิ้มและใช้ชีวิตได้อย่างแข็งแกร่งอีกครั้ง
4. น้ำตาล พิจักขณา
ภาพจาก Instagram p_namtarn
นางเอกหน้าหวานคนนี้ก็เคยมีช่วงเวลาที่หม่นหมองจากความรู้สึกทุกข์ในใจ เคยใช้ชีวิตอย่างไร้ความสุข ผ่านจุดที่รู้สึกดาวน์มาก ๆ จนน่ากลัว แต่ยังดีที่รู้สึกตัวได้ทัน คิดได้ว่าเราควรใช้ชีวิตให้มีความสุข โฟกัสแต่สิ่งที่จะทำให้ยิ้มได้มากกว่าต้องมานั่งคิดมากไปกับความทุกข์อยู่ทุกวัน และปัจจุบันนี้เธอก็กลายเป็นคนที่ปล่อยวาง หันเข้าหาธรรมะที่จะช่วยเยียวยาจิตใจให้สงบ ช่วยให้เข้าใจการใช้ชีวิตได้ดีขึ้น ไม่เก็บทุกอย่างมาคิดจนทำให้ตัวเองรู้สึกเป็นทุกข์อีก และมีอะไรก็ระบายให้คนรอบข้างฟัง ไม่ทับถมตัวเองด้วยการเก็บงำความทุกข์อีกต่อไป
5. Uboy TJ
ภาพจาก Instagram urboytj
แรปเปอร์ชื่อดังที่รันวงการนี้มานานอย่าง Urboy TJ ก็ออกมาเปิดเผยว่าตัวเองเป็นโรคซึมเศร้า นอนไม่หลับ และรับการรักษาด้วยยามากว่า 3 ปี ซึ่งเขาเองก็กินยาอย่างสม่ำเสมอ ส่วนอาการซึมเศร้าก็จะเจอบ้างนาน ๆ ที แต่ทุกวันนี้เขาพยายามใช้ชีวิตให้มีความสุข มองทุกอย่างให้มีสีสัน เพราะชีวิตต้องเดินหน้าต่อไป
6. แตงโม นิดา
ภาพจาก Instagram melonp.official
เป็นอีกหนึ่งดาราสาวที่เป็นโรคซึมเศร้าในระดับลึก ถึงขั้นเคยพยายามทำร้ายตัวเองมาแล้ว แต่ดีที่แพทย์ช่วยชีวิตได้ทัน ซึ่งหลังจากเหตุการณ์ในครั้งนั้น ทำให้เธอตระหนักได้ว่ามันเป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบ และมีสติกับการใช้ชีวิตมากขึ้น ส่วนการรักษาโรคซึมเศร้าก็ใช้วิธีกินยาไม่ขาด และใช้ชีวิตให้มีความสุข หากวันไหนที่รู้สึกดาวน์ รู้สึกแย่ เธอจะบอกเล่าให้คนรอบข้างฟังเสมอ ซึ่งสิ่งนี้ช่วยให้ก้าวข้ามความหม่นหมองในใจมาได้ในทุกครั้ง
7. แคทรียา อิงลิช
ภาพจาก Instagram katreeya_e
โรคซึมเศร้าก็เกิดกับสาวคนนี้ด้วยเช่นกัน และเธอก็ต่อสู้กับมันมากว่า 7 ปี โดยมีช่วงหนึ่งของชีวิตที่จิตตกมาก จึงไปปรึกษาจิตแพทย์และเข้ารับการรักษาด้วยยา และดีที่มีคนรอบข้างเข้าใจ ช่วยซัพพอร์ตในทุก ๆ สถานการณ์ในชีวิต ทำให้เธอรู้สึกควบคุมความเศร้าของตัวเองได้ ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน และไม่ทำให้ตัวเองทุกข์จนทนมีชีวิตอยู่ไม่ได้ ที่สำคัญก็คือ อย่ากลัวการไปพบจิตแพทย์ เพราะการพบจิตแพทย์ไม่ได้หมายความว่าเราบ้า หรือเป็นโรคจิต แต่โรคนี้เป็นสิ่งที่เกิดจากความไม่สมดุลในร่างกายเรา เราต้องให้แพทย์เป็นคนช่วยทำให้เรากลับมาเป็นเหมือนเดิม
8. ไมค์ พิรัชต์
ภาพจาก Instagram m1keangelo
ออกมายอมรับเหมือนกันว่าเคยป่วยโรคซึมเศร้า แต่ตอนนี้รักษาโรคซึมเศร้าจนหายดีแล้ว ด้วยการใช้ธรรมะเยียวยาจิตใจ และหนุ่มไมค์ยังบอกว่าโชคดีที่คนรอบตัวให้ความรัก ความเข้าใจ และคอยอยู่เคียงข้าง ทำให้เขาก้าวข้ามโรคซึมเศร้าได้ในที่สุด
9. เอิน กัลยกร
ภาพจาก
เฟซบุ๊ก Kalyakorn Earn Naksompop
กว่าจะยอมรับได้ว่าตัวเองอาจเป็นโรคซึมเศร้า ก็ทำเอาโรคนี้กัดกร่อนชีวิตเธอมาหลายปี จนในที่สุดก็ตัดสินใจเข้าพบจิตแพทย์ และทำการรักษาตามกระบวนการ ซึ่งนอกจากการกินยารักษาโรคซึมเศร้าตามที่แพทย์สั่งแล้ว คุณเอินยังต้องเข้ารับการทำจิตบำบัด เพื่อรักษาปมในใจที่ฝังมานาน และการทำจิตบำบัดก็สามารถคลี่ปมในใจที่ทำให้เธอทนทุกข์ได้ ซึ่งพอผ่านจุดที่แย่สุด ๆ มาได้ถึงทุกวันนี้ ก็ทำให้คุณเอินอยากช่วยเหลือผู้ป่วยโรคซึมเศร้าให้ได้เข้ากระบวนการรักษาที่ถูกต้อง นั่นเป็นเหตุผลที่ตอนนี้เธอเป็นกระบอกเสียงให้ผู้ป่วยโรคนี้ด้วย
เอิน กัลยกร รับป่วยโรคซึมเศร้า สรีระเปลี่ยนเพราะหยุดกินไม่ได้
10. กัสจัง จิรันธนิน
ภาพจาก Instagram guzjun9
เป็นอีกคนที่เคยพยายามฆ่าตัวตายเพราะรู้สึกว่าอยู่ไปก็ไม่มีค่า โดยเธอบอกว่าช่วงนั้นมันรู้สึกแย่มาก ๆ เจอแต่มรสุมรุมเร้าชีวิต บวกกับคนรอบข้างก็ไม่เข้าใจ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นตอนนั้นทำให้ไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไป จนกระทั่งผ่านความเป็นความตายมาได้ เธอก็เข้ารับการรักษาด้วยยาจากจิตแพทย์ ควบคู่ไปกับการหันหน้าเข้าหาศาสนา หาที่พึ่งทางใจให้ตัวเอง พาตัวเองไปอยู่ในที่ที่มีแต่ความรัก ความเข้าใจ จนในที่สุดเธอก็ฟื้นฟูหัวใจให้กลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง และตอนนี้ก็ถือได้ว่าหายจากโรคซึมเศร้าแล้ว เพราะไม่มีนัดแพทย์อีกต่อไป ที่สำคัญเธอก็รู้สึกมีความสุขในชีวิตมาก รักตัวเองมากขึ้น ทุกอย่างแฮปปี้ไปหมด
เห็นไหมคะว่าโรคซึมเศร้าไม่ใช่โรคไกลตัวเราเลยสักนิด และหากมีอาการจิตตกผิดปกติ เศร้า และรู้สึกว่าการใช้ชีวิตในแต่ละวันมันยากมาก ๆ อยากให้ลองไปปรึกษาจิตแพทย์โดยไว และขอให้ทุกคนก้าวข้ามโรคซึมเศร้าให้ได้ กลับมาใช้ชีวิตอย่างสดใสกันอีกครั้ง เพราะโลกใบนี้ยังมีเรื่องสนุก ๆ รอให้เราไปเจออีกเพียบเลยนะ :)
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
ชีวจิต, เดลินิวส์, nineentertain, รายการเจาะใจ